หนึ่งวันในคาวาโกเอะ (Kawagoe) ลิตเติ้ล เอโดะ ย้อนบรรยากาศเมืองเก่าและขอพรศาลเจ้าความรักชื่อดัง ฮิกาวะ

ความพึงพอใจในการเดินทาง

สวัสดีค่ะกลับมา พาเที่ยวที่ใกล้ใกล้โตเกียวกันอีกแล้ว การที่คาวาโกเอะ (Kawagoe) หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในนามลิตเติ้ลเอโดะกันค่ะ
เชื่อว่าหลายหลายคนคงเคยรู้จักหรือเคยอ่านบทความเกี่ยวกับที่แห่งนี้มาไม่มากก็น้อยนะคะแต่วันนี้เราจะมารวบรวมจุดห้ามพลาดทั้งถ่ายรูปเรื่องกินและขอพรความรักกันค่ะ ก่อนอื่นก็มาทำความรู้จักกันเข้าคร่าวๆเกี่ยวกับเมืองนี้กันหน่อยนะคะ
เมืองคาวาโกะเอะอยู่ในจังหวัดไซตามะ ทางด้านตอนเหนือของโตเกียวไม่ใกล้ไม่ไกลถ้านั่งรถไฟไปก็ประมาณ 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมงเท่านั้นค่ะแต่เมืองนี้มีอะไรดีจนทำให้หลายคนอยากมากันนะ อย่างแรกเลยก็คงเป็นเรื่องของกินค่ะเพราะจังหวัดไซตามะขึ้นชื่อเรื่องมันม่วงมากๆ โดยเฉพาะขนมที่ทำจากมันม่วงและซอร์ฟครีมมันม่วงที่นี่อร่อยมากๆเลยล่ะค่ะ อย่างที่สองสำหรับคนชอบกินปลาไหลหรือในภาษาญี่ปุ่นที่เรียกว่าอูนาหงินั่นเองจ้า อย่างที่สามสภาพบ้านเรือนที่มีความวินเทจและ Original แบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่น หลายอย่างที่สี่อย่างสุดท้ายคือศาลเจ้าความรักชื่อดังที่หมู่วัยรุ่นญี่ปุ่นมักมาขอพรกัน โดยเฉพาะถ้าเป็นช่วงหน้าร้อนก็จะมีเทศกาลกระดิ่งลม(เขาเรียกงี้หรือเปล่านะ??) ให้มาถ่ายรูปคิ้วท์คิ้วท์กันด้วยน้า เอาล่ะเราก็เกริ่นกันมาให้ทุกคนได้รู้เรื่องเด่นเด่น ของเมืองนี้กันแล้ว ว่าแล้วก็ตามเราไปเที่ยวกันเลยค่ะ
สถานี ที่ใกล้ที่สุดจะมีสองสถานีด้วยกันสถานีแรกคือ สถานีคาวะโกเกะชิ สถานีที่สองคือ สถานีฮงคาวาโกเอะค่ะ จะลง สถานีไหนก็ได้เลยแล้วจากสถานีเดินมาถึงตัวสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในคาวาโกเอะ น่าจะเดินประมาณ 15 นาทีค่ะ

คาวาโกเอะอยู่ทางด้านตอนเหนือของโตเกียวดูจากรูปแล้วก็เห็นได้เลยใช่ไหมราคาว่าไม่ไกลจากโตเกียวเลย
แก่การเที่ยววันเดียวหรือเที่ยวเก็บตกก่อนกลับมากๆเลยล่ะค่ะ

มาถึงแล้วก็เดินกันนิดหน่อยค่ะถ้ามาหน้าร้อนก็เตรียมภาชนะซับเหงื่อไว้หน่อยแล้วกันนะคะอิอิ

บ้านเมืองในเมืองนี้จะมีความคลาสสิคมากๆทั้งอาคารที่ทำการต่างๆกระทั่งร้านขนม
คุณจะสามารถเห็นวิวอย่างในรูปนี้ได้ทั่วไปเลยล่ะค่ะน่ารักเนอะ อย่างจุดสังเกตก็คือคำว่าโกเอกจะไม่มีฟุตบาทที่ต่างระดับกับถนนค่ะคือมันจะเรียบไปหมดเลยอันนี้ก็เป็นจุดเด่นของเมืองเก่าในญี่ปุ่นค่ะ

