ข้อควรรู้ญี่ปุ่น

อยู่ญี่ปุ่น 1 เดือน ค่าใช้จ่ายเท่าไร?

1 month in japan-f422f387

กระแสโยกย้ายถิ่นฐานออกจากประเทศไทยยังมีความเคลื่อนไหวอยู่เสมอในกลุ่มวัยรุ่นไฟแรง หลายคนมีความคิดที่อยากจะย้ายไปอยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว “ญี่ปุ่น” ก็เป็นหนึ่งประเทศยอดนิยมที่มีคนไทยหลายคนอยากจะย้ายไปอยู่อย่างถาวรเช่นกัน 

แน่นอน อย่างที่ทุกคนทราบ ประเทศญี่ปุ่นไม่ใช่ประเทศที่มีค่าครองชีพที่ถูกเหมือนประเทศไทย วันนี้ผมเลยมาสรุปค่าใช้จ่ายโดยคร่าวๆว่า ถ้าเราอยากจะใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่น เราต้องมีงบเท่าไหร่ต่อเดือน ใครที่อยากจะย้ายไปอยู่ประเทศนี้ ก็เก็บเอาไว้พิจารณาเพื่อเป็นไอเดียในการเตรียมพร้อมได้เลยนะครับ

ค่าไฟ (JPY4,000-8,000)

รูปภาพจาก ttps://pixabay.com/ja/photos/ラベンダー-ダイニング-ルーム-785968/

มาเริ่มกันที่ค่าใช้จ่ายแบบเบสิคกันเลย นั่นคือ ค่าไฟ โดยพื้นฐานประเทศญี่ปุ่นใช้พลังงานนิวเคลียร์ในการปั่นไฟ ทำให้ค่าไฟที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นจริงๆแล้ว ไม่แพงอย่างที่คิด ค่าไฟส่วนใหญ่สำหรับผู้อยู่อาศัยคนเดียวต่อ 1 ห้อง จะแพงหรือถูกขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้ เครื่องปรับอากาศ ครับ

ประเทศญี่ปุ่นมีทั้งฤดูหนาวและฤดูร้อน ซึ่งเวลาที่ถึงฤดูร้อนก็จะร้อนเกินกว่า 40 องศาเลยทีเดียว แน่นอน เมื่อถึงฤดูหนาวก็สามารถลงไปถึงติดลบในตอนกลางคืน ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ต้องเปิดแอร์ในช่วงฤดูร้อนตลอดเวลา และในช่วงฤดูอื่นๆที่มีอากาศหนาว ไม่ว่าจะเป็นฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้ร่วง ช่วงตอนกลางคืนอากาศก็จะเย็นอยู่ทีเดียว เลยจำเป็นต้องเปิดฮีดเตอร์ ถ้าเราใช้แอร์ ทั้งแบบร้อนหรือแบบเย็นทุกวัน ทุกคืน ค่าไฟก็จะขึ้นสูงได้ถึง 8,000 เยนต่อเดือน 

ทั้งนี้ อัตราหน่วยของค่าไฟในแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น ในเมืองโตเกียวก็จะมีค่าไฟสูงกว่าตามต่างจังหวัดและบริเวณอื่นๆในประเทศญี่ปุ่น 

ค่าน้ำ (JPY2,000-3,000)

รูปภาพจาก https://pixabay.com/ja/photos/search/ali/

ต่อมาคือ ค่าน้ำ ส่วนนี้ จริงๆไม่ได้แพงมากในฐานะคนไทยที่ไม่ได้อาบน้ำลงอ่างกันเป็นนิสัยเหมือนคนญี่ปุ่น ส่วนใหญ่เราก็จะใช้น้ำในการล้างจานและอาบน้ำเฉยๆ ฉะนั้น ในฐานะคนไทยที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น เราก็จะไม่มีค่าใช้จ่ายส่วนนี้ที่สูง อยู่ที่ประมาณ 2,000 กว่าๆ ไม่เกิน 3,000 เยน แต่สำหรับคนญี่ปุ่นแล้วค่าน้ำก็จะขึ้นสูงกว่านี้ เพราะชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ จะนอนแช่น้ำกันทุกวัน ทำให้ต้องมีปริมาณการใช้น้ำที่มากขึ้น 

