blog ท่องเที่ยวญี่ปุ่น

ขับรถเที่ยวคิวชู ตอนที่ 3 Kumamoto,Amakusa,Nagasaki,Huis ten Boasch

หัวข้อที่เกี่ยว
|
IMG_1125

ผู้ร่วมเดินทาง

| คู่รัก/แฟน |

ค่าใช้จ่ายในการเดินทางต่อหนึ่งคน

| 50000 - 74999thb |

ระยะเวลาการเดินทาง

| 6 วัน |

ยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทาง

|

รถโดยสาร | 

เที่ยวแบบไหน

| ไปด้วยตนเอง |

ชื่อสถานที่หรือภูมิภาคที่ไป

  • kumamoto
  • Amakusa
  • Nagasaki
  • Huis ten Boasch

สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนครับ ฐากลับมาแล้ว  วันนี้จะกลับมาเล่าประสบการณ์การไปเที่ยวคิวชู  ตอนที่ 3  กันครับ

วันที่ 4  Kumamoto Castle ,Amakusa-shi,Shimabara Nagasaki , Nagasaki viewpoint

วันที่ 5 Nagasaki City , Meganebashi Brigde, China town , Nagasaki port , Huis ten Bosch

ตาราง 2 วันนี้ใส่ค่อนข้างแน่นครับ  เพราะมีเวลาเที่ยวน้อยแต่อยากไปหลายที่ให้คุ้มค่าตั๋ว 55555

ที่ต่อไปที่เราไปคือ Kumamoto Castle ครับ

ปราสาทคุมาโมโตะ หนึ่งในสามของปราสาทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นก่อตั้งขึ้นโดยคาโตะ คิโยมาสะในปีค.ศ.1601 และใช้เวลาในการก่อสร้างเจ็ดปี ปราสาทแห่งนี้ ซึ่งรู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า “กินนันโจ” (ปราสาทกิงโกะ) เป็นปราสาทที่มีขนาดใหญ่โตและสวยงาม กินพื้นที่ทั้งหมดราว 980,000 ตารางเมตร ประกอบด้วยหอคอย 3 จุด ป้อมปืน 49 ป้อม ปราการ 18 จุด และประตูปราสาท 29 จุด มีโครงสร้างของปราสาทเป็นเอกลักษณ์เนื่องจากมีกำแพงหินอิชิกาคิและลักษณะภูมิประเทศตามธรรมชาติที่ทำให้ตัวปราสาทมีรูปทรงโค้งเว้าสวยงาม คัตสึ ไคชูเคยกล่าวไว้ว่า “ไม่มีปราสาทแห่งใดเหมือนกับปราสาทแห่งนี้” โดยอ้างอิงถึงขนาดและความสูงที่ใหญ่โตมโหฬารของปราสาทแห่งนี้

ช่วงที่เราไปเที่ยวนั้น  เมืองคุมาโมโตะเพิ่งผ่านแผ่นดินไหวครั้งใหญ่  ทำให้บางส่วนของตัวปราสาทนั้นเสียหายรุนแรงดังที่เห็นในภาพด้านล่างครับ  ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการบูณะให้กลับมาสวยงามดังเดิมครับ

ตัวปราสาทสวยงามมากครับ  เสียดายไม่ได้มีโอกาสเข้าไปด้านใน  จะสังเกตเห็นบริเวณหลังคาได้รับความเสียหายหนักมาก

ซากุระน้อยๆ ที่ให้เราได้ยลโฉมครับ  ไว้จะกลับมาเที่ยวอีกตอน Full Bloom นะ

กำแพงที่พังถล่มลงมาหลังจากแผ่นดินไหว

บริเวณรอบๆตัวปราสาทครับ กว้างและสวยงามมาก

หลังจากที่เราเที่ยวชมปราสาทกันแล้ว  เราได้เดินทางไปชายทะเลของเมืองอมากุสะ  เพื่อไปชมโลมาในทะเลกันครับ  อ่านในเว็บแล้วเค้าบอกว่า โลมาไม่ได้มีมาทุกวันครับ  แล้วแต่ช่วงและสภาพอากาศ  กล่าวคือถ้าโชคดีก็จะเจอ  ถ้าโชคไม่ดีก็จะไม่เจอครับ  เราก็ค่อยข้างลุ้นว่าจะโชคร้ายแบบที่ต้นซากุระยักษ์และ Aso มั้ย 555

เราขับรถมาถึงชายทะเลเมืองอมากุสะ  และเดินทางไปซื้อตั๋วเรือ  และได้ถามพนักงานขาย  ได้ความว่าเมื่อวานออกเรือ เจอโลมาแค่ 3 ตัวเท่านั้น  เรานี่ใจแป้วเลย  อดอีกแล้วแน่ๆ 55555