ด้วยความที่คาวาโกเอะเป็นเมืองโบราณทำให้คนญี่ปุ่นเองก็มักจะใส่ชุดยูกาตะหรือกิโมโนมาเดินเล่นในเมืองนี้ค่ะ

เอาล่ะพอเราเดินทางมาถึงก็ 11 โมงกว่าจะ เที่ยงแล้ว เป็นเวลาของอาหารกลางวันพอดีซึ่งมื้อนี้เราก็จะไม่พลาดไปกินร้านเด็ดของคาวาโกะเอกันค่ะ นั่นก็คือร้าน อิจิโนยะค่ะ เวลาที่เราไปถึงเพิ่งเลยเวลาเปิดร้านมาได้ไม่นานก็จริงแต่พอไปดูคิวแล้วเราต้องรอเกือบชั่วโมงครึ่งเลยล่ะค่ะกว่าจะได้ที่นั่ง แล้วที่ฟังคนญี่ปุ่นคุยกันก็คือเมื่อวานร้านนี้ก็เพิ่งจะออกทีวีไปอีกแล้วหมาดๆคนก็เลยเยอะกว่าปกติค่ะ แต่เราก็รอเพราะมันต้องอร่อยแน่แน่

อยู่ข้างนอกดูไม่มีใครเข้าไปข้างในไม่มีที่นั่งร้องไห้ไปอีก TVT

หลังจากสิ้นสุดการรอคอยของเรา เราก็เข้ามานั่งเรียบร้อยแล้ววันนี้สำหรับผู้เขียนเองผู้เขียนสั่งชุดฮิทสึมาบูชิค่ะ หรือก็คือข้าวปลาไหลที่มีขั้นตอนการทานได้หลายแบบแล้วสุดท้ายก็ตบท้ายด้วยชาที่ใส่ลงไปในข้าว อู๊ยยยย อร่อยอย่าบอกใครเลย
ส่วนเพื่อนที่มาด้วยกันนางอยากกินแบบจัดเต็มเอาให้ครบทุกอย่างตั้งแต่ปลาไหลยันปลาดิบ รวมทั้งตับปลาใหลด้วยนางเลยสั่ง Full course ราคา 6800 เยนไปเลยจ้า สติอาหารปลาไหลจะมีราคาสูงอยู่แล้วแล้วยิ่งเป็นร้านดังราคาเลยค่อนข้างจะสูงนิดหนึ่งค่ะแต่ก็มีให้เราเลือกหลายราคาตั้งแต่ 2000 เยนนิดนิดจนถึงระดับเกือบ 7000เยน นี่แหละค่ะ ว่าแล้วเลื่อนรูปลงไปดูความน่าอร่อยกันเลยจ้า

คาบายากิคอร์ส คอร์สแบบจัดเต็ม เพื่อนมื้อนี้กินอย่างราชา

FULL course อลังการน่ากินมากๆ

ตับ ปลาไหลย่างซอสเมนูพิเศษที่จะมีในคอร์สนี้เท่านั้นค่ะ

เนื้อเน้นเน้นสีสวย

ส่วนอันนี้เซตฮิทสึมาบูชิค่ะ ขนาดจะเล็กลงมาหน่อยนิด

อันนี้ซอสเข้มคนมากเพราะฉะนั้นเวลาใส่ชาลงไปนะคะแหมมันเข้าเนื้อดีจริงๆ

ร้านอิจิโนะยะที่มีประวัติอันยาวนาน

หลังจากทานเสร็จเราก็เดินชมไปรอบรอบเมืองหาขนมกินเล่นบ้างถ่ายรูปบ้างเชื่อว่าหลายหลายคนคงเคยได้อ่านมาบ้างไม่ว่าจะเป็นตรอกขนมหรือรูปปั้นกิ้งก่าโชคลาภและขนมมันม่วงที่ขึ้นชื่อ หอระฆังเพราะฉะนั้นสำหรับสามสิ่งนี้ เราจะพาชมรูปแค่คร่าวๆแล้วกันนะคะ

โทกิโนะคาเนะ หอนาฬิกาโบราณคู่บ้านคู่เมืองเรียกว่าเป็นแลนด์มาร์คที่ขาดไม่ได้ในการมาเยี่ยมเยียนคาวะโกเอะ ก็ว่าได้ค่ะถ้าเราเดินเข้าไปข้างในก็จะมีศาลเจ้าเล็กๆให้เราขอพรกันด้วย