ค่าแก๊ส (JPY3,000-5,000)

รูปภาพจาก https://www.publicdomainpictures.net/en/view-image.php?image=3242&picture=burning-gas

อุปกรณ์ครัวส่วนใหญ่ที่ห้องพักในญี่ปุ่นจะใช้ระบบแก๊สเป็นหลัก รวมถึงระบบทำน้ำอุ่นในอ่างอาบก็จะใช้พลังงานแก๊ส ค่าแก๊สจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มีรายจ่ายอยู่ทุกเดือน แต่ก็จะไม่สูงมาก ขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้ ถ้าเราเป็นคนทำอาหารอยู่ที่บ้านบ่อยๆ ค่าใช้จ่ายต่อเดือนก็จะอยู่ที่ประมาณ 3,000 เยน และถ้าเราเป็นคนที่ลงอ่างอาบน้ำเหมือนคนญี่ปุ่นและห้องที่เราอยู่นั้นใช้ระบบแก๊สในการอุ่นน้ำให้ร้อน ค่าใช้จ่ายตรงนี้ก็จะสูงขึ้นมาตามปริมาณการใช้ 

บางห้องที่มีระบบฮีตเตอร์โดยการใช้แก๊ส เวลาใช้งานทุกคืนในช่วงฤดูหนาวก็จะทำให้ค่าใช้จ่ายส่วนนี้สูงขึ้น แต่ถ้าเป็นบ้านลักษณะใหม่ ส่วนใหญ่ก็จะใช้ไฟฟ้ากันทั้งหมดแล้ว ก็จะไม่มีการใช้แก๊สเลย ค่าใช้จ่ายตรงนี้ก็จะเป็นศูนย์ในกรณีนั้น ฉะนั้น เวลาเราเลือกห้องพัก เราต้องคิดถึงฟาซิลิตี้ในห้องของเราด้วยว่าใช้พลังงานอะไร 

ค่าโทรศัพท์ (JPY3,000-8,000)

รูปภาพจาก https://pixnio.com/objects/electronics-devices/iphone-pictures/man-mobile-phone-hand-finger

มาถึงอีกหนึ่งถ้าใช้จ่ายจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการใช้ชีวิตปัจจุบันนั่นคือ ค่าโทรศัพท์ ที่ประเทศญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะไม่มีระบบเติมเงิน นั่นคือ เราต้องทำสัญญาผูกมัดเป็นรายเดือนกับบริษัทเครือข่าย โดยจะมีหลักๆคือ Softbank, Docomo และ AU 

เวลาซื้อเครื่องโทรศัพท์ก็สามารถซื้อโดยตรงจากบริษัทเหล่านี้ได้ โดยสามารถทำสัญญา 2 ปีและแบ่งจ่าย รวมค่าเครื่องไปเลย ซึ่งจะทำให้มีค่าใช้จ่ายต่อเดือนอยู่ที่ 7,000 - 8,000 เยน แต่ถ้าจ่ายค่าเครื่องทั้งหมดก่อนเลย ก็จะมีแค่ค่าใช้บริการรายเดือนอยู่ที่ 3,000 กว่าเยน 

ทั้งนี้ ค่าโทรศัพท์ในประเทศญี่ปุ่นก็มีลักษณะคล้ายประเทศไทยคือโทรในเครือข่ายเดียวกันฟรี และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเมื่อโทรต่างเครือข่าย ส่วนอินเทอร์เน็ตก็จะอยู่รวมใน Package อยู่แล้ว เราควรศึกษาข้อมูลแพคเกจของแต่ละบริษัทให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจ 

อีก 1 ข้อสำคัญเวลาซื้อโทรศัพท์ที่ญี่ปุ่นคือ เมื่อเราซื้อโทรศัพท์จากบริษัทไหน เราต้องใช้สัญญาณบริษัทนั้นจนกว่าจะหมดสัญญา และไม่สามารถเปลี่ยนซิมการ์ดไปบริษัทอื่นโดยใช้เครื่องเดิมได้ นอกจากจะทำการยกเลิกสัญญาก่อน เพราะโทรศัพท์ที่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเป็นซิมล็อค 