เรือแล่นออกมาจากฝั่งได้ 5 นาที ก็ได้เจอโลมาตัวแรกครับ  ตื่นเต้นสุดๆ

ลมแรงมากครับ  อากาศหนาวมาก

พอห่างจากฝั่งมาอีก  ก็เริ่มเจอโลมาเพิ่มมากขึ้น

ว่ายตามเรือนักท่องเท่ียวด้วยครับ

มากันเป็นกลุ่มเลย  เยอะมากครับ  คุ้มค่ามากๆรอบนี้  น้ำตาจะไหล   อยากให้ทุกคนลองมาสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวที่นี่ครับ  คุ้มค่ามาก

หลังจากที่เราได้เจอโลมากันแล้ว  เราก็ได้เดินทางไปยังเมือง Shimabara เมืองที่มีปลาคราฟอยู่ในท่อระบายนำ้กันครับ  เรามาลองนึกกันดูว่าถ้าที่เมืองไทยทำแบบนี้ได้บ้าง มันจะสวยงามขนาดไหนครับ

มืองชิมาบาระ (Shimabara) ตั้งอยู่ในจังหวัดนางาซากิ (Nagasaki) เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ยังคงมีกลิ่นอายของเมืองในสมัยโบราณอยู่ นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยแหล่งน้ำใต้ดิน (spring water) ใสสะอาด จนได้ชื่อว่าเป็น “เมืองแห่งน้ำ (City of water)” สำหรับการเดินทางไปชิมาบาระ (Shimabara) สามารถขึ้นรถไฟจากฟุคุโอกะ (Fukuoka) ซึ่งเป็นประตูสู่คิวชู (Kyushu) ไปประมาณ 3 ชั่วโมง หรือขึ้นรถไฟจากนางาซากิ (Nagasaki) ไปประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง และเนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในเมืองนี้จะอยู่ในบริเวณใกล้ๆ กันหมด จึงสามารถเที่ยวได้ทั่วภายในวันเดียว

ปลาในท่อระบายน้ำ  ตัวใหญ่มาก

บริเวณนี้มีร้านขายของจำหน่ายอาหารปลาด้วยนะครับ  เอาอาหารมาให้น้องๆได้ครับ

คฤหาสน์ริมน้ำชิมาบาระ (Shimabara Mizuyashiki) เป็นคฤหาสน์สร้างด้วยไม้หลังนี้สร้างขึ้นเมื่อกว่า 145 ปีก่อน ภายในสวนมีสระน้ำซึ่งเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติใต้ดิน ซึ่งเต็มไปด้วยปลาคาร์พหลากสีสันว่ายเวียนอยู่ ตัวใหญ่มาก และมีเยอะมากด้วยครับ  สวยงามจริงๆ

จากนั้นเราเดินทางไปยังปราสาทชิมาบาระซึ่งอยู่ไม่ไกลครับ

หมู่บ้านระแวกนี้มีความสงบ และยังมีกลิ่นไอของบ้านสมัยเก่าอยู่ครับ  นักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยได้มาเที่ยวแถวนี้ครับ  จึงไม่ต้องไปแย่งถ่ายรูปกับใครเลย  สบายมาก

ปราสาทชิมาบาระ เป็นปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นประมาณช่วงต้นของยุคเอโดะ(Edo) เนื่องจากตัวปราสาทที่มีสีขาวและยังมีขนาดที่ใหญ่โตมากที่สุดแล้วของบริเวณแถบนี้นั้นเอง  ซึ่งปราสาทแห่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญในญี่ปุ่นที่ก็ไม่รอดพ้นการถูกทำลายในช่วงสงครามเช่นเดียวกันกับที่อื่นๆ โดยได้ถูกทำลายลงในยุคเมจิ(Meiji) และการบูรณะขึ้นมาใหม่อีกครั้งในช่วงประมาณปี ค.ศ. 1964 การสร้างขึ้นมาใหม่นั้นจะเน้นการใช้วัสดุที่แตกต่างจากเดิมอย่างการใช้คอนกรีตแทนที่หิน

เราไม่ได้ขึ้นไปที่ตัวปราสาทเพราะเรามาเย็น  จึงปิดแล้วครับ  จึงได้แต่เดินเล่นรอบๆ ตัวปราสาทครับ

รอบๆปราสาทมีต้นซากุระขึ้นเรียงราย  เป็นภาพที่สวยงามมากครับ

ช่วงค่ำเราเดินทางไปยังจุดชมวิว Nagasaki Viewpoint ซึ่