blog ท่องเที่ยวญี่ปุ่น

ซากุระบานกลางหุบเขา – เดินชิลยาวๆที่เม้าท์โยชิโนะ (Mount Yoshinoyama)

ผู้ร่วมเดินทาง

| คู่รัก/แฟน |

ค่าใช้จ่ายในการเดินทางต่อหนึ่งคน

| 10000 - 19999thb |

ระยะเวลาการเดินทาง

| 1 วัน |

ยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทาง

|

รถไฟ | 

รถโดยสาร | 

เที่ยวแบบไหน

| ไปด้วยตนเอง |

ชื่อสถานที่หรือภูมิภาคที่ไป

  • Mount Yoshinoyama - เม้าท์โยชิโนะ

ซากุระบานกลางหุบเขา – เดินชิลยาวๆที่เม้าท์โยชิโนะ (Mount Yoshinoyama)

เชื่อว่าสถานการณ์ โควิด-19 คงทำให้หลายๆคนรู้สึกหวั่นวิตกเป็นกังวลจนเครียดจัด บางคนอาจถึงขั้นจิตตกเลยก็มี และแน่นอนว่าเพื่อลดความเสี่ยงทั้งปวง ทางรัฐเองก็ได้สั่งการปิดสถานบริการหลายๆที่ (แต่ยังไม่ปิดประเทศ) รวมทั้งขอความร่วมมือจากประชาชน งดเว้นการเดินทางหรือทำกิจกรรมที่เป็นการรวมตัวกันของคนจำนวนมาก หลายๆบริษัทเริ่มมีนโยบายให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน (work from home) กันบ้างแล้ว – ในช่วงเวลาแบบนี้ เราอยากให้ทุกคนประคองสติ ติดตามข่าวสารแค่ให้พอเข้าใจสถานการณ์และวิธีรับมือเท่าที่จะทำได้ แล้วหาอะไรที่ผ่อนคลายทำกันบ้างจะดีกว่า เช่น ดู Netflix, ฟังเพลง, ออกกำลังกาย หรือ หาบทความชิลๆอ่าน เป็นต้น

ก็เกริ่นมาซะขนาดนี้แล้ว ถูกต้องค่ะ วันนี้เราจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวแบบชิลๆผ่านตัวอักษรและภาพถ่าย กับบรรยากาศเย็นสบาย ท่ามกลางดอกซากุระบานสะพรั่งและมวลไม้เขียวขจีตลอดสองข้างทาง ณ เม้าท์โยชิโนะ

++++++++++++++++

Mount Yoshino – เม้าท์โยชิโนะ หรือ โยชิโนะยามะ

เม้าท์โยชิโนะ หรือ โยชิโนะยามะ หุบเขาที่ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดนารา เป็นสถานที่สำหรับชมดอกซากุระบานอันเลื่องชื่อมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นมานานนับศตวรรษ เป็นที่เล่าขานกันมาว่า “ต้นไม้กลุ่มแรกที่ปลูกตามลาดหุบเขานั้น มีอายุกว่า 1,300 ปี” และในปัจจุบันนี้ เม้าท์โยชิโนะมีต้นซากุระหลากหลายสายพันธุ์เติบโตงดงามปกคลุมทั่วทั้งภูเขาราวๆ 30,000 ต้น ซึ่งตามปกติแล้ว ดอกซากุระที่โยชิโนะยามะจะเริ่มบานช่วงปลายเดือนมีนาคม ลากยาวไปจนถึง ประมาณกลางเดือนเมษายน โดยจะบานเป็นชั้นๆจากล่างขึ้นบน ใช้เวลาจากชั้น Shimo Senbon ไปถึง Kami Senbon เพียงไม่กี่วัน ก็บานครบทุกต้น