ค่าอินเตอร์เน็ต (JPY3,000-5,000)

รูปภาพจาก https://pixnio.com/ja/オブジェクト/コンピュータ/オフィス、プログラマ、電話、技術、パソコン、

ต่อมาคือค่าอินเทอร์เน็ตที่บ้านรวมถึง WiFi ส่วนใหญ่แล้ว ทุกบ้านก็จะใช้บริการของบริษัท NTT หรือ KDDI ซึ่งเป็นบริษัทให้สัญญาณอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ของญี่ปุ่น โดยบริษัททั้งสองก็มีบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงไฟเบอร์ ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศญี่ปุ่น 

การติดตั้งก็ลักษณะเดียวกันกับที่ประเทศไทยคือ เราต้องติดต่อกับบริษัทก่อนเพื่อตรวจสอบการติดตั้งว่าในบริเวณของบ้านพักหรือแมนชั่นที่เราอยู่นั้น มีสายสัญญาณของบริษัทอะไร จากนั้นเราก็สามารถเลือกแพ็คเกจอินเทอร์เน็ตตามความต้องการได้ ราคาก็มีตั้งแต่ 3,000 เยนต่อเดือนไปจนถึง 5000 เยนต่อเดือน ซึ่งความแตกต่างก็คือ จำนวนเมกความเร็วอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์เสริมต่างๆ อย่างเช่น ถ้าแพ็คเกจที่ราคาสูงหน่อย ก็จะมี WiFi แถมให้เลย โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เป็นต้น หรือ ตัวอย่างเช่นของ KDDI ซึ่งเป็นบริษัทในเครือข่ายของสัญญาณโทรศัพท์ AU ก็จะมีส่วนลด ถ้าเราเป็นผู้ใช้บริการสัญญาณโทรศัพท์ของ AU อยู่แล้วเป็นต้น 

นอกเหนือจากค่าบริการรายเดือนแล้ว ยังมีค่าติดตั้งและค่าบริการเซอร์วิสในครั้งแรกเหมือนกับการติดตั้งอินเทอร์เน็ตที่ไทย อุปกรณ์ของบริษัทก็ไม่ได้เป็นการซื้อขาดซึ่งเราต้องคืนอุปกรณ์เมื่อหมดสัญญา หรือบางบริษัทก็มีการผูกมัดให้ใช้บริการนานกว่า 24 เดือน ซึ่งถ้าเรายกเลิกสัญญาก่อน ก็จะมีค่าปรับตามระเบียบของบริษัทนั้น 

อย่างไรก็ตาม จะมีโปรโมชั่นหลากหลายอยู่เสมอเกี่ยวกับการติดตั้งอินเทอร์เน็ต ตัวอย่างเช่น ถ้าผูกสัญญาอินเทอร์เน็ตบริษัทนี้เป็นเวลา 1 ปี ก็จะมีส่วนลดในการซื้อคอมพิวเตอร์ รวมถึง Macbook iPad หรือโทรศัพท์ต่างๆอีกมากมาย สามารถศึกษาและติดต่อสอบถามข้อมูลได้ตามร้านให้บริการอินเทอร์เน็ต หรือไปที่ Big Camera ก็มีข้อมูลประชาสัมพันธ์ขายอินเตอร์เน็ตเหล่านี้ด้วย 

ค่าอาหาร (JPY30,000-50,000)

รูปภาพจาก https://www.piqsels.com/en/search?q=debit

ปัจจัยสำคัญที่สุดในการดำรงชีวิตนั่นคือ ค่าอาหาร อย่างที่ทุกๆท่านทราบว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่ขึ้นชื่อว่ามีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก ปัจจัยตรงนี้เห็นได้ชัดจากค่าอาหารแต่ละมื้อ 

