ความพึงพอใจในการเดินทาง
ควันหลงเรื่องรักฉุดใจนายฉุกเฉิน ระหว่างที่ผู้เขียนคิดอยู่ว่าจะพาทุกคนไปเที่ยวที่ไหนดี ที่ไม่ไกลจากโตเกียวเช้าไปเย็นกลับก็ได้ พร้อมกับได้ดื่มด่ำธรรมชาติสวยๆของญี่ปุ่น “ทานตะวัน”ก็ ผุดพรึบขึ้นมาในหัวค่ะ เพราะงั้นคราวนี้เราจะพาน้องหมอกับหมอเป้ง เอ้ยยยยไม่ใช่! เพื่อนๆที่สนใจเที่ยวสายธรรมชาติไปบุกทุ่งทานตะวัน ที่จังหวัดยามานะชิกันค่ะ ก่อนจะเริ่มนำทัวร์กันต้องบอกข้อแนะนำไว้ก่อนว่าหน้าร้อนญี่ปุ่นนั้น แสนทรมาณและอาจจะให้ร่างกายขาดหรือเป็นฮีสโตรกได้ การดื่มน้ำมากๆ โดยเฉพาะสปอร์ตดริ้งจึงเป็นเรื่องสำคัญมากนะคะ
ทุ่งทานตะวันที่เราจะพาไปในวันนี้ชื่อว่า ทุ่งทานตะวันอาซาโนะ ซึ่งมีต้นทานตะวันบานอวดสู้แสนอาทิตย์กันกว่า 600,000 ต้นเลยทีเดียว!!! นอกจากนี้ในแต่ละปีก็จะมีงานเทศกาลดอกทานตะวัน ขายของที่ระลึกและไอติมรสทานตะวันให้ลิ้มลองกับด้วยจ้า
ข้อแนะนำในการจัดทริป
1. เช้าไปเย็นกลับจากโตเกียว(ควรออกแต่เช้า)
2. ทริปฟูจิ ทริปออนเซน เนื่องจากจังหวัดยามานาชิเป็นที่ตั้งของออนเซนมีชื่อหลายแห่งและทะเลสาปคาวะกุจิกับฟุจิคิวไฮน์แลนด์และภูเขาไฟฟูชิเองก็อยู่ในจังหวัดนี้ค่ะ
ที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้คือเป็นทริปไปกลับค่ะ จุดหมายของเราคือสถานี Nirasaki ค่ะจากนั้นเราจะต้องนั่งบัสต่อถึงจะถึงทุ่งทานตะวันค่ะ เริ่มจากขึ้นรสไฟเอ็กแพรสจากสถานีShinjuku ชื่อว่า Limited Express trains on the Chuo Line 【Azusa 3 Limited Express Minami-Otari】สำหรับรถไฟสายนี้จะพาเรานั่งยาวไปถึงสถานี Nirasaki เลยค่ะ
แต่เนื่องจากสายนี้มีจำนวนน้อยควรวางแผนเวลาให้ดีๆนะคะ หรือจะนั่ง【 Kaiji 1Limited Express Kofu】ก็ได้ค่ะแต่รถไฟจะไปถึงแค่สถานี Kofu เป็นสถานีสุดท้ายดังนั้นเราต้องเปลี่ยนสาย1ครั้งเพื่อจะไปถึงสถานี Nirasaki ค่ะ รวมเวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงเศษๆโดยประมาณ เนื่องจากเป็นรถไฟธรรมดาเลยไม่มีอาหารหรือน้ำขายดังนั้นควรซื้อติดตัวไปก่อนขึ้นนะคะ