ตรอกขนมหวานที่ขายของค่ะเฉพาะของคาวะโกเอะค่ะ ซอยนี้จะเป็นซอยที่คนพุกพล่านอยู่เสมอ ถ้าใครจะซื้อของฝากก็ต้องซอยนี้ล่ะค่ะรูปทางด้านซ้ายเป็นขนมมันม่วงมีทั้งขายแบบกล่องและแบบเป็นชิ้นชิ้นเดินทานได้เลย

กิ้งก่าโชคลาภเรียนที่กิ้งก่าตัวนี้ปีนอยู่ก็คือเหรียญ 5 เยนค่ะซึ่งในภาษาญี่ปุ่นออกเสียงว่าโกะเอ็น โดยเฉพาะของเสียงกับคำว่าโชค(โกะเอ็นご縁) เพราะฉะนั้นเวลาขอพรที่ศาลเจ้าคนญี่ปุ่นก็มักจะใช้เหรียญ 5 เยนในการขอพรกันค่ะ

หลังจากเดินวนวนรอบเมืองเสร็จแล้วที่ที่ขาดไม่ได้สำหรับทริปนี้เลยก็คือไปขอพรด้านความรักกันค่ะที่ศาลฮิกาวะ สามารถเดินไปจากตัวคาวาโกะเอได้เลยค่ะประมาณ 10 ถึง 15 นาทีเท่านั้นเอง

หมายเลขหนึ่งในภาพคือร้านอิจิโนะยะ แล้วที่อยู่ในวงกลมคือหอนาฬิกาค่ะ

ศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อเสียงในการขอพรเรื่องความรักมากๆเลยเพราะฉะนั้นพอเราไปถึงก็เจอแต่คู่รักเต็มไปหมดเลยค่ะคนโสดเนี่ยเปลี่ยวเลย 5555555. สำหรับศาลเจ้านี้แนะนำให้มาตอนหน้าร้อนนะคะ เพราะเค้าจะมีเทศกาลกระดิ่งลม แห่งความรัก ให้ได้ถ่ายรูปน่ารักน่ารักด้วยละค่ะ

กระดิ่งลมเอยขอแฟนให้ข้าด้วยจ้า 55555

พอเราเข้าไปข้างในนะคะนอกจากตัวศาลเจ้าที่เอาไว้ให้เราไหว้ขอพรแล้วก็จะมีเป็นซุ้มกระดิ่งลมให้เราเอาคำอธิฐานและผูกไว้ด้วยล่ะค่ะ. แล้วก็จะมีแถวสำหรับยืนต่อรอเข้าอุโมงค์ด้านในของตัวศาลเจ้า แต่ว่าแถวค่อนข้างยาวนิดนึงนะคะถ้าใครไม่รีบก็แนะนำ ให้ลองเข้าไปดูค่ะ

จุดเด่นอีกอย่างของศาลเจ้านี้ก็คือเซียมซีปลาทองนั่นเองจ้าเหมือนให้เราเล่นเกมตกปลาทองนะคะมีทั้งสีแดงสีฟ้าสีชมพูแล้วพอเราไปช่วงหน้าร้อนก็เป็นช่วงเทศกาลทานาบะตะพอดี ก็เลยได้เขียนป้ายอธิฐานเกรดเกร๋กันด้วย. เซียมซีปลาทองนี้ห้ามพลาดนะคะมีแค่ที่นี่ที่เดียวเท่านั้นค่ะ

เขียนอธิฐานขอพรเนื้อคู่เกิดหรือยังจ๊ะ 555555

วันนี้มาเร็วแบบรวบรัดจบไปแล้วค่ะหนึ่งวันในคาวาโกะเอะ ส่วนใหญ่ถ้ามาแต่เช้าประมาณ 3 โมงเย็น 4 โมงเย็นก็น่าจะวนได้ทั่วนะคะยกเว้นจะแวะร้านต่างๆนานหน่อยก็อยู่ถึงเย็นไปเลยก็ชิวค่ะเพราะมันใกล้โตเกียวมากๆ สำหรับผู้เขียนในวันนี้ก็เดี๋ยวจะไปต่อที่โตเกียวทาวเวอร์ค่ะไปดูไฟตอนกลางคืนสวยเชียว รับใครที่วางแผนมาเที่ยวคาวาโกเอะ. ก็อย่าลืมห้ามพลาดทั้งปลาไหลรสเลิศและศาลเจ้าแห่งนี้นะคะไว้เจอกันบทความต่อไปค่ะบ๊ายบาย