blog ท่องเที่ยวญี่ปุ่น

One day in Tokyo finding Cherry blossom ตามหาเจ้าซากุระและคุณน้าชาวญี่ปุ่นที่โตเกียว

One day in Tokyo finding Cherry blossom ตามหาเจ้าซากุระและคุณน้าชาวญี่ปุ่นที่โตเกียว

ผู้ร่วมเดินทาง

| คนเดียว |

ค่าใช้จ่ายในการเดินทางต่อหนึ่งคน

| 10000 - 19999thb |

ระยะเวลาการเดินทาง

| 1 วัน |

ยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทาง

|

รถไฟ | 

เที่ยวแบบไหน

| ไปด้วยตนเอง |

สวัสดีค่ะ จากสถานการณ์โลกตอนนี้ที่มีการระบาดของเชื้อ COVID–19 ทำให้หลาย ๆ คนต้องยกเลิกทริปไปประเทศญี่ปุ่นในช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิ วันนี้เราเลยจะพาทุกคนไปชมบรรยากาศฤดูใบไม้ผลิกันที่โตเกียว ในช่วงเริ่มแรกของฤดูซากุระบาน ไปตามหาเจ้าดอกซากุระกันใน 1 วัน แบบฉายเดี่ยว และเป็นไอเดียสำหรับใครที่จะมาญี่ปุ่นในช่วงที่ซากุระเพิ่งเริ่มบาน หรือใครที่มาต่อเครื่อง มีเวลาน้อย ฯลฯ แล้วไม่รู้จะไปไหนดี ลองมาเที่ยวแบบโนแพลนกันค่ะ 55

เกี่ยวกับพักในโตเกียว

เนื่องจากทริปนี้เรามาแบบไม่มีแพลน รู้แค่ว่ามีเวลาวันเดียวและต้องขึ้นเครื่องกลับตอนเช้า เราจึงเลือกโฮสเทลแถว ๆ สถานีรถไฟอูเอโนะ (Ueno Station 上野駅) เพื่อที่จะได้นั่งรถไฟกลับสนามบินในตอนเช้าได้ง่ายและประหยัด55  เราพัก SPACE HOSTEL TOKYO เพราะราคาโอเคสุดในขณะนั้น เนื่องจากจองกะทันหันทำให้เหลือตัวเลือกน้อยและราคาค่อนไปทางแพง ที่นี่โอเคเลย พนักงานต้อนรับน่ารักมาก ช่วยเหลือดีมาก พวกสิ่งอำนวยความสะดวกก็โอเคเลย

การเดินทางสู่โตเกียว

เรานั่ง Vietnam Airline แบบต่อเครื่องจากโฮจิมินห์ ไปลงที่สนามบินนาริตะ (Narita International Airport) ที่สนามบิน Tan Son Nhat International Airport ก็จะมีแบบที่นอนรอ กับแบบเป็นห้อง ๆ ให้ใช้บริการด้วยเผื่อใครมาต่อเครื่องที่นี่ เฝอ(อาหารเวียดนาม)อร่อยดี55 เวียดนามแอร์ไลน์เป็นสายการบินที่เราชอบที่สุดสายนึงเลย เพราะอาหารอร่อย ชาหอม55 แล้วก็พนักงานค่อนข้างเฟรนลี่กับเรา55 ไฟล์ทนี้ใช้เครื่องบิน Airbus A350 เป็นเครื่องใหม่นั่งสบาย บินยาวมีเมนูอาหารให้เลือกสองอย่างสำหรับไฟล์ทนี้ ส่วนขากลับเราใช้บริการของ Thai Lion Air ใช้เครื่องใหญ่บิน (Airbus A330) มีบริการของว่างนิดหน่อย เลือกที่นั่งไม่ฟรี แต่เราโชคดีที่ได้ตรงกลางนอนยาวสามที่นั่งสบายเลย อดดูฟูจิก็ไม่เป็นไรเพราะฟ้ามัว555