+++++++++++

การเดินทาง

ตอนนั้นเราเดินทางช่วงต้นเดือนเมษายนค่ะ จุดเริ่มต้นของเราอยู่ที่โอซาก้า โดยจะนั่งรถไฟใต้ดินจากสถานี Namba ไปลงที่ Tennoji จากนั้นใช้อุโมงค์ทางเชื่อมไปยังสถานี Osaka Abenobashi เพื่อนั่งรถไฟสาย Kintetsu ซึ่งเป็น Express Train ที่จะพาเราวิ่งตรงไปจนสุดสายที่สถานี Yoshino ใช้เวลาประมาณ 90 นาที (นับเฉพาะช่วง Kintetsu) ราคาตั๋วรถไฟอยู่ที่ 990 เยน แต่ตอนนั้นเราใช้ Kansai Thru Pass ซึ่งไม่ครอบคลุมถึงสถานีโยชิโนะ แต่ใช้เป็นส่วนลดได้ สรุปแล้วเราเลยได้จ่ายส่วนต่างที่เหลือแค่ 430 เยน

+++++++++++

Yoshino Station

เมื่อรถไฟเทียบที่ชานชาลา Yoshino Station เราก็ลงจากรถแบบตุ้มๆต่อมๆ เพราะท้องฟ้าวันนั้นออกจะขมุกขมัวอยู่หน่อยๆ แอบกังวลเหมือนกันว่าฝนจะตกไหม? (ภาวนาว่าอย่าเลยหนา สาธุ เพี้ยง!)

จากสถานีรถไฟ เดินออกมาไม่กี่ก้าวเราจะเจอกับสองทางเลือกที่จะพาเราขึ้นสู่หุบเขาเบื้องบน (เพื่อสุดท้ายก็ต้องลงมาอยู่ดี 55) ระหว่าง Ropeway หรือ Minibus หลังจากพิจารณาแล้ว เราเลือกนั่งรถบัสแล้วกัน เพราะคนที่มาด้วยดันกลัวความสูง ขืนนั่งกระเช้าไปมีหวังได้หัวใจวายก่อนจะได้ดูซากุระแน่ เมื่อตัดสินใจได้เราก็จ่ายค่ารถไปคนละ 450 เยน เราเลือกลงที่ชั้น Middle 1000 Trees หรือ Naka Senbon เพราะช่วงที่เราไป ดอกซากุระบานหนักๆที่ชั้นนี้พอดี

แผนเดินชิลของเราวันนี้คือ ลงรถบัสที่ Naka Senbon Park แล้วค่อยๆเดินย้อนกลับมาตามเส้นทางซึ่งรายล้อมด้วยต้นซากุระหรือภาษาปะกิตเขาเรียกว่า Cherry Blossom บานสะพรั่งผสมกับพืชพันธุ์ต้นไม้สีเขียวสบายตา โดยจะผ่านวัดและศาลเจ้าชื่อดัง และจุดชมวิวต่างๆ รวมไปถึงร้านค้า ร้านอาหาร ไปเรื่อยจนกลับมาบรรจบที่สถานี Yoshino อีกครั้ง รวมเส้นทางประมาณ 3.0 กิโลเมตร

*ผังเส้นทางของเราวันนั้น คือเดินไล่จาก Naka Senbon Park ไปตามเส้นทางที่มีดอกซากุระ – วงกลมสีน้ำเงิน คือจุดใหญ่ๆที่เราแวะค่ะ*

+++++++++++

ทำความเข้าใจก่อนเที่ยวแต่ละจุดของเม้าท์โยชิโนะ

เนื่องจากโยชิโนะยามะมีพื้นที่กว้างขวางหลายตารางกิโลเมตร จึงได้มีการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่

  • Shimo Senbon (Lower 1000 Trees) พื้นที่ชั้นล่างทั้งหมดของภูเขารอบๆสถานีรถไฟ Yoshino มีหมู่บ้านอยู่ประปราย เป็นจุดให้บริการ Yoshino Ropeway และรถบัสโดยสารขึ้นเขา มีต้นซากุระน้อยกว่า 1000 ต้น แต่จะบานก่อนชั้นอื่นประมาณ 1-2 วัน จึงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวพอสมควร
  • Naka Senbon (Middle 1000 Trees) ชั้นกลางของภูเขา เป็นบริเวณที่เรียกว่าป๊อปปูล่าร์ที่สุด มีพื้นที่ครอบคลุมหมู่บ้านและเมืองส่วนใหญ่ที่ตั้งอยู่ตามลาดสันเขา มีซากุระราวๆ 1000 ต้น มีส่วนที่ทำเป็นจุดพักผ่อนหย่อนใจใต้ต้นซากุระหลายจุด นอกจากนั้นยังมีวัดและศาลเจ้าชื่อดัง รวมทั้งเป็นย่านที่พัก ร้านอาหาร ร้านค้าและร้านขายของที่ระลึกมากมาย (ซึ่งทริปนี้เรามาถึงแค่ชั้นนี้ค่ะ)
  • Kami Senbon (Upper 1000 Trees) ชั้นบนของภูเขา ความเป็นเมืองเริ่มเบาบางลง เงียบสงบกว่า และมีจุดพักผ่อนใต้ต้นซากุระมากกว่าชั้น Naka Senbon มีต้นซากุระมากกว่า 1000 ต้น มีจุดชมวิวชื่อดัง Hanayagura View Point ที่สามารถมองเห็นวิวของโยชิโนะยามะได้แบบสุดลูกหูลูกตา
  • Oku Senbon (Inner) คือด้านในของหุบเขาซึ่งมีต้นซากุระน้อยกว่าชั้นอื่น จะปกคลุมด้วยต้นไม้ป่าสีเขียวเป็นส่วนใหญ่ แต่เนื่องจากซากุระในชั้นนี้จะบานช้ากว่าชั้นอื่นเกือบๆ 1 สัปดาห์ ดังนั้น ถ้าเพื่อนๆมาไม่ทันช่วงที่ชั้นอื่นบานสะพรั่ง คงคุ้มไม่น้อยถ้าจะลองหอบร่างขึ้นมาให้ถึงชั้นนี้ดูนะคะ

+++++++++++

เดินชิลยาวๆ ณ เม้าท์โยชิโนะ

หลังจากลงรถที่จุด Naka Senbon Park จากนั้นเราเดินย้อนไปยังวัด Sakuramotobo Temple ซึ่งอยู่ใกล้ๆจุดจอดรถ ถือว่ามาไหว้พระก่อน เพื่อความเป็นสิริมงคล และขอให้ทริปนี้ไม่มีฝนด้วย กราบ-

*ทางเดินขึ้นแบบนี้ ไม่สูงมาก*

*วันนั้นทางวัดมีงานพอดีค่ะ แต่เราไม่แน่ใจว่าคืออะไร เท่าที่เห็นคือมีกลุ่มผู้ทำพิธีในชุดขาว จะนำนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานสวดอะไรสักอย่าง จากนั้นจะมีการโยนแผ่นไม้เข้าไปในกองไฟ น่าจะประมาณเผาอุทิศส่วนกุศลหรืออธิษฐาน ประมาณนั้นค่ะ*

+++++++++++

เสร็จพิธีกรรมที่วัด จากนั้นเราออกมาแล้วมุ่งหน้าไปตามทางเดินที่คดเคี้ยวตามสันลาดเขา รู้สึกถึงการผจญภัยนิดๆแม้จะไม่ลำบากเท่าไหร่ เพราะสภาพทางเดินดีมาก แต่ก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่รายล้อมด้วยธรรมชาติอย่างแท้จริง ขนาดซากุระไม่มีกลิ่น เรายังรู้สึกหอมเลยค่ะ

นอกจากจะมีจุดชมวิว Yoshino View Point ให้ผ่านอยู่หลายจุด ระหว่างทางยังมีวัดและศาลเจ้าชื่อดังให้ได้แวะกราบไหว้สักการะอยู่หลายแห่ง เช่น Nyoirijini Temple, Kinpusenji Temple, Yoshimizu Shrine เป็นต้น

