ความพึงพอใจในการเดินทาง
สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาทุก ๆ คนไปชมภาพบรรยากาศสถานที่ที่ไม่ควรพลาดมาเช็คอินในเกียวโตกันค่ะ โดยวันนี้เราจะไปเที่ยววัดเบียวโดอิน วัดสวยที่อยู่ในเหรียญสิบเยนนั่นเอง แล้วไปถ่ายรูปที่ที่พลาดไม่ได้กับซุ้มประตูแดงที่ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ แล้วจบวันสวย ๆ บรรยากาศดีดีที่สถานีรถไฟเกียวโตใกลที่พักของเรานั่นเอง ใครที่กำลังเครียดกับการอยู่บ้าน เบื่อ ไม่รู้จะทำอะไรดี ลองมาเที่ยวผ่านหน้าจอมือถือ หน้าจอคอมกันก่อนนะ55 คลายเครียดในช่วงกักตัวเด้อ
ว่าด้วยเรื่องที่พัก
เราพักใกล้สถานีรถไฟเกียวโต (Kyoto Station : 京都駅) เพื่อที่จะได้เดินทางไปรอบ ๆ เกียวโตได้อย่างสะดวก เเน่นอนเราเลือกโฮสเทลเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายเช่นเคย55 เราพักที่ PIECE HOSTEL KYOTO ที่พักยอดนิยมของคนไทย เราว่าสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรพวกนี้โอเคแทบทุกที่แหละสำหรับโฮสเทลในญี่ปุ่น ที่นี่มีห้องหลายรูปแบบให้เลือก เราเลือกแบบห้องนอนส่วนตัว 2 เตียงแต่ใช้ห้องน้ำรวม ก็ถือว่าคุ้มราคาเลย มีที่ต้องจ่ายเพิ่มคือค่าซักผ้าค่าอบผ้าตามเงื่อนไข

จากรูปมองออกไปก็เห็นสถานีเลย เห็นใกล้แต่เดินในสถานีเองก็เมื่อยอยู่นะ55
ว่าด้วยเรื่องการเดินทาง
เช่นเคยเราใช้ JR-west Rail Pass แบบ 5 วัน สำหรับวันนี้เพื่อเดินทางรอบ ๆ เกียวโต (สำหรับทริปคันไซของเรา เราใช้ JR-west Rail Pass แบบ 5 วัน และ Kansai Thru Pass แบบ 2 วัน)
แผนการเดินทาง
- เก็บกระเป๋าย่านสถานีรถไฟเกียวโต (Kyoto Station : 京都駅)
- ไปเที่ยวอุจิ (Uji) และวัดเบียวโดอิน (Byodoin : 平等院)
- ลอดซุ้มประตูสีแดง(เสาโทริอิ) และสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ(Fushimi Inari Taisha : 伏見稲荷大社)
- ชมวิวเมืองยามค่ำคืนบนสถานีรถไฟเกียวโต (Kyoto Station : 京都駅)
ออกเดินทางไปชมบรรยากาศลมหนาวเดือนพฤศจิกายนในเกียวโตกันเลย
หลังจากเราเดินทางออกจากที่พักในโอซาก้า เราแวะเอาสัมภาระต่าง ๆ มาเก็บที่โฮสเทลกันก่อน แล้วหาอะไรกิน(สำคัญมาก55) จากนั้นเราจะนั่งรถไฟ JR สายนารา (Nara line) ไปเที่ยวอุจิ(Uji : 宇治市)กัน ใช้เวลาประมาณสี่สิบนาทีเราก็มาถึงอุจิแล้ว

ป่ะ เดินไปวัดกัน ระหว่างทางก็ผ่านบ้านคน ผ่านซุ้มประตู

และใบไม้ก็เริ่มเปลี่ยนสีแล้ว ใบเมเปิลแดง ๆ งาม

ก่อนทางเข้าเจอเจ้าต้นไม้สีแดง สีเหลืองได้ความรู้สึกฤดูใบไม้ร่วงมากเด้อ หลงรักเจ้าต้นไม้นี้ แอบมองอยู่นานเลย แค่ต้นไม้เปลี่ยนสีตามฤดูกาลก็มีความสุขละอ่า55

