blog ท่องเที่ยวญี่ปุ่น

Golden week trip 14 days – ตอนที่ 4 Nikko

ผู้ร่วมเดินทาง

| คนเดียว |

ค่าใช้จ่ายในการเดินทางต่อหนึ่งคน

| 20000 - 34999thb |

ระยะเวลาการเดินทาง

| 14 วัน |

ยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทาง

|

รถไฟ | 

เที่ยวแบบไหน

| ไปด้วยตนเอง |

ชื่อสถานที่หรือภูมิภาคที่ไป

  • Akechidaira Ropeway
  • Chuzenji lake
  • Yumoto Onsen
  • Nikko

ตอนที่ 4 Nikko

Golden week trip 14 วัน อันแสนยาวนานของเรายังไม่ได้จบอยู่แค่ที่โตเกียวเท่านั้น ในครั้งนี้เราเลือกที่จะเดินทางไปยัง Nikko เมืองแห่งมรดกโลกที่จริงๆแล้วอยู่ไม่ไกลจากโตเกียวมากเท่าไร (แต่จริงๆก็ไกลอยู่นะ)

ใน 14 วัน มีทั้งหมด 6 ตอน ตามไปอ่านตอนที่แล้วข้างล่างได้เลยนะคะ


ตอนที่ 1 Enoshima and Kamakura

S__19578963
Golden week trip 14 days - ตอนที่ 1 Enoshima and Kamakuraตอนที่ 1 Enoshima and Kamakura  ปี 2019 เราได้มีโอกาสลาออกจากงานแ...

ตอนที่ 2 Edo Tokyo Musuem-Asakusa-Nippori-Kanda

Golden week trip 14 days – ตอนที่ 2 Edo Tokyo Musuem-Asakusa-Nippori-Kanda ตอนที่ 2 Edo Tokyo Musuem-Asakusa-Nippori-Kandaจากตอนที่แล้ว ในวันแร...

ตอนที่ 3 Edo Tokyo Open Air Architechural Museum-Shimokitazawa-Odaiba

Golden week trip 14 days – ตอนที่ 3 Edo Tokyo Open Air Architectural Museum-Shimokitazawa-Odaibaตอนที่ 3 Edo Tokyo Open Air Architechural Museum-Shimokitazawa-Odaib...

ตอนที่ 4 Nikko <ตอนนี้>
ตอนที่ 5 Fuchu,Tokyo Kurayami Festival

Golden week trip 14 days – ตอนที่ 5 Fuchu,Tokyo Kurayami Festivalในตอนนี้เราได้เดินทางกลับมายังโตเกียวอีกรอบ เพื่อที่จะมาเทศกาล Kuray...

ตอนที่ 6 Izu,Shizuoka

Golden week trip 14 days – ตอนที่ 6 Izu,Shizuokaมาถึงตอนสุดท้ายของทริป Golden week ของเราแล้ว เราใช้เวลา 2 วันสุด...

ก่อนที่เราจะเดินทางไปนิกโก้เราได้เลือกที่พักในโตเกียวแถวๆ อาซาคุสะ เพราะเราจะใช้รถไฟสาย Tobu ไปนิกโก้ ซึ่งเราต้องเริ่มมาขึ้นที่อาซาคุสะนั่นเอง

จริงๆแล้วพาสที่ไปนิกโก้มีพาสอื่นๆด้วย แต่ทริปนี้เราประหยัดและมีเวลาเหลือเฟือ แบบไม่รีบ (ยังไม่รู้สินะจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้) เราจึงซื้อพาส Nikko Pass all area จาก บริษัท Tobu railway มา

ซึ่งNikko Pass all area ที่เราซื้อมาอยู่ที่ราคา 4600 เยน ใช้ได้ถึง 4 วัน เลยนะ ไอเจ้าพาสนี้นอกจากจะใช้ขึ้นรถไฟ (Local) ไปยัง นิกโก้ได้แล้ว ยังใช้นั่งรถบัสไปวัดต่างๆในนิกโก้ ออนเซ็น และที่เที่ยวอื่นๆในนิกโก้ได้ด้วย พาสนี้จึงเป็นพาสที่คุ้มเกินคุ้มมากจริงๆ แต่ราคา 4600 เยนนี้ เราก็จะได้นั่งรถไฟหวานเย็น แบบดูวิวสองข้างทางไปเพลินๆนะ แต่ถ้าใครมีเวลาน้อยก็เพิ่มเงินตอนซื้อตั๋วจองรถไฟ Express ได้