โดยทั่วไปคิดได้ง่ายๆว่าเราต้องมีอย่างน้อย 1,000 เยนต่ออาหาร 1 มื้อ เพราะไม่ว่าจะไปทานข้าวที่ร้านอาหารไหนๆ set ที่ถูกที่สุด ส่วนใหญ่ก็อยู่ที่ประมาณ 1,000 เยน แน่นอน มีร้านค้าอื่นๆที่ถูกกว่า ตัวอย่างเช่น ร้านข้าวหน้าเนื้อซูกิยะ ก็จะมีข้าวเป็นถ้วยละ 400-500 เยน พวกกลุ่มอาหาร Fast food ก็จะขายเป็น set อยู่ที่ประมาณ 400-600 เยน ตรงนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน แน่นอน ผมมั่นใจว่าไม่มีใครอยากจะกินอาหารประเภทเดียวตลอดทุกวัน ฉะนั้น เวลามาเฉลี่ยกันแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะจ่ายค่าอาหารต่อมื้ออยู่ที่กว่า 1,000 เยน ทั้งนี้ ไม่รวมพวกขนมจุกจิกที่กินระหว่างวัน หรือแม้แต่กาแฟ ซึ่งถ้าคิดจากราคากาแฟสตาร์บัค ก็อยู่ที่แก้วละ 400-600 เยนเลยทีเดียว 

โดยรวม ตั้งแต่ตื่นนอนมาและทานข้าวเช้า ไปจนถึงข้าวเย็น ซึ่งทุกคนก็จะหิวและกินกันเยอะในช่วงเย็น ทำให้มีค่าใช้จ่ายมากขึ้น เกินกว่า 1000 เยนต่อมื้อ โดยรวมก็ไม่มีใครที่จ่ายต่ำกว่า 30,000 เยนต่อเดือนสำหรับค่าอาหาร ยิ่งถ้าใช้ชีวิตอยู่ที่โตเกียว เมืองที่มีค่าครองชีพสูงมาก ค่าอาหารตรงนี้ก็จะสูงขึ้นไปอีก ถึงแม้เราจะประหยัดค่าอาหารโดยการทำกับข้าวที่บ้านเอง จากประสบการณ์ที่ผมเห็นและจากชีวิตจริง ยังไง 30,000 เยน ก็คือขั้นต่ำในการดำรงชีวิตที่ประเทศญี่ปุ่น 

500 yen
มื้อละ 500 เยน กินอะไรได้บ้างที่ญี่ปุ่น?ใครบอกว่าค่าข้าวที่ญี่ปุ่นแพง ? ถึงแม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะไม่มีร้านขาย...

ค่าเดินทาง (JPY10,000-20,000)

รูปภาพจาก https://commons.wikimedia.org/wiki/File:東京メトロ08系電車.JPG

ค่าเดินทาง เป็นอีกค่าใช้จ่ายสำคัญที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะไม่นิยมใช้รถส่วนตัวถ้าอาศัยอยู่ในเมือง เนื่องจากระบบการคมนาคมโดยรถไฟฟ้าของประเทศญี่ปุ่นสามารถไปได้ทั่วถึงทุกแห่ง ค่ารถไฟที่ประเทศญี่ปุ่นก็ไม่ได้แพงอย่างที่คิด โดยปกติถ้าเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินจะเริ่มต้นที่ 170 เยนในระยะทาง 1- 6 กิโลเมตรและถ้านั่งไปไกลจนเกือบสุดสายที่กว่าประมาณ 40 กิโลเมตร ก็จะอยู่ที่ 300 กว่าเยนเท่านั้น 

ทั้งนี้ ค่าตั๋วรถไฟของสาย JR ซึ่งวิ่งอยู่ข้างบน จะมีราคาสูงกว่ารถใต้ดินที่วิ่งเฉพาะในเมืองอยู่เล็กน้อย แต่ถ้าเราใช้บริการรถไฟข้ามเมือง ก็จะมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นไปตามระยะทาง ฉะนั้น ถ้าที่ทำงานหรือโรงเรียนของเราอยู่ไกลจากที่เราพัก แนะนำให้ซื้อเป็นตั๋วรายเดือน เพราะจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้เยอะ แล้วไม่ต้องไปรอต่อคิวซื้อตั๋วเป็นรายครั้ง 