การเดินทางในโตเกียว

ทริปนี้เรามาแบบไม่ได้แพลนใด ๆ เพราะมาเรื่องงาน เราเลยไม่ได้ใช้ Pass อะไร เน้นซื้อตั๋วตามที่ที่เราจะไป ดู Google Map ประกอบ กับเลือกสายรถไฟที่ถูกที่สุดด้วย5555 แต่ก็ดีเพราะเรานั่งหลายสายผสมกัน พาสอาจจะไม่คุ้ม แถมเราเปลี่ยนแผนไปมาอีกตังหาก55 เลยใช้วิธีหยอดเงิน ซื้อบัตร รายรอบ ทำให้ค่ารถเป็นอะไรที่แพงสุดของทริป คือรวม ๆ แล้วประมาณ 1,100 บาท น่าจะมาจากค่ารถไฟจากสนามบินนาริตะถูกสุดก็สามร้อยบาทแล้ว

สรุปค่าใช้จ่ายต่าง ๆ

1 วันเราใช้เงินไปประมาณ 2,200 บาท เป็นค่ารถประมาณ 1,100 บาท ค่ากินประมาณ 550 บาท (มีคุณน้าชาวญี่ปุ่นเลี้ยงข้าวเย็น) ค่าโรงแรมประมาณ 550 บาท (โฮสเทล) นอกนั้นเป็นค่าของฝาก เสื้อกันฝน ของล่อตาล่อใจที่เยอะกว่าค่าเที่ยว 555

แผนการเดินทาง

  • ย่านสถานีรถไฟอูเอโนะ (Ueno Station 上野駅)
  • วัดเซนโซจิ (Senso-ji  浅草寺)
  • ย่านอาซากุสะ (Asakusa)
  • ชมวิวสะพาน Rainbow Bridge (レインボーブリッジ) ที่สวนสาธารณะริมน้ำข้าง ๆ Rainbow Bridge Observation Deck
  • ชมวิวยามค่ำคืนที่โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree 東京スカイツリー)

พร้อมแล้วไปตามหาซากุระกับเวลา 1 วันในโตเกียวกัน

ตื่นเช้ามาบนเครื่องบินที่กำลังจะลงจอดที่สนามบินนาริตะ เราค่อนข้างนอนสบายเลยเพราะได้ที่นั่งตรงประตูฉุกเฉินพอดี ยืดขาได้สบาย ๆ 55 หลังจากนั้นเราจะไปนั่งรถไฟเข้าเมืองกันด้วยรถแบบที่ถูกที่สุด ถูกสุดก็ 1,030 เยนละนะ55 ซึ่งนั่งค่อนข้างนาน แต่ไม่เป็นไรเราเน้นประหยัด55 แต่ก็มีข้อดีนะทำให้เราได้เห็นวิวมากขึ้น และเห็นซากุระและดอกบ๊วยตามบ้านคนเริ่มบานกันแล้ว

สถานีอูเอโนะ (Ueno Station 上野駅) และ Ameyayokocho Market (アメヤ横丁)

นั่งมาจนถึงสถานีอูเอโนะ (Ueno Station 上野駅) เราก็แอบงงว่าถึงแล้วหรอเพราะกูเกิ้ลแมพไม่อัพเดท แต่คนออกไปหมดเลย เราเลยออกไปเช็คข้างนอกดูเจอฝรั่งมาถามเราว่ารถไฟไปสนามบินใช่เปล่า เราก็ถามกลับว่านี่สถานีอูเอโนะใช่มั้ย55 นักท่องเที่ยวงง ๆ มาเจอกัน ออกมาจากชั้นใต้ดิน พบกับ Fresh Air ของโตเกียว(แต่ถ้าใครแพ้เกสรคงไม่เฟรชเท่าไหร่55 ใครที่แพ้ง่ายต้องระวังฤดูนี้ด้วยนะอาจจะมีสิวหรือจามได้) ได้ความรู้สึกแบบเฮ้ยเหมือนการ์ตูนที่เราเคยดูเลย คนเดินเร็ว ๆ คนเยอะ ๆ เราเดินแวะเล่นย่านนี้แต่ร้านต่าง ๆ ยังไม่ค่อยเปิด แถวนี้คือน่าจะมีของช้อปปิ้งเยอะ แต่ก็เจอคนไทยทุกมุมตึกเช่นกัน ทำให้คิดว่าเป็นย่านช้อปปิ้งแน่นอน 55 ยังไม่ทันไรเราก็หาของกินแล้ว เพราะเดินผ่านร้านอาหารเยอะมาก และหิวมากด้วย เราเลยลองราเมงแบบที่เราไม่กล้าลองที่ไทย 55 ปกติคือไม่ได้ชอบราเมงขนาดนั้น แต่รู้สึกว่าเวลามากินที่นี่แล้วมันอร่อยจัง ทงคตสึราเมงเด้ออออ กินอิ่มแล้วก็เตรียมตัวไปเที่ยวต่อเลย กะว่าเดี๋ยวมาช้อปปิ้งตอนเย็น อย่าไว้ใจคำว่าเดี๋ยวมา555