ปล.สายแอ็กเพรสมีถี่ค่ะแต่ว่าจะต้องเปลี่ยนสายหรือนั่งตรงไปได้เลยอันนี้ต้องวางแผนเวลาไว้ก่อนนะคะ
สามารถเช็คตารางรถไฟลิงค์ตรงนี้ได้เลยค่ะ (ภาษาอังกฤษ) ที่ลง Nirasaki ใช้ได้หมดเลยค่ะ
https://www.eki-net.com/pc/jreast-shinkansen-reservation/English/wb/common/timetable/e_lex_chuo_d/index.html
Cr: Google map
รอบที่เราเลือกคือออกจากShinjuku 9 โมงเช้าถึงNirasaki 11โมงนิดๆค่ะ พอนั่งรถไฟออกมาเรื่อยๆจากดงป่าปูนเราก็จะได้ค่อยๆสัมผัสธรรมชาติและนี้คือภาพวิวที่ถ่ายไว้ระหว่างทางค่ะ ชนบทญี่ปุ่นอย่างแท้ทรู แต่ความสดชื่นของธรรรมชาติดีมากๆค่ะ
เนื่องจากตอนมาถึงแล้วท้องหิวกันมากรถบัสก็ยังไม่มาเราเลยมาฝากท้องกับร้านโซบะหน้าสถานีกันก่อนค่ะ ด้วยความที่เป็นสถานีชนบทรอบๆสถานีเองก็ไม่ค่อยมีร้านอาหารเลยค่ะ T T
โซบะที่มาฝากท้องด้วย
สำหรับบัสเราก็จะนั่งสายท่องเที่ยวMizugaki route ค่ะขึ้นจากป้ายหมายเลข 2 ด้านหน้าสถานีเลยมีจุดสังเกตุคือป้ายบัสจะอยู่หน้าป้อมตำรวจค่ะ ขึ้นบัสไปประมาณ 25 นาทีค่ะแล้วลงที่ป้ายTsumitorien (คันจิ:つみとり園) ราคาเดียว 620 เยน หรือว่าใครไม่อยากรอบัสก็สามารถใช้แท็กซี่ได้ค่ะประมาณ 15-20นาทีถ้าราคาจะสูงกว่ามากค่ะ
อันนี้เป็นตารางบัสค่ะ(ภาษาอังกฤษ)
http://kyohoku.jp/wp-content/uploads/2019/08/c4a8dbd6e16549e3161899875c220b1b.pdf
Cr: Google map
ในช่วงท่องเที่ยวจะเห็นนักท่องเที่ยวมาต่อแถวกันเยอะ ไม่ต้องกลัวหลงเลย
อาคารสีขาวด้านซ้ายมือของภาพคือสถานีรถไฟค่ะ
พอเดินออกมาจากป้ายรถเมย์เราจะเจอป้ายไฮจิ วิลเลจแต่เนื่องจากวันนี้เราไม่ได้วางแผนที่จะเข้าวิลเลจเลยแค่แวะถ่ายรูปกับป้ายเท่านั้นเองค่ะ ว่าจะหาโอกาสไปอีกเหมือนกัน โดยไฮจิ วิลเลจ จะเป็นสวนดอกไม้และที่พักทำบรรยากาศเสมือนอยู่ที่ประเทศสวิสแลนด์ค่ะ แล้วเราก็เดินต่อไปอีกซักหน่อยตามแผนที่ด้านล่างเลยค่ะไม่ใกล้ไม่ไกลประมาณ5-10นาทีเท่านั้น
Cr: Google map
แผนที่
เห็นอยู่ไกลๆนั่นแล้วค่ะ เสียดายวันที่ครึ้มฟ้าครึ้มฝนไปหน่อย ด้านหลังที่เห็นคือภูเขาค่ะ
ใช่แล้วทุ่งทานตะวันแห่งนี้ล้อมรอบด้วยภูเขา!!