ถ้าไม่ค่อยมีการเดินทางไปไหนมาก ค่าใช้จ่ายตรงนี้ก็สามารถประหยัดไปได้เยอะ ยิ่งถ้าที่พักของเราอยู่ไม่ไกลจากสถานที่ทำงานของโรงเรียน เราก็สามารถซื้อจักรยานไว้ใช้แทนการขึ้นรถไฟได้ หรือแม้แต่เดินไปก็ดีกว่า 

train
รู้จักทุกประเภทรถไฟในญี่ปุ่นการเดินทางด้วยตัวเองในประเทศญี่ปุ่นอาจจะเป็น challeage ใหญ่สำหรับใคร...

ค่าเช่าห้อง (JPY70,000 +)

รูปภาพจาก https://pixabay.com/ja/photos/住宅-家-竣工-部屋-900246/

ค่าใช้จ่ายสำคัญในการดำรงชีวิตที่ญี่ปุ่นและมีอัตราส่วนที่สูงและแพงมากที่สุด นั่นคือ ค่าเช่าห้อง โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น โตเกียว นาโกย่า หรือโอซาก้า ปัจจัยสำคัญที่เป็นสัดส่วนในค่าใช้จ่ายต่อเดือนสูงที่สุด เกินกว่า 7 หมื่นเยนต่อเดือน มาจากค่าเช่าล้วนๆ 

ด้วยความที่ญี่ปุ่นมีพื้นที่ไม่มาก ทำให้ราคาของพื้นที่ในประเทศนั้นมีราคาที่แพงมาก ส่งผลให้ค่าเช่าสูงตามไปด้วย ซึ่งถ้าอยากจะอยู่อย่างสบาย โดยที่มีห้องไม่ใหญ่มากและไม่เล็กจนเกินไป ค่าเช่าก็จะอยู่ที่ 60,000 ถึง 80,000 เยนต่อเดือน ถ้าอยากจะอยู่ในห้องเช่าที่มีราคาถูกกว่านี้ ก็ต้องยอมเสียสละพื้นที่ลงไปเยอะ หรือเลือกสถานที่ที่อยู่ห่างออกจากตัวเมืองไปอีก คำว่าห้องเล็กที่ญี่ปุ่นคือ เล็กจริงๆ 

ห้องเช่าที่มีราคาแพงส่วนใหญ่ จะเป็นที่ที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟหรือมีฟาซิลิตี้ครบพร้อมอยู่อย่างสบายๆ เช่นอ่างน้ำระบบไฟฟ้า พื้นที่ทำอาหารเพิ่มมากขึ้น หรือมีตู้เสื้อผ้าและเฟอนิเจอร์บิ้วอิน ซึ่งที่ดีๆแบบนี้ก็จะมีค่าเช่าสูงกว่า 100,000 เยนขึ้นไป 

การแชร์ห้องเป็นอีกหนึ่งวิธีในการประหยัดค่าเช่าให้มากขึ้น ซึ่งคนต่างชาติหลายคนที่จำเป็นต้องอยู่ด้วยตัวเองและไม่มีสปอนเซอร์จากบริษัทญี่ปุ่น ก็จะใช้วิธีนี้ในการประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ถ้าเราทำงานกับบริษัทญี่ปุ่นใหญ่ๆ เขาจะมีสวัสดิการช่วยเหลือค่าเช่าตรงนี้ให้เยอะ บางบริษัทก็มีหอพักพนักงานให้เลย โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายหรือมีค่าใช้จ่ายน้อยในหลักพัน 

ก่อนจะตัดสินใจมาอยู่ที่ญี่ปุ่นก็ให้คำนวณค่าใช้จ่ายตัวหลักตรงนี้ให้ดีก่อน เพราะแน่นอน เราต้องมีการวางเงินประกันเหมือนกับการเช่าห้องทั่วไปในประเทศไทย 

ค่าเที่ยวเล่น (JPY20,000-30,000)

สุดท้ายนี้ ก็เป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆเพื่อความบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง หรือไปปาร์ตี้ต่างๆ ก็จะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันไปตามลักษณะนิสัยและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน 