รายละเอียด ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้เลยนะคะ

https://www.tobu.co.jp/foreign/en/pass/all.html

วันแรกเราเดินทางออกจากอาซาคุสะประมาณ 10 โมง กว่าเราจะเดินทางไปถึงนิกโก้ ก็ต่อรถไฟประมาณ 3 ต่อก็เกือบจะบ่าย 3โมง แล้ว

โรงแรมที่เรานอนเป็นโฮสเทลอยู่ใกล้สถานีรถไฟ สะดวกสบายมากๆ และราคาถูกที่สุดในเวลานี้แล้ว และตามคาดเลย คนมหาศาลมาก เหมือนทุกคนตามเรามาจากโตเกียวมาอยู่ที่นิกโก้

เวลาเหลือน้อยเต็มที เราเลยนั่งรถบัสไปลงเจ้าสะพานแดง ตอนขึ้นรสโชว์บัตรกับพาสปอร์ตให้พนักงานขับรถแล้วเดินขี้นได้เลย

เจ้าสะพานแดงเนี่ยที่ทุกคนมานิกโก้แล้วต้องถ่ายรูปกัน มันคือที่นี่เองหรอ … พยายามหามุมถ่ายรูปอยู่นาน แต่คนเยอะมากจริงๆ เลยยอมแพ้รีบวิ่งไปวัดเพราะเวลาเหลือน้อยๆมากจริงๆ

เราเดินมาถึงวัด วัดก็ดันปิด เลยได้เดินชมดูภายนอก ที่นี่ถือเป็นที่รวบรวมวัดสวยๆ ที่ไม่เคยเห็นในญี่ปุ่นมาก่อนเลย แบบเดินได้หลายๆวัด ผู้ใหญ่ที่บ้านน่าจะชอบนิกโก้แน่นอน

ถึงแม้วัดจะปิด แต่ที่ไม่หายไปเลยคือคน คนค่ะ ยิ่งกว่าโตเกียวอีกค่ะ เหมือนว่าทุกคนจะตามเรามา เดินไปทางไหนก็คนเยอะมาก ร้านขายของฝาก ตามท้องถนน แต่เราว่าบรรยากาศแบบนี้ก็ดีไปอีกอย่างสำหรับการมาเที่ยวคนเดียว เพราะไม่เหงาดี

ขากลับเราเลยเดินเลาะถนนลงตามเนิน เพราะถนนที่นี่จะเป็นเนินๆนะคะ กลับโรงแรม แวะดูร้านค้าที่เริ่มปิดพอฟ้าเริ่มมืดลง อากาศที่นี่หนาวตามภาษาพื้นที่ภูเขา เรานอนเร็วมาก เพราะพรุ่งนี้จะรีบตื่นไปทะเลสาบ Chuzenjiko

เราตื่นมา 7 โมงเช้านั่งกินซาลาเปาตรงสถานีรถไฟ ก่อนจะขึ้นรถบัสไปยัง Akechidaira Ropeway ซึ่งอยู่บนเขาอันไกลโพ้น น่าจะใช้เวลาประมาณ 50 นาที แต่…เพราะนี่คือ Golden week รถติดแบบสุดๆ ติดแค่ถึงตรงสะพานแดงเท่านั้นก็เป็นชั่วโมงเลยทีเดียว หลังจากนั้นก็ใช้เวลา 40 นาทีก็ถึงแล้ว Golden week ทำพิษเลย

ที่ Akechidaira Ropeway หากเรามีพาส ค่าขึ้นเราไม่ต้องจ่ายเพิ่มอีกแล้ว แค่โชว์พาสก็ขึ้นได้เลย (มันคุ้มมากจริงๆ) ขึ้นไปข้างบนเราสามารถชมวิวทะเลสาบ Chuzenjiko และน้ำตกKegon จากตรงนี้ได้เลย