วัดเซนโซจิ (Senso-ji  浅草寺)

เรานั่งรถไฟมาที่สถานีอาซากุสะ (Asakusa Station 浅草駅) ด้วยราคา 170 เยน สถานีดูเงียบเหงาเล็กน้อย แต่พอเดินจากสถานีรถไฟจนมาถึงบริเวณใกล้วัดก็เริ่มพบกับหมู่มวลมหาประชาชีนักท่องเที่ยว555 มาคนเดียวก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีคนถ่ายรูปให้55 เราเจอนักท่องเที่ยวที่มาคนเดียวเหมือนกันมาเสนอข้อแลกเปลี่ยนแบบผลัดกันถ่าย ได้รูปกลับบ้านจ้า แวะมาทั้งทีก็ไหว้พระสักหน่อย เสี่ยงเซียมซีสักนิด เดินเล่นรอบวัดจนมาเจอดอกบ๊วยสีขาว สีชมพู จากวัดนี่มองไปเห็น Tokyo Skytree ด้วย เจอแล้วซากุระจุดที่ 1 อยู่ในวัดนี่แหละ โอ้ยงามมาก นี่ขนาดต้นเดียวเองนะ เป็นซากุระที่สีค่อนข้างสด เนื่องจากเรามาช่วงเเรก ๆ ของฤดูใบไม้ผลิ ก็จะเจอเจ้าซากุระพันธุ์นี้ หากใครชอบสีอ่อนก็ต้องรอหน่อยน้า แต่อันนี้ก็แอบปลื้มปริ่มใจมากแล้ว น้องฟรุ้งฟริ้งมาก 555 เสียมซีบอกว่าเราจะเจอคนนั้น555 คือมาญี่ปุ่นทีไรได้เสียมซีที่ดีตลอดและก็แม่นนะ ยกเว้นเรื่องความรักนี่แหละ555 ดูและถ่ายรูปพักนึงเราก็ต้องไปต่อ ฝ่าฝูงชนที่กำลังหลั่งไหลมาเที่ยววัดออกไป ครั้งนี้เราจะออกอีกทางออกนึงซึ่งจะไปโผล่ตรง Kaminarimon Gate Senso-ji (浅草寺 雷門) ซึ่งเป็นซุ้มประตูทางเข้าที่คนส่วนใหญ่เข้ากันทางนี้ 55  ระหว่างทางก็จะเจอร้านขายของ ทั้งของฝากของกิน อารมณ์ของฝากตามวัด ที่ท่องเที่ยว เรียงยาวตลอดทางเดิน Culture Tourist Information Center (浅草文化観光センター) ย่าน Asakusa ออกมาจากประตูก็จะเจอเจ้าตึกนี้ เป็นตึกที่นักเรียนสถาปัตย์รู้จักดี สำหรับนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิวข้างบนได้ ฟรีนะ ข้างในก็จะมีพวกคาเฟ่ด้วย จะว่าไปย่านนี้มีคาเฟ่อยู่หลายที่ทีเดียว คาเฟ่เเมวก็มี เราเดินไปต่อเพื่อขึ้นรถไฟไปสถานีซิมบาชิ (Shimbashi Station 新橋駅) เพื่อที่จะไปนั่งรถไฟสายยูริคาโมเมะ(Yurikamome) ต่อไปโอไดบะ บรรยากาศระหว่างทางก็จะเหงา ๆ หน่อย ผู้คนอยู่ในตึกทำงานกันช่วงเวลานี้ บวกกับความมัวของท้องฟ้าและความหนาวของปลายฤดูหนาว นึกถึงหนัง Lost in Translation ขึ้นมาเลย โตเกียวเมืองเหงาแม้จะมีผู้คนมากมายตามสถานีรถไฟ555