วัดเบียวโดอิน (Byodoin : 平等院)

ป่ะเข้าวัดกัน วัดนี้หลาย ๆ คนคงจะคุ้น ๆ เพราะว่าเหรียญสิบเยนนั้นเป็นภาพของวัดนี้นั่นเอง อารมณ์เดียวกับวัดอรุณฯ ในเหรียญสิบบาทบ้านเราทำนองนั้น55

ระหว่างทางก็จะผ่านสวนสวยงามตามสไตล์ญี่ปุ่น สบายตาสบายใจ

คนเริ่มเยอะ ดีที่สวนนี้ใหญ่พอรองรับเหล่านักท่องเที่ยว แต่เคยอ่านเจอว่าเค้าจำกัดจำนวนคนอยู่นะ งั้นคงสบายใจได้ว่าคนไม่แน่นเกินไปหรอก555 ใบไม้โซนเกียวโตนี่เริ่มแดงกว่าโซนโอซาก้าจริง ๆ



เดินถ่ายรูปรอบ ๆ มีฉากประกอบเป็นสวน อากาศเย็นสบายกำลังดี แดดดี ไม่มีฝนให้ฟ้ามัว

เดินเล่นรอบ ๆ แล้วก็แวะเข้าชมพิพิธภัณฑ์โฮโชคังกันหน่อย (Byodoin Museum Hoshokan : 平等院ミュージアム鳳翔館) ข้างในมีการจัดแสดงศิลปะการลงสีบานประตู รูปปั้นตกแต่ง และมีระฆังใบสำคัญของวัดอีกด้วย

ตัวอาคารมีความเรียบแต่เก๋แบบสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นที่เอาสวนมาเป็นองค์ประกอบได้อย่างลงตัว มีจุดนั่งพักที่ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศสบาย ๆ ของสวนภายในอาคาร




ออกจากพิพิธภัณฑ์ก็จะเห็นวัดอีกมุมนึง สังเกตว่าคนกำลังเริ่มเยอะขึ้น55




เดินเล่นรอบ ๆ วัดพอสมควรแก่เวลา เราจะต้องเดินทางต่อแล้ว แต่ขอแวะไปเดินเล่นริมแม่น้ำอุจิ(Uji River)กันก่อน ซึ่งเป็นทางผ่านเพื่อเดินกลับอยู่เเล้วแหละ55

มีสะพานข้ามไปอีกฝั่ง

แต่เราเดินเล่นฝั่งนี้นี่แหละ555 ระหว่างทางมีสะพานให้เดินไปชมวิวกลางแม่น้ำด้วย จริงเค้าอาจจะเอาไว้ทำอย่างอื่น แต่เราถือว่าเอาไว้ชมวิวนี่แหละ55

ทางเดินริมน้ำก็จะแบบบรรยากาศสบาย ๆ ร่มรื่นดีมาก มาที่นี่จะเห็นคนสูงอายุออกมาเดินบ่อยมาก


แล้วก็เจอเด็ก ๆ ด้วย กลับเข้ามาสู่โหมดบรรยากาศเมืองระหว่างทางเดินกลับไปสถานีรถไฟอุจิ(Uji Station : 宇治駅) เพื่อไปต่อที่สถานีอินาริ (Inari Station : 稲荷駅)


ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ (Fushimi Inari Taisha : 伏見稲荷大社)
นั่งรถไฟมาไม่เกินครึ่งชั่วโมงเราก็มาถึงสถานีอินาริ (Inari Station : 稲荷駅) ออกมาจากสถานีปุ๊ปก็เจอปากทางเข้าศาลเจ้าเลย คนพลุกพล่านพอสมควรเลยแหละ