Ropeway 

วิวจากจุดชมวิว

หลังจากได้ชมวิวเราก็ขึ้นรถบัสเพื่อจะไปขึ้นเรือชมวิวในทะเลสาบChuzenjiko ซึ่งค่าตั๋วขึ้นเรือก็รวมอยู่ในพาสด้วย แต่พอเราไปถึงจุดขายตั๋วพนักงานบอกว่า วันนี้งดออกเรือ เนื่องจากลมแรงมากเกินไป เรือไม่น่าจะต้านทานไหว ซึ่งลมก็แรงจริงๆ แพลนล่มไปหนึ่งอย่าง นอกจะมาถึงช้ามาก ท้องก็ร้องมากด้วย

ตรงข้ามกับท่าเรือ มีร้านทงคัตสึคนยืนต่อคิวรอหน้าร้านยาวมาก หิวแล้วก็ขอไปยืนรอด้วยล่ะกัน (ไม่รู้ว่าจะรอนานขนาดไหน) ลืมไปนี่มัน Golden week เรายืนรอหน้าร้านนี้ประมาณ 2 ชั่วโมง!!! แต่ระหว่างยืนรอก็ได้คุยกับคนญี่ปุ่นที่ยืนรออยู่ข้างๆกัน เป็นคุณป้ามาจาไซตามะ ถามว่าเรามาเที่ยวคนเดียวหรอ ก่อนจะบอกว่าถึงจะเป็นญี่ปุ่นก็ไม่ปลอดภัยนะ 555 พอเข้ามาในร้านเลยพอจะเข้าใจได้บ้าง เพราะร้านมีที่นั่งจำกัดนั่นเอง ราคาอาหารไม่เกิน 1000 เยน ซึ่งถือว่าโอเคสำหรับสถานที่ท่องเที่ยว ที่สำคัญ อร่อยมากๆๆ นี่เป็นทงคัตสึที่อร่อยที่สุดในชีวิตอีกแล้ว

ท่าเรีอ

ร้านทงคัตสึ

อิ่มแล้วเราก็นั่งรถขึ้นไปอีกฝั่งหนึ่งของทะเลสาบ เพราะอยากไปแช่ออนเซ็นที่ Yumoto Onsen วิวสองข้างทางก่อนถึงก็สวยประทับใจดีจริงๆ ก่อนมาเราได้หาว่าที่นี่มี Public Onsen อยู่ในวัด Onsenji ไม่รู้ว่าเป็นคนน่าสงสารหรืออะไร ออนเซ็นก็ปิดไปอีก หนาวก็หนาว น่าสงสารไปแล้วนะเรา เลยเดินเล่นละแวกนั้น ถ่ายรูปรอบๆทะเลสาบ Yunoko ก่อนจะนั่งรถบัสกลับมาที่ ทะเลสาบ Chuzenjiko ดูพระอาทิตย์ตก

ออนเซ็นปิด แต่วัดไม่ปิด

Yunoko Lake

Yunodaira

จบวันเฟลๆด้วยพระอาทิตย์ตกที่ Chuzenjiko สวยงามประทับใจมาก ก่อนจะเดินทางกลับโรงแรมด้วยรถบัส

วันสุดท้ายในนิกโก้ก่อนเดินทางกลับโตเกียว เราแวะไปซื้อชีสเค้กร้านเล็กๆข้างสถานีรถไฟ ชื่อร้าน Meji no Yakata ชีสเค้กนุ่มละมุนมาก

หลังจากนั้นเราก็ขึ้นรถไฟหวานเย็นกลับโตเกียว ผิดขบวน 5555 ชีวิตน่าสงสารเกินไปแล้ว

ตอนต่อไปของเราจะเป็นการไปงานเทศกาลในโตเกียวครั้งแรกของเรา ติดตามตอนต่อไปกันนะคะ 🙂

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
ABOUT ME
Paiiy
สวัสดีค่ะ เราคือ “ปาย” ท่องเที่ยวเป็นงานอดิเรก เป้าหมายของการเดินทางของเรานั้น คือ ได้เรียนรู้และไปเจอสิ่งที่ไม่เคยเห็น และสร้างเพื่อนใหม่ๆเพื่อเป็นแรงบรรดาลใจในการหาเป้าหมายในชีวิตต่อไปเรื่อยๆค่ะ
RELATED POST

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!