ถ้าไปดูหนังที่โรงภาพยนตร์ ราคาตั๋วก็จะอยู่ที่ 1,200 บาท ถ้าไปร้องคาราโอเกะแบบเหมาบุฟเฟ่ต์ก็จะอยู่ที่ 1,000 ถึง 1,500 บาทต่อหัว ถ้าจะไปปาร์ตี้ในตอนกลางคืน ค่าเข้าผับหรือบาร์ต่างๆจะอยู่ที่ประมาณ 3,000 เยน และเครื่องดื่มจะอยู่ที่ 700 เยนขึ้นไป แต่ที่ญี่ปุ่นเองก็มี Happy Hour ซึ่งจำหน่ายเครื่องดื่มในราคาที่ถูกลงถึง 300 เยนก็มี ค่าเข้าสวนสนุกต่างๆก็จะอยู่ที่เกือบ 7,000 เยน 

เห็นได้ชัดว่า ค่าใช้จ่ายสำหรับความเพลิดเพลิน ก็แพงไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งนี้ ยังไม่รวมการออกทริปต่างจังหวัดหรือไปเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งจะมีค่าเดินทางโดยชินคันเซ็นหรือเครื่องบินมากกว่านี้ โดยรวมแล้วทริป 3 วัน 2 คืนอาจจะถึง 50,000 เยนเลยก็ได้ 

karaoke
ไปร้องคาราโอเกะในญี่ปุ่นกันการร้องเพลงในห้องคาราโอกะเป็นกิจกรรมยอดนิยมของชาวญี่ปุ่นทุกรุ่น ทุกว...

ใครที่คิดจะย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น หรือแม้แต่อยากจะลองไปใช้ชีวิตประเทศญี่ปุ่นในระยะยาว ก็ให้คำนวณค่าใช้จ่ายตรงนี้ให้ดี

โดยสรุปแล้ว ค่าใช้จ่ายต่อเดือนรวมทุกแล้ว อย่างต่ำก็จะอยู่ที่ 150,000 เยน  

ถ้ามีงานรองรับก็จะสบายไป เพราะที่ญี่ปุ่นให้ค่าแรงเท่าเทียมกัน ไม่ว่าเราจะมาจากประเทศไหน เราก็อยู่ภายใต้กฎหมายแรงงานของประเทศญี่ปุ่นเหมือนคนญี่ปุ่นโดยทั่วไป 

การใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นมีทั้งด้านบวกและด้านลบ หลายคนสามารถอยู่ได้นานและหลายคนก็ไม่ชอบด้วยความแออัดของประชากรและวัฒนธรรมในการทำงาน อย่างไรก็ตาม ผมก็มาแชร์ข้อมูลโดยคร่าวๆเพื่อเป็นไอเดีย สำหรับคนที่มีความสนใจอยากจะลองไปใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นครับ 

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
ABOUT ME
Ammer
สวัสดีครับ ผมแอมเมอร์ ครับ จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัย Nanzan University ที่ประเทศญี่ปุ่นและใช้ชีวิตอยู่ญี่ปุ่นกว่า 7 ปี อดีต เป็นพนักงานต้อนรับบนเรื่องบินและบินเส้นทางญี่ปุ่นอยู่บ่อยๆ ทำให้มีความคุ้นเคยกับญี่ปุ่นตั้งแต่เหนือจดใต้ ประเทศญี่ปุ่นเปรียบเสมือนบ้านหลังที่ 2 ปัจจุบันทำงานเป็นให้กับบริษัทเอกชนชื่อดัง นอกเหนือจากงานเขียนบน OhHoTrip ยังมีผบงานเขียนหนังสือออนไลน์ เรียน"ญี่ปุ่น" ยังไงให้รอด และช่อง Youtube เกี่ยวกับการเรียนภาษาญี่ปุ่นและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ถ้าชอบ Blog ที่ผมเขียน ช่วยกด LIKE กดแชร์ด้วยนะครับ :) https://www.youtube.com/c/Ammerkongtangjitt-japan
RELATED POST

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!