หลังผ่านซุ้มประตูแดงยักษ์เข้าไปจะมองตัวอาคารสีแดงอยู่ไม่ไกลมาก เดินเข้าไปโล้ด

หันกลับมาอีกที โอ้โห หมู่มวลมหาประชาชี555
ล้างไม้ล้างมือตรงศาลาข้างหน้ากันก่อนแล้วขึ้นไปข้างบนอาคารกัน หลังจากสักการะเพื่อเป็นสิริมงคลแล้วเราก็จะเดินเล่นรอบ ๆ กันก่อน

ที่นี่จะมีรูปปั้นจิ้งจอก (บางคนก็เรียกที่นี่ว่าศาลเจ้าจิ้งจอก) เห็นตั้งแต่ตอนเข้า และข้างในก็มี สืบความได้ว่าจิ้งจอกขาวเป็นสัตว์รับใช้ของเทพอินารินั่นเอง


มีเสาแดงอันจิ๋วแขวนไว้เรียงราย มองเห็นคนยืนอธิษฐานอยู่ก่อนเอาแขวนตรงนี้ ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่เลื่องชื่อในการขอพรเรื่องการงานด้วยน้า

ภายในบริเวณศาลเจ้าก็จะมีศาลา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้สักการะบูชาอยู่เรื่อย ๆ

ไปลอดซุ้มประตูสีแดงกัน ตอนเดินก็ต้องหาจังหวะหน่อยเพราะคนเยอะใช้ได้55


แต่มันก็มีช่วงคนขาดตอนอยู่นะ แต่ถ้าใครอยากได้แบบไม่ต้องรอก็ควรมาเเต่เช้าตรู่555 จริง ๆ คนจะออกันถ่ายรูปในช่วงต้น ๆ ของเส้นทาง ถ้ามาสายแบบเราก็เดินไปลึก ๆ อีกนิด หาจังหวะเหมาะหน่อย ๆ

เก็บรูปเก๋ ๆ กลับบ้าน อิอิ มาเกียวโตจะไม่มีรูปเสาแดงนี้กลับไปได้ไงใช่มะ555

ในนี้มีเส้นทางให้เดินไกลพอสมควร เราก็เอาเท่าที่ไหวแหละ55 พอหอมปากหอมคอ แอบหลงด้วย55

เดินออกมาชมวิวพักเหนื่อยก่อน แดดเริ่มจะหมดละ

เจอเจ้าเหมียว อย่างนึงที่เราชอบในทริปเกียวโตนี่คือเจ้าแมวนี่แหละ55 เราเจอตามสวนบริเวณที่เที่ยวบ่อยอยู่นะ แล้วน้องก็ตัวอ้วน ๆ ขนปุย ๆ 555

หลังจากยืนอ้อยอิ่งกันสักพัก เราแวะหาของกินแล้วเตรียมตัวกลับสถานีรถไฟเกียวโต ไปดูวิวเมืองตอนกลางคืนกัน
สถานีรถไฟเกียวโต (Kyoto Station : 京都駅)

นอกจากที่นี่จะเป็นสถานีรถไฟหลัก เป็นที่กินข้าว เป็นที่ช้อปปิ้งแล้ว ยังเป็นเหมือนสวนสาธารณะย่อม ๆ ให้กับคนเกียวโตอีกด้วย (เป็นทุกอย่างให้เธอแล้วจริง ๆ 5555)

ช่วงคริสต์มาสแบบนี้ก็มีการประดับตกแต่งไฟ มีต้นคริสต์มาสรอต้อนรับบรรยากาศปีใหม่ที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ


ระหว่างขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นดาดฟ้าก็จะเห็นคนนั่งจับกลุ่ม จับคู่ มาคนเดียวบ้างบนบันไดกว้าง ๆ ที่คล้ายกับอัศจรรย์ประดับไฟสีสันต่าง ๆ
ขึ้นมาด้านบนบรรยากาศนั้นคล้าย ๆ กับสวนสาธารณะเลย มีต้นไม้บนดาดฟ้า มีคนมาพลอดรัก55 ไกด์จำเป็นของเราอธิบายว่าเนื่องจากตอนนี้อัตราการเกิดต่ำ และเข้าสู่ยุคผู้สูงอายุที่แท้ทรู ทำให้เค้าเล็งเห็นปัญหาตรงนี้ เลยพยายามทำที่ให้คนได้มาเดท มาปิ๊งรักกันมากขึ้น55


กลับมาสู่วิวเราก่อน! 55 เราจะมองเห็นวิว Kyoto Tower จากตรงนี้ ฟรีอีกด้วย ถ้าเราเลือกขึ้น Kyoto Tower เราก็จะไม่เห็นตัวมันเอง555 เราเดินถ่ายรูปรอบนี่แหละ ชมวิวเมืองทิศนู้นบ้างทิศนี้บ้าง นั่งดูกิจกรรมต่าง ๆ ของผู้คน จนเค้าปิดโซนห้างที่อยู่ข้าง ๆ ไปละ555

บรรยากาศตอนกลางคืนก็เริ่มโรแมนติกเข้าไปอีก55 บวกกับความหนาวที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ บนชั้นดาดฟ้า เราคงต้องขอลากลับก่อน ปล่อยหนุ่มสาวเค้าจู๋จี๋กันไป555


หมดวันแรกที่เกียวโตแบบอิ่มเอมใจกับฤดูใบไม้ร่วง และบรรยากาศบ้านเมืองที่มันทำให้รู้สึกแบบผ่อนคลาย มีความสุข ยิ่งวันนี้เราใช้เวลาแต่ละที่ค่อนข้างชิลล์ มีเวลาถ่ายรูปเยอะ (ที่เอนจอยสุดน่าจะเป็นแม่ เพราะได้รูปกลับไปเยอะมาก555) มีเวลานั่งมองต้นไม้ใบหญ้า55 เป็นการเที่ยวที่มีความเต็มอิ่ม แม้บางที่จะคนเยอะไปบ้าง แต่นั่นก็เพราะว่าทุกคนก็อยากมาเห็นสิ่งที่เราอยากเห็นเหมือนกัน ขอให้สถานการณ์ต่าง ๆ ตอนนี้ดีขึ้นเร็ว ๆ คิดถึงการเที่ยวแล้วเด้อ เราคิดว่าหลาย ๆ คนก็คิดถึงการเที่ยวเหมือนกันเนอะ

ขอบคุณค่ะ
สำหรับทริปคันไซวันอื่น ๆ ติดตามเราได้ต่อที่นี่ค่ะ
Autumn in Kyoto ตอน Arashiyama และ ทุ่งนาญี่ปุ่นชานเมืองริมทางรถไฟ

Autumn in Kyoto ตอน นั่งรถไฟดูใบไม้แดง ชมแสงสียามค่ำคืนที่วัดน้ำใส

อันนี้ทริปเมืองต่าง ๆ ก่อนที่มาเที่ยวเกียวโตค่ะ
From Osaka to Takamatsu ตอนเที่ยวโอคายาม่า นั่งรถไฟหลงไปทาคามัตสึ เดินเล่นยามดึกที่โดทงโบริ

From Nara to Kobe ตอน ไปตามหาน้องกวาง แวะเมืองเนื้อย่างโกเบ

ทริปชมซากุระที่โตเกียว
One day in Tokyo finding Cherry blossom ตามหาเจ้าซากุระและคุณน้าชาวญี่ปุ่นที่โตเกียว

ทริปชิลล์ชมเมืองริมทะเลฟุกุโอกะ
Before Midnight in Fukuoka ฟุกุโอกะหนึ่งวันชิลล์ ๆ กับความหลากหลายยามค่ำคืน