Cr: https://www.city.hokuto.yamanashi.jp/docs/sunflowerfes.html
สำหรับที่นี้แล้วนอกจากงานเทศกาลดอกทานตะวันแล้วไฮไลท์ยังอยู่ที่ศิลปะกลางทุ่งทานตะวันค่ะ
โดยแต่ละปีก็จะเปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อยๆ ส่วนรูปภาพต้นแบบก็เป็นผลงานของเด็กๆของโรงเรียนในท้องถิ่น
ทานตะวันดอกโตๆ
ถึงฟ้าจะครึ้มแต่ทานตะวันของเราก็ยังคงสดใส
ทานตะวันกับทานทั้งวัน OvO
แถมอีกซักรูป
หลังจากที่เราเดินถ่ายรูปกันจนหนำใจแล้วเราก็เดินกลับมาซื้อไอติมทานตะวันทานดับร้อนซะหน่อย
ของที่ระลึกเล็กๆน้อยๆ อันนี้เป็นกระดาษที่ทำจากดอกทานตะวันค่ะ
เสาโทริอิตรงทางเข้า
ก่อนกลับวันนี้เราตัดสินใจไปต่อที่ศาลเจ้าMisogi กันค่ะ เพราะศาลเจ้าแห่งนี้เป็นศาลเจ้าของเทพธิดาแห่งดวงอาทิตย์เป็นPower spot ชื่อดังของญี่ปุ่นค่ะขึ้นชื่อเรื่องการเปิดดวงโชคลาภ และด้วยความที่อยู่เข้าไปในเขาบรรยากาศจึงร่มเย็นและร่มรื่น ชวนให้ใจสงบ และนอกจากนี้ยังเคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำCM ของบริษัทau บริษัทเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์ชื่อดังของญี่ปุ่นด้วย สำหรับวิธีเดินทางนะคะให้เรานั่งบัสสายเดิมกลับมาที่สถานี Nirasaki แล้วนั่งรถไฟสายChuo line forward for Matsumoto ไปลงที่สถานี Kobuchizawa ใช้เวลา 25 นาทีไม่เปลี่ยนสายค่ะ พอถึงสถานีจุดหมายปลายทางแล้ว ให้นั่งแท็กซี่ไปประมาณ 5 นาทีเท่านั้นค่ะ วันนี้เราเห็นว่ามันแค่ 2.7 กิโลก็เลยตัดสินใจเดินไป แต่ว่ายิ่งเดินยิ่งขึ้นเขากว่าจะถึงใช้เวลาไปร่วม 40 นาที TvT
ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นศาลเค้าที่มีจุดเด่นคือมีโรงละครโนะขนาดใหญ่กลางน้ำ และหากเป็นช่วงเดือนสิงหาคมก็จะมีการแสดงละครโนะให้ชมกับด้วยค่ะ(อันนี้ต้องจองบัตรล่วงหน้า) สำหรับเป้าหมายที่เรามาที่ศาลเจ้าแห่งนี้คือซื้อเครื่องรางแห่งความฝันนั่นเองค่ะ โดยทั่วไปแล้วเครื่องรางในแต่ละที่ก็จะมีหน้าตาแตกต่างกันออกไปบ้าง เหมือนกันบ้าง หรือไม่ดีไซน์เฉพาะของตัวเองไว้เป็นจุดขาย เครื่องรางแห่งความฝันของที่นี่เป็นเช่นนั้นค่ะ หน้าตานางน่ารักมาก แล้วความฝันในที่นี้นั่นหมายถึงความสำเร็จต่างๆที่เราคาดหวังไว้นั่นเองค่ะ
หน้าตาจะหวานๆแบบนี้ ราคา 800 เยน แล้วที่เราประทับใจก็คือปกติเวลาซื้อเครื่องรางมิโกะที่ศาลเจ้า
ก็แค่จะใส่ถุงแล้วส่งให้ใช่ไหมคะ แต่ที่นี่จะชำระล้าง(การทำให้ศักดิ์สิทธ์) ในชิ้นต่อชิ้นที่ซื้อเลยค่ะ
Cr: https://www.misogi.jp/omamori/
นอกจากสีฟ้าฟรุ้งฟริ้งแล้วยังมีเครื่องรางรูปส้มยูซุที่เป็นเครื่องรางสำหรับเรียกความสุขด้วยน้า
ก่อนจะกลับไหนๆก็มาศาลเจ้าแล้วก็ขอขอพรให้เต็มคราบเลยแล้วกันค่ะ ณ ศาลเจ้าแห่งนี้ทุกวันที่ลงท้ายด้วยเลข 2 ได้แก่วันที่ 2 วันที่ 12 และวันที่ 22 ตอน บ่าย 2 ของทุกเดือนจะมีพิธีชำระล้างไฟถูกจัดขึ้น โดยเชื่อว่าการทำพิธีนี้เพื่อชำระล้างและเปิดเส้นทางแห่งโชคดีให้ไหลเข้ามาค่ะ แต่การเข้าร่วมพิธีจะต้องจองที่เอาไว้ ไม่เหมาะกับนักท่องเที่ยวเท่าไหร่ แต่ถึงจะไม่ได้เข้าร่วมพิธีเองแต่เราก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งได้โดย การเขียนคำอธิฐานบนไม้เพื่อนำไปร่วมเผาในพิธีค่ะ 1 แท่ง/500 เยน