รถไฟสายยูริคาโมเมะ(Yurikamome)

หรืออีกชื่อคือสายริงไก (Rinkai Line) เป็นรถไฟไร้คนขับ เป็นรถแล่นบนรางยกระดับ ทำให้เห็นวิวตึกอาคารในโตเกียว พอใกล้ถึงสถานีก็จะเห็นสะพานสายรุ้งกับโตเกียวเบย์(Tokyo Bay) ก็ได้บรรยากาศดี ตอนแล่นมีช่วงที่ดูอวกาศเล็ก ๆ แต่เราผ่านช่วงที่เเล่นผ่านโตเกียวทาวเวอร์ด้วยนะแต่ไม่แน่ใจว่าเห็นมั้ยเพราะไม่ได้หันไปมอง55 มัวแต่ตื่นเต้นวิวตึก

สถานีรถไฟไดบะ (Daiba Station 台場駅)

ออกจากรถมาก็เจอลมปะทะ หนาวมาก55 สถานีนี้จะมี Aqua City Odaiba ให้หลบหนาวและหาอะไรกิน55 เราเดินผ่านสกายวอล์คข้ามถนนก็จะเจอเจ้า “ซากุระ” ที่บานเป็นสีชมพูเรียงรายอยู่ริมถนน เดินมาจะเจอความ New York City 55 มีรูปปั้นเทพีเสรีภาพอยู่เด้อ เขาคือ Odaiba Statue of Liberty Replica (自由の女神像)  ส่วนใครชอบกันดั้มก็ลงสถานีนี้เหมือนกันและเดินไปอีกฝั่งถนนนะจะเจอUnicorn Gundam Statue (実物大ユニコーンガンダム立像) เราเป็นสายธรรมชาติเลยเดินลงมาดูวิวโตเกียวเบย์กับสะพานสายรุ้ง Rainbow Bridge (レインボーブリッジ) ลมเย็น ๆ กับวิวสวย อากาศดี ๆ มองไปเห็นเจ้าต้นซากุระออกดอกบานสะพรั่งไกล ๆ เสียงนกร้อง ปลาว่ายน้ำ นี่คือเมืองใหญ่ความหนาแน่นติดอันดับโลกแต่ยังมีที่ให้เราได้หายใจ ได้รู้สึกแบบไม่ต้องเร่งรีบ ให้เวลาเดินไปช้า ๆ แบบได้พักผ่อนจริง ๆ พักจนหายเมื่อยเเล้วเราก็จะเดินไปถ่ายรูปกับเจ้าซากุระหน่อย แล้วค่อยวนกลับมาตรงนี้อีกครั้งเพื่อดูพระอาทิตย์ตกและขึ้นรถไฟไปต่อกัน เจอมันเผาคุณลุงที่เขียนป้ายไว้เป็นภาษาไทย แหมต้องอุดหนุนซะหน่อยละ จริง ๆ อยากกินมากกว่าเพราะกลิ่นหอมมากกกกก แล้วมันก็อร่อยจริง ๆ ปกติมันอร่อยอยู่แล้วแต่พอมีอากาศหนาว ๆ กับความน่ารักของคุณลุงที่พอรู้ว่าเราเป็นคนไทยเลยทักทายด้วยภาษาไทย55 ยิ่งมีความสุขเข้าไปใหญ่ เราข้ามถนนมาดูเจ้าซากุระกัน มีนักท่องเที่ยวมาบ้างประปราย เด็กญี่ปุ่นเดินเก็บซากุระที่ร่วงตามทางเดิน ดูมีความสุข น้องเหลือไว้ให้เราด้วยดอกนึง55 เส้นทางสายดอกไม้ คือดี ถึงมันไม่ได้มีกลิ่นหอมแต่แบบแค่เดินผ่านก็สบายตา สบายใจละอ่า ชอบจังอารมณ์แบบเดินเล่นทุ่งลาเวนเดอร์มีม้ายูนิคอร์น55 แต่มันให้ความรู้สึกอย่างงั้นจริง ๆ แบบโลกเรามีอะไรเล็ก ๆ ที่สวยงามอยู่รายล้อม ถ้าเราเลือกที่จะมองจะมีความสุขกับสิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้ มันก็จะเป็นหนึ่งสิ่งดี ๆ ของวันแบบไม่ต้องยิ่งใหญ่เว่อร์วังให้เราได้บันทึกไว้ในใจ เดินวนกลับมาเจอเรืออวกาศ55 เสียดายที่เราต้องไปแล้ว เพราะนัดกับคุณน้าชาวญี่ปุ่นเอาไว้ เราจึงเก็บภาพความทรงจำก่อนพระอาทิตย์จะตกดินไว้ แบบที่เห็นแล้วนึกถึงเสียงนกร้อง เสียงสายน้ำ ลมพัดให้วันนั้นได้เป็นอย่างดี เก็บภาพถ่ายและเก็บภาพความรู้สึก ความทรงจำไว้

โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree 東京スカイツリー)

เรานั่งรถไฟมาลงที่สถานี Tokyo Skytree Station (とうきょうスカイツリー駅) ต้องบอกก่อนว่าอันนี้ไม่ได้อยู่ในแผนเรา คือเดินเล่นหาของกินชิลล์ ๆ ที่ย่านที่พักตรงสถานีรถไฟอูเอโนะ (Ueno Station) แต่หลังจากคุณน้าชาวญี่ปุ่นรู้ว่าเรามาโตเกียว จึงนัดเจอกันที่นี่ ต้องท้าวความว่าเราเจอคุณน้าตอนนั่งรอรถเมล์ไปเที่ยว Putrajaya ที่กัวลาลัมเปอร์ เราประสบชะตากรรมเดียวกันในการรอรถเมล์จนต้องหุ้นกันขึ้นแท็กซี่ไป ทำให้เราได้เที่ยวด้วยกันนิดหน่อยและแลกคอนแทคเอาไว้ ตอนแรกเรานึกว่านัดเจอกันเฉย ๆ เพราะคุณน้าทำงานอยู่แถวนี้พอดี แต่ไม่ใช่แค่นั้น คุณน้าเป็นเจ้าบ้านที่ดีจนเราเกรงใจ คือจะพาเราขึ้นไปดูวิวข้างบนด้วยกัน แม้ว่าเราจะบอกว่าเราจะต้องรีบกลับโฮสเทลก่อนสี่ทุ่มเพราะยังไม่ได้เช็คอิน55 อาจจะขึ้นไปดูวิวแล้วไม่คุ้ม แต่คุณน้าก็บอกว่าไหน ๆ มาแล้วขึ้นไปดูเถอะ55 คุณน้าพามากินราเมงก่อนชมวิว555 คือเป็นอะไรที่รีบเร่งมาก เพราะโตเกียวสกายทรีก็จะปิด เราก็ต้องรีบกลับ55 แต่ก็ได้ลองราเมงใหม่ ๆ อีกแล้ว อย่างที่บอกว่าเราไม่ชอบกินราเมง เพราะเคยลองหลายร้านในบ้านเราแล้วมันไม่อร่อยอ่า ราเมงเดียวที่กินคือราเมงมะเขือเทศตรงแถวสีลมอ่า55 แต่มาโตเกียวคราวนี้ทำให้เราชอบราเมงไปเลย อันนี้เป็นแบบแยกน้ำซุปออกจากเส้น คุณพระ! อร่อยมากฮือออ คุณน้าพาเราจ้ำ55 ไปขึ้น Skytree และแทบน้ำตาไหลอีกรอบเลี้ยงราเมงแล้วยังเลี้ยงค่าเข้า เกรงใจมาก จนพนักงานญี่ปุ่นที่ขายตั๋วขำแล้วบอกให้เรารับไว้55 ค่าเข้าไม่ใช่ถูก ๆ เลยนะ 2,060 เยนแหนะ แต่วิวก็สวยจริง ๆ (ขออภัยในคุณภาพกล้อง รีบจริง ๆ กด ๆ อย่างเดียวเลย เน้นมองเห็นด้วยตาจริง ๆ 55) คุณน้าก็บรรยายไปว่านั่น Tokyo Tower นะ นั่นคลองนะ ตรงนี้ช่วงเทศกาลจะมีดอกไม้ไฟนะ เหมือนมีไกด์ส่วนตัวฮือออ มีแบบกระจกมองลงไปด้วย ถ้ามากลางวันคงเสียวมาก หลังจากเซลฟี่กะคุณน้าเรียบร้อย เราจึงรีบนั่งรถกลับไปโฮสเทล ด้วยความรน55 คุณน้าเห็นเราเด๋อ(จริง ๆ คือเราเป็นแบบนี้จะดูเด๋อ ๆ เวลากดตั๋วรถไฟ55) คุณน้าทนไม่ไหวกลัวเราไม่ถึงโฮสเทล55 เลยนั่งมาส่ง แถมเราเด๋อจริงเพราะทำตั๋วรถไฟร่วงบนรถ ดีที่คุณลุงบนรถเก็บให้ คุณน้าเดินมาส่งเราที่โฮสเทลเพราะคุณน้าบอกว่าดึกแล้วมันอันตราย จริง ๆ ตอนกลางคืนที่นี่ไม่น่ากลัวขนาดนั้นนะ แต่แบบไม่ประมาทดีที่สุด แต่เราก็ยังรู้สึกว่ามันปลอดภัยนะ รึเปล่า55 เราเช็คอินเรียบร้อย ก็ออกไปเซเว่นซะหน่อย ฝนตกซะและ ยืมร่มโฮสเทลไป ทีนี้หน้าเซเว่นจะมีให้วางร่ม เราก็เห็นอันก่อนหน้ามันพัง ๆ เราเลยเอากระดาษผูกทำสัญลักษณ์ไว้ พอเดินออกมานั่นไง สลับร่มเราไปอีกกกก อย่างงี้มันตั้งใจชัด ๆ วิ่งตามก็ไม่เจอ แต่จริงแล้วมันไม่พังขนาดนั้นแค่มันหลุด แต่ก็แอบเซ็งที่มาสลับของเรา555 บรรยากาศยามดึก เงียบเหงากับสายฝนโปรยปราย55 ตื่นเช้ามาเตรียมตัวกลับบ้านแล้ว ฝนตกแรงจนต้องซื้อเสื้อฝน เดินแบบรองเท้าเปียกไปสถานีที่ไกลมาก แล้วงงว่าทำไมไม่ขึ้นใต้ดินไปลงสถานีอูเอโนะ ทั้งๆ ที่สถานีรถไฟใต้ดินอยู่ใกล้โฮสเทลมาก55 นี่คือเบอะเเรกที่เฉลยก่อนขึ้นเครื่องกลับ ความเบอะที่สองคือดงซากุระที่เยอะกว่าอยู่ตรงบริเวณสวน Ueno Onshi Park (上野恩賜公園) คือสวนใกล้ ๆ สถานีรถไฟอูเอโนะนั่นเอง ซึ่งใกล้กับโฮสเทลมาก5555 นั่งรถกลับสนามบินกัน ราคาเท่าเดิมเพิ่มเติมคือกลัวตกเครื่อง เพราะกะเวลาเป๊ะไปหน่อย ใครมาสนามบินนาริตะก็เผื่อเวลากันหน่อยน้า เพราะเจ้าหน้าที่เค้าค่อนข้างละเอียดอาจจะช้าไปบ้าง เราเช็คอินปุ๊ปบอร์ดดิ่งเลย ทั้ง ๆ ที่แอบเผื่อเวลามาช้อปปิ้งนิดหน่อยละนะ55 แต่ทริปนี้ก็เป็นทริปที่เราประทับใจมากทริปนึงเลย เกิดมาเพิ่งเคยเห็นซากุระ ได้กินราเมงที่มันอร่อย ๆ ตอนนี้เราชอบราเมงแล้วแหละ55 ได้เจอเพื่อนร่วมทริปที่เราไม่คิดว่าเราจะได้วนมาเจอกันอีกครั้งและเค้าต้อนรับเราอย่างดีมาก ทำให้เราได้ความทรงจำ ความรู้สึกดี ๆ กลับบ้านมา เพื่อที่ว่าเราจะได้เรียกมันกลับมาตอนที่เราอาจจะไม่แฮปปี้ เช่นตอนนี้ที่สถานการณ์โลก สถานการณ์บ้านเมืองเราตั้งแต่ต้นปีมีแต่อะไรที่ดูน่าหดหู่ใจ เราเลยเลือกดึงความทรงจำดี ๆ ภาพดี ๆ ในอดีตมาบอกตัวเราว่าเรายังมีสิ่งที่สวยงามอยู่นะ ขอบคุณค่ะ

