ความพึงพอใจในการเดินทาง
ในตอนนี้เราได้เดินทางกลับมายังโตเกียวอีกรอบ เพื่อที่จะมาเทศกาล Kurayami ซึ่งจะจัดขึ้นทุกๆปีในโตเกียว ในการเดินทางทั้งหมด 14 วันของเรา อยากให้โตเกียวครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหนๆ จึงเสริชหากิจกรรมที่สามารถทำๆได้ในช่วงที่เราไปได้เท่านั้นทำดู ซึ่งก็คือเทศกาล Kurayami นั่นเอง
การเดินทางของเราครั้งนี้มีทั้งหมด 6 ตอน ติดตามอ่านได้ข้างล่างนี้เลยนะคะ
ตอนที่ 1 Enoshima and Kamakura
ตอนที่ 2 Edo Tokyo Musuem-Asakusa-Nippori-Kanda
ตอนที่ 3 Edo Tokyo Open Air Architechural Museum-Shimokitazawa-Odaiba
ตอนที่ 4 Nikko
ตอนที่ 5 Fuchu,Tokyo Kurayami Festival > (หน้านี้ค่ะ)
ตอนที่ 6 Izu,Shizuoka
ก่อนอื่นเลยเราขอมาพูดถึงเทศกาลคุรายามิ นี่หน่อยนะคะ ว่าคืออะไร…
เทศกาลคุรายามิ หรือ เทศกาล เทพแห่งความมืด เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นที่ โอคุนิทามะ เป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว ตั้งอยู่ที่ฟุชุ ห่างจากตัวเมืองโตเกียวประมาณ ยี่สิบนาที โดยรถไฟ เทศกาลนี้เป็นเทศกาลที่ใหญ่ติดอันดับของโตเกียว ด้วยวันที่จัดซึ่งอยู่ในช่วง Golden week จึงทำให้มีคนมาร่วมงานเยอะมากเหมือนลอยกระทงบ้านเรา โดยจุดประสงค์ของการจัดงาน มีขึ้นเพื่อบูชาเทพแห่งความมืด ซึ่งชื่อก็พูดถึงความมืด ทำให้ไฮไลท์ของงานจะเริ่มมีขึ้นในช่วงตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดินนั่นเอง เนื่องจากมีความเชื่อว่าเทพแห่งความมืดจะปรากฎตัวในตอนกลางคืนเท่านั้น
ระยะเวลาในการจัดงานจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน ไปจนถึง วันที่ 5 พฤษภาคมของทุกปี ซึ่งไฮไลท์ของงานจะมีในวันที่ 4-5 พฤษภาคม ซึ่งในแต่ละวันพิธีจะต่างกันออกไป
ซึ่งตารางของงานจะเป็นตามนี้นะคะ
30 เมษายน
ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันแรก พระที่จะร่วมพิธีจะต้องไปทำความสะอาดตัวเองที่น้ำทะเล และจะมีพิธีนำน้ำทะเลมาชำระล้างที่ศาลเจ้า
1 พฤษภาคม
ทางศาลเจ้าจะมีการสวดขอพรในช่วงเช้า ขอพรให้การจัดงานในปีนี้ราบรื่น ไม่มีฝนมากวนใจ
2 พฤษภาคม
มิโกะ (เป็นคนที่อยู่ในศาลเจ้าชินโต ทำพิธีต่างๆในศาลเจ้า) จะนำกระจกทั้ง 8 มาทำความสะอาดเพื่อขจัดสิ่งชั่วร้ายด้วยเกลือ เพราะมีความเชื่อว่า การทำความสะอาดกระจก จะทำให้กระจกทำงานได้ดีในการสะท้อนสิ่งชั่วร้าย
3 พฤษภาคม
วันนี้จะเป็นวันแรกที่เริ่มมีการแห่ขบวนของการบูชาเทพแห่งความมืด โดยจะมีขบวนและดนตรีไปรอบๆเมือง เป็นการเริ่มเทศกาลอย่างเป็นทางการ
4 พฤษภาคม
วันนี้จะเป็นวันแรกที่เริ่มมีการจัดงานตอนกลางวันด้วย จะมีการทำขบวนขนาดย่อมตอนช่วงบ่าย และเริ่มมีร้านอาหารขายตลอดทางหน้าวัด
5พฤษภาคม
จะเป็นวันที่เราได้ไปร่วมเทศกาลนี้นั่นเอง จะคล้ายๆกับวันที่ 4 แต่ขบวนจะมีความยิ่งใหญ่กว่าเท่านั้นเองค่ะ และคนอาจจะเยอะมากกว่า เพราะเป็นวันสุดท้าย
ในวันที่เราไปร่วมงานนั้น เราได้เดินทางโดยขึ้นรถไฟสาย JR จาก Shinjuku ไปยังสถานี Fuchu ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก็ถึงแล้วค่ะ
ที่สถานีจะเป็นห้าง Aeon (ซึ่งไม่ได้หาได้ง่ายๆในโตเกียว หรือเขตเมืองเลย) มีร้านราเมงเจ้าอร่อยอยู่ ชื่อร้าน Raion เรารอคิวสักพักนึงก็ได้เข้าไปกินราเมงแล้วค่ะ ร้านนี้เมนูดังคือ Shio Ramen นะคะ
อร่อยมากจริงๆค่ะ
พอกินเสร็จแล้วเราก็เริ่มเดินไปที่ศาลเจ้า ตลอดสองข้างทาง ตั้งแต่สถานีรถไฟไปยังศาลเจ้า คนเยอะมาก ระหว่างทางจะมีร้านขายอาหารตลอดทาง แต่ราคาค่อนข้างแพง ได้ปริมาณน้อยด้วย
คนเยอะอย่างที่เห็นเลยค่ะ เหมือนงานภูเขาทองบ้านเรา
เราเดินไปถึงศาลเจ้า ก็เริ่มมีพิธีการนำกลองออกมาแห่ และมีขบวนเข้ามาที่ศาลเจ้า เพื่อเตรียมตัวนำขบวนออกไป เพื่อบูชาเทพเจ้าตอนพระอาทิตย์ตกดินค่ะ
ขบวนเริ่มแห่เข้ามา
บรรยากาศในวัด ซึ่งคนเยอะมาก
ระหว่างที่เรารอให้พระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งจะมีพิธีแห่ขบวนที่เป็นไฮไลท์ของงาน เราเลยเริ่มหาของกินรอบๆศาลเจ้า ซึ่งมีอาหารไทยด้วยนะคะ แต่เราไม่ได้ลอง
ร้านขายของ
อันนี้คือที่เราสั่งมากิน ก้อนเดียวก็ 500 เยน แล้วค่ะ
พอเวลา 6 โมง ขบวนก็เริ่มออก ทุกคนก็เริ่มจับจองที่นั่ง เพื่อที่จะชมการแสดงที่มีตลอดทางค่ะ เราไปไม่ทันได้จับจองที่นั่ง จึงต้องยืนดูไปตามระเบียบ แต่จะมีเจ้าหน้าที่มายืนคุมในจุดที่ไม่สามารถยืนได้ค่ะ
ขบวนแห่กับโคมไฟ
วันนี้คนมาร่วมงานน่าจะเป็นหลักแสนคนเป็นอย่างแน่นอน คนเยอะมากจริงๆค่ะ และเสียงร้องของคนแห่ที่เรียกว่า มิโกะชิ ไปตลอดทาง เป็นภาพที่หาชมได้ยากจริงๆค่ะ
เรายืนชมการแห่ได้ประมาณชั่วโมงนึง ก็ต้องเดินทางไป Shizuoka ต่อ เลยไม่ได้มีเวลาในการซึมซับขบวนมากเท่าไร แต่ถือว่าเราก็ได้รู้ว่าญี่ปุ่นก็มีสายมู เหมือนกันนะ 555
หากใครสนใจอยากเห็นงานเทศกาลยิ่งใหญ่ (ที่คนญี่ปุ่นเองก็อยากมา) อยากให้ลองมาที่นี่ดูนะคะ ของกินและ ขบวนอลังการมากจริงๆ แปลกตาแบบที่ไม่เคยเจอเลย
ในตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายของการเดินทางในญี่ปุ่นของเราในทริปนี้แล้ว ติดตามตอนหน้าด้วยนะคะ