ตามภาพด้านล่าง สิ่งที่เขียนคือ เรื่องที่อธิฐาน ชื่อ และ อายุ ตามลำดับค่ะ
เพี้ยงขอให้โชคลาภเข้ามาหาลูกบ้างเถอะค่า กรอบแล้ว (ฮา) สาธุ
Cr: www.misogi.jp
ลักษณะการประกอบพิธีกรรม
ใกล้ถึงเวลาที่ศาลเจ้าจะปิดแล้วก็ถึงเวลาอันควรที่จะเดินทางกลับโตเกียวค่ะ(ศาลเจ้าปิด 5 โมงเย็น) ขามาเราเดินมาก็จริง แต่แล้วระยะทางและทางขึ้นเขาแล้วขากลับเราขอพึ่งแท็กซี่ค่ะ T T ระหว่างรอเวลารถไฟร้านขายของฝากที่สถานีมีขายเบนโตะรถไฟออริจินอลของที่นี่หลากหลายแบบ การันตีความอร่อยเพราะเคยออกรายการทีวีด้วยน้า ท้องก็หิวแล้วก็เลยซื้อไปทานในรถไฟกับโคล่าขาว 1 ขวด
ห่อลายน่ารัก โคล่าขาวนี้รสชาติเหมือนโคล่าทั่วไปเลยค่ะ แค่อาจจะไม่ซ่าไม่เท่าโคล่าน้ำดำ
แต่นแต๊นนนน ข้างในมีข้าว 2 แบบ รสชาติญี่ปุ่นๆ อร่อยค่ะ โดยเฉพาะข้าวฝั่งที่มีใบไม้ห่ออยู่
ตัวข้าวจะหอมใบไม้ น่าจะแนวข้าวห่อใบบัวบ้านเรา
รถไฟขากลับ Limited Express trains on the Chuo Line 【Azusa 14Limited Express Shinjuku】นั่งยาวๆไปเลยประมาณ 2 ชั่วโมง และแล้วเราก็กลับสู่ชินจูกุอย่างสวัสดิภาพค่ะ ป่ะช็อปปิ้งชินจูกุต่อ ;D เนื่องจากวันนี้เราออกเดินทางกันช้าทำไมวนไปสถานที่ท่องเที่ยวไม่มาก แต่จริงๆแล้วในบริเวณใกล้เคียงที่ไปวันนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากค่ะ อย่างน้อยที่สุดหวังว่าเนื้อหาจะเป็นประโยชน์กับนักท่องเที่ยวสายธรรมชาตินะคะ ไว้พบกันใหม่บทความต่อไปค่ะ บ๊ายบาย
ปล. Limited Express Shinjuku จะมีแค่ชั่วโมงละขบวนเท่านั้นค่ะ ถ้านอกจากนั้นจะต้องนั่งรถไปธรรมดามาเปลี่ยนสายที่สถานีTakao 1ครั้งเพื่อเข้าชินจูกุและใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมงครึ่งจึงไม่แนะนำ
ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม https://www.jreast.co.jp/e/routemaps/azusa_kaiji.html?src=gnavi
สรุปข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว
1. ทุ่งทานตะวันอาซาโนะ
ที่ตั้ง: Akenocho Asao 5664 ,Hokuto, Yamanashi Prefecture
เปิดทำการ:ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม – กลางสิงหาคม
เวลาทำการ:8 โมงเช้า – 5โมงเย็น
การเดินทาง:จากสถานี Nirasaki > บัสป้ายหมายเลข 2 Mizugaki route ลงที่ป้าย Tsumitorien (25นาที)
เว็บไซต์:https://www.city.hokuto.yamanashi.jp/docs/sunflowerfes.html
2. ศาลเจ้ามิโซหงิ
ที่ตั้ง: Kobuchisawacho Kamisasao 3401, Hokuto, Yamanashi Prefecture
เปิดทำการ: ตลอดทั้งปี
เวลาทำการ:9 โมงเช้า – 5 โมงเย็น
การเดินทาง:จากสถานี Kobuchizawa > แท็กซี่ประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์:www.misogi.jp