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
ABOUT ME
Let_me_go_there
Let_me_go_there
Instagram: Let_me_go_there
RELATED POST
4DE1E04B-FD52-43E1-B461-70092669B6B8
blog ท่องเที่ยวญี่ปุ่น

Korankei Falls ใบไม้เปลี่ยนสี 1 วัน ในโตโยต้า

Korankei Falls ใบไม้เปลี่ยนสี 1 วัน ในโตโยต้า ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีปีที่แล … 27/05/2024
คำแนะนำสไตล์การท่องเที่ยวญี่ปุ่น 100 แบบ
cover
blog ท่องเที่ยวญี่ปุ่น

Autumn in Kyoto ตอน นั่งรถไฟดูใบไม้แดง ชมแสงสียามค่ำคืนที่วัดน้ำใส

สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาทุกคนไปนั่งรถไฟชมบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสี บนรถไฟเ … 28/05/2024
คำแนะนำสไตล์การท่องเที่ยวญี่ปุ่น 100 แบบ
ฺBENTENJIMA
blog ท่องเที่ยวญี่ปุ่น

ตะลอนเที่ยวชิซึโอกะ ขี่จักรยานชิวๆ รอบเกาะเบ็นเท็นจิมะ PART 2

โอฮาโย โกะไซมัส สวัสดีค่าาา เช้านี้ตื่นมาเที่ยวต่อกับทริปตะลอนเที่ยวชิ … 12/07/2024
คำแนะนำสไตล์การท่องเที่ยวญี่ปุ่น 100 แบบ
Young Geisha
blog ท่องเที่ยวญี่ปุ่น

ประสบการณ์การแต่งเป็นเกอิชากับไมโกะในเกียวโต

เริ่มจากการเดินทางไปเกียวโตคะ โดยจุดหมายคือวางแผนไปเกียวโตจริงๆเพื่อศึ … 27/05/2024
คำแนะนำสไตล์การท่องเที่ยวญี่ปุ่น 100 แบบ
s-0022
blog ท่องเที่ยวญี่ปุ่น

เรียกโชคลาภแรงๆที่ศาลเจ้ามิโซหงิ อิ่มเอมกับธรรมชาติหน้าร้อน ถ่ายรูปสวยๆที่ทุ่งทานตะวันแห่งยามานะชิ

ควันหลงเรื่องรักฉุดใจนายฉุกเฉิน ระหว่างที่ผู้เขียนคิดอยู่ว่าจะพาทุกคนไ … 28/05/2024
คำแนะนำสไตล์การท่องเที่ยวญี่ปุ่น 100 แบบ
blog ท่องเที่ยวญี่ปุ่น

From Nara to Kobe ตอน ไปตามหาน้องกวาง แวะเมืองเนื้อย่างโกเบ

สวัสดีค่ะ ช่วงนี้หลาย ๆ คนคงอยู่ในช่วง Work from home กัน หลายคนคงเฉา  … 28/05/2024
คำแนะนำสไตล์การท่องเที่ยวญี่ปุ่น 100 แบบ

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!

OhHotrip.com icon
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.