blog ท่องเที่ยวญี่ปุ่น

ล่องใต้ไปที่พิพิธภัณฑ์สันติภาพจิรัน คะโกชิมะ (Chiran Peace Museum, Kagoshima)

ภูมิภาค
chiran1

ผู้ร่วมเดินทาง

| คนเดียว |

ค่าใช้จ่ายในการเดินทางต่อหนึ่งคน

| 35000 - 49999thb |

ระยะเวลาการเดินทาง

| 7 วัน |

ยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทาง

|

รถไฟ | 

รถโดยสาร | 

เที่ยวแบบไหน

| ไปด้วยตนเอง |

ชื่อสถานที่หรือภูมิภาคที่ไป

  • พิพิธภัณฑ์สันติภาพจิรัน คะโกชิมะ (Chiran Peace Museum, Kagoshima)

ทริปนี้อยู่ในซีรีส์ฉันเป็นคนใต้ฉันก็ควรไปเที่ยวภาคใต้ของญี่ปุ่นบ้างสิ ว่าแล้วก็ฉายเดี่ยวล่องภาคใต้ภูมิภาคคิวชูของญี่ปุ่น ตอนไปเที่ยวระดับภาษาญี่ปุ่นคือตอบว่า ได้ ไม่ได้ ถามทางได้ นับเลขได้ แค่นั้นเลย แต่ตลอดทางก็จะมีคนญี่ปุ่นชมตลอดว่าภาษาญี่ปุ่นเก่งจังเลย (อารมณ์เหมือนที่เราชมชาวต่างชาติที่พูดได้แค่ว่าสวัสดี ขอบคุณครับนั้นแหละ 555) ไปภาคใต้ก็ได้พบว่าคนใต้ญี่ปุ่นเวลาแหลงญี่ปุ่น สำเนียงและความเร็วเหมือนคนใต้ไทยเลย สมมุติถามมาหนึ่งประโยค โอชินชาจะฟังออกแค่ต้นประโยคสอง คำหลังจากนั้นฟังไม่รู้เรื่องแล้วเพราะสำเนียงกับความเร็วในการพูดไวมาก ได้แต่ยิ้มแล้วก็ตอบมั่วๆไป ตอบถูกบ้างไม่ถูกบ้าง ก็จะได้คำชมกลับมา

 

 

ทำไมต้องไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์สันติภาพจิรัน เรียกว่าตอนจัดทริปพยายามให้สถานที่ท่องเที่ยวต่อเนื่องกันตามเวลาในแต่ละวัน หาข้อมูลพบว่าเมืองจิรันเคยเป็นฐานทัพกองบินคะมิคะเซะ ก่อนหน้าที่จะมาที่นี้ได้แวะเที่ยวบ้านซามูไรจิรัน ซึ่งจะแวะที่นี้ได้ก่อนที่จะลงใต้สุดๆเพื่อไปนอนอบทรายดำองเซน ตามแผนคือจะได้มีการเที่ยวที่หลากหลายแบบ จึงไม่ได้คาดหวังกับการชมพิพิธภัณฑ์อะไรมากหนัก ไปเที่ยวแบบงงๆ แต่ถ้าไม่ตั้งใจมาก็อาจมาไม่ถึง ตอนเดินทางมีประเป๋าลากใบขนาดกลางหนึ่งใบ แบกเป้อีกหนึ่งใบ แล้วรถเมล์ที่คะโกชิมะตอนที่ไปทางขึ้นลงจะสูงกว่ารถเมล์ในเมืองแถวบ้าน ก็ต้องแบกกระเป๋าขึ้นลงแอบเหนื่อยอยู่เหมือนกัน

นั่งรถเมล์ก็ลุ้นตลอดว่าจะลงถูกสถานีไหม เวลาเที่ยวคนเดียวโอกาสจะหลับระหว่างทางน้อยมาก สุดท้ายสามารถลงสถานีพิพิธภัณฑ์ได้ซึ่งพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในสวนที่มีอุโมงค์ซากุระเรียงรายสองข้างทาง ถ้ามาตอนซากุระออกดอกนี่คงฟินมาก แต่ตอนที่ไปเป็นช่วงฤดูหนาวก็จะมีแต่กิ่งซากุระให้ชมอารมณ์เหงาๆไปอีกแบบ ตอนที่โอชินชามาถึงด้านหน้าทางเข้าพิพิธภัณฑ์เห็นกลุ่มนักเรียนทหารกำลังเข้าชมพิพิธภัณฑ์ นี่เดินตามไม่ทันได้แต่เสียดายอดเห็นหน้าหนุ่มๆ ชอบคนในเครื่องแบบ อิอิอิ ก่อนทางเข้าด้านหน้าจะมีรูปปั้นนักบินคะมิคะเซะคู่กับเครื่องบินเป็นที่ระลึกซึ่งอย่าได้มาถามเลยว่ามาเที่ยวพิพิธภัณฑ์รู้จักเครื่องบินรุ่นอะไร ประสิทธิภาพเป็นไงบ้าง โอชินชาเป็นสายเที่ยวชอบไปดู แต่ไม่ค่อยสนใจใฝ่รู้ 555

 

 