วันนั้นเราได้เจอขบวนแห่ผ่านหน้าวัด Nyoinijiri ด้วยนะ แต่ไม่รู้ว่าเค้ามีงานอะไรกัน แล้วไม่ได้เดินออกไปถามด้วย เพราะตอนนั้นติดสาละวนเดินไหว้พระในวัดให้ครบอยู่ แหะๆ – โอเค ออกเดินกันต่อค่ะ

*ตรงนี้เป็นลานกว้างใต้ต้นซากุระที่วัด Nyoinijiri มีม้าหินให้นั่งด้วย*

*ทีแรกก็เดินอยู่ใกล้ๆกัน*

*แล้วทำไมทุกคนจึงห่างฉันออกไป 555*

*แอบแปะรูปตัวเองนิดนึง รูปนี้จิกเท้าหนักมากค่ะ*

*เราพยายามถ่ายรูปน้องแต่น้องวิ่งไปวิ่งมาตลอด คุณลุงเจ้าของเลยอุ้มมาให้ถ่ายพร้อมกันเลย*

เริ่มเข้าเขตเมือง ตรงนี้จะมีหมู่บ้านและร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก โรงแรมที่พัก เรียวกัง และจำนวนผู้คนเริ่่มหนาตามากขึ้น แต่ก็ยังรู้สึกไม่ค่อยวุ่นวายสักเท่าไหร่ค่ะ

*อันนี้น่าจะเป็นโต๊ะของผับที่เปิดช่วงกลางคืนค่ะ*

+++++++++++

และแล้วเราก็เดินทางมาถึงสถานีรถไฟ Yoshino Station ได้อีกครั้ง ใช้เวลาไปประมาณ 1-2 ชั่วโมง (เวลาเดิน+แวะชมโน่นนี่) วันนั้นเราไม่ได้ของที่ระลึกติดมือมาเลยสักอย่างค่ะ ไม่ใช่ว่าไม่อยากได้! ไม่ใช่ว่าไม่มีตังค์ เอ๊ะ หรือว่าใช่! 5555 และที่สำคัญ ฝนไม่ตก!

ก่อนจบบทความ ขอฝากรูปแก๊งนี้ปิดท้ายนะคะ จริงๆเราเจอพวกนางตั้งแต่ที่โอซาก้าก่อนขึ้นรถไฟมาโยชิโนะแล้วค่ะ สัมผัสได้ถึงความคูล เลยขออนุญาตเจ้าของถ่ายรูปเก็บไว้ เราสังเกตได้อีกอย่างจากการไปเที่ยวญี่ปุ่น คือ คนญี่ปุ่นดูจะชอบเลี้ยงสุนัขมากๆ ลักษณะการปฎิบัติกับสุนัขเหมือนเป็นคนในครอบครัว แล้วโชคดีที่บ้านเขาอากาศเย็นด้วย น้องๆเลยได้ออกมาเที่ยวกันเพลินเลย

สรุป เป็นอีกทริปที่ประทับใจมาก นอกจากจะได้ชมความงดงามของดอกซากุระและป่าไม้สีเขียวแล้ว ยังได้ออกกำลังกายท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์ด้วย ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาเลยจริงๆ – และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า บทความนี้จะทำให้เพื่อนๆคลายเครียดกันได้บ้าง ถือซะว่าเป็นการเตรียมความพร้อมซ้อมแพสชั่น จนกว่าจะถึงวันที่สถานการณ์คลี่คลายอย่างสมบูรณ์แล้วเราค่อยออกโบยบินกันนะทุกคน

+++++++++++

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต

ค้นหากิจกรรมบน Klook ได้เลยจากด้านล่างนี้!

ค้นหากิจกรรมบน Klook ได้เลยจากด้านล่างนี้!

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!

RELATED POST