อย่างที่บอกไว้ตอนแรกว่าเมืองจิรันเป็นฐานทัพของกองบินคะมิคะเซะ ในตอนนั้นทั่วญี่ปุ่นได้ฝึกนักบินจำนวน 1,036 คน เพื่อปฏิบัติการคะมิคะเซะในสงครามโลกครั้งที่สอง ส่วนใหญ่จะมาจากฐานที่โอกินะว่า และจากเมืองจิรันจำนวน 439 คน ซึ่งนักบินที่มาฝึกที่จิรันส่วนใหญ่เป็นเด็กหนุ่มอายุในวัยก่อนยี่สิบปี ภายในพอเดินไปห้องแรกจะมีภาพถ่ายของนักบินแต่ละคนเรียงตามเหตุการณ์ มีบันทึกไดอารี่ของนักบิน จดหมายฉบับสุดท้ายที่สื่อสารกับครอบครัวหรือเพื่อน กลอนที่แต่ง และมีการจัดแสดงเครื่องบินที่ไปปฏิบัติการที่จำลองขึ้นมาและบางส่วนเป็นซากส่วนของเครื่องบิน

 

 

ก็เดินตามผู้เข้าชมคนอื่นๆ คนญี่ปุ่นที่เข้าไปดูด้วยมีน้ำตาคลอๆ ส่วนโอชินชาก็รู้สึกเศร้า แต่เนื่องจากในพิพิธภัณฑ์ส่วนใหญ่คำอธิบายเป็นภาษาญี่ปุ่น อ่านและฟังไม่ออกก็เลยแต่ซึมซับเอาแค่บรรยากาศ หากเป็นคนชอบศึกษาประวัติศาสตร์ หรือสนใจในประวัติการสู้รบก็เป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจเลย โอชินชาเคยไปชมพิพิธภัณฑ์สันติภาพที่ฮิโรชิมะมาด้วยเหมือนกัน ที่นั้นจะรู้สึกเศร้ามากกว่าอาจเพราะด้วยเคยได้ยินหรือพอจะรู้รายละเอียดของเหตุการณ์มากกว่า พอดูสภาพข้าวของกับภาพแล้วจินตนาการตามก็รู้สึกเศร้าจนน้ำตาไหล

ในขณะที่เข้าไปชมก็คิดตามไปว่า ในขณะที่โอชินชาอายุไม่ถึงยี่สิบปี ตอนนั้นเป็นวัยที่ค้นหาความหมายของชีวิตในมหาวิทยาลัย เป็นวัยที่ไม่ค่อยคิดถึงความกลัว อยากจะทำอะไรก็ทำ มีอิสรเสรีตามวัย ถามหาความหมายชีวิตแล้วไม่เจอก็หยุด แล้วก็ใช้ชีวิตไปตามที่อยาก มาลองคิดถึงนักบินฝึกหัดในกองทัพคะมิคะเซะในขณะที่อายุเท่ากัน นักบินพวกนี้มีศรัทธาว่าการได้รับใช้ประเทศชาติด้วยการยอมเสียชีวิตเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ จะต้องรอคอยวันตายของตัวเองทั้งที่ยังเพิ่งเป็นวัยรุ่น มีความกลัว มีความคิดถึงครอบครัว แต่เชื่อและศรัทธากับการทำภารกิจ แล้วก็จากโลกไปด้วยความภาคภูมิใจเหมือนกับบันทึกของนักบินจากหลายๆคนที่เขียนไว้ว่า “ฉันพร้อมจะตาย” “ใครจะร้องไห้ให้ฉันเมื่อฉันตาย” “ฉันฝึกบินในขณะที่มองเห็นต้นซากุระบานที่บ้านเกิดของฉัน และนี่จะเป็นประสบการณ์ครั้งสุดท้ายสำหรับฉัน…”

 

 

ภายในพิพิธภัณฑ์จะมีทางเชื่อมไปดูเครื่องบินจำลองและซากเครื่องบิน จากนั้นก็เดินออกไปชมสวนสน ในส่วนนี้จะมีกระท่อมพักนักบินที่มาฝึก เป็นหลังคาทรงสามเหลี่ยมหลังเล็กๆ เข้าไปในห้องก็มีเตียงยาวๆสองข้าง มีฟูกวางเรียงกัน ตอนที่ไปเที่ยวมีผู้มาชมอยู่ 2-3 คน แล้วในสวนเงียบมาก เดินคนเดียวได้สักแป๊บก็แอบหลอน รีบดูแล้วก็รีบๆเดินออกไป ข้อเสียของการไปเที่ยวคนเดียวก็จะมีอารมณ์นี้นี่แหละ เดินออกมาจากส่วนกระท่อม ส่วนทางออกสุดท้ายจะเป็นสวนซากุระซึ่งน่าจะสวยมากในฤดูใบไม้ผลิก็จบทริปพิพิธภัณฑ์ด้วยความรู้สึกอย่างที่คนจัดอยากจะให้รู้สึกว่า ไม่อยากให้โลกมีสงครามอีกต่อไป

                                                                                                                        โอชินชาดำเย็น

ข้อมูลทั่วไป

จากสถานีรถไฟคะโกชิมะจูโอ (Kagoshima Chuo) นั่งรถไฟสายอิบุสุคิ มะคุระซะคิ (Ibusuki Makurazaki) ไปลงสถานีฮิระคะวะ (Hirakawa) ใช้เวลาประมาณ 40 นาที แล้วก็ต่อรถบัสไปลงป้ายโทะโทะอุ คันนอน อิริกุจิ (Tokkou-Kannon-iriguchi) อีกประมาณ 35 นาที แล้วเดิน 5 นาทีก็ถึงพิพิธภัณฑ์

เว็บไซต์พิพิธภัณฑ์ www.chiran-tokkou.jp ด้านในไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
ABOUT ME
OchinChaDamYen
OchinChaDamYen แต่งงานและย้ายมาอยู่ญี่ปุ่นกับครอบครัวสามี วันทำงานก็มีงานทำงานเต็มเวลา มีเวลาว่างก็ออกไปชื่นชมประเทศญี่ปุ่นบ้าง ดีใจที่มีโอกาสได้มาเล่าให้ผู้สนใจท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่น
RELATED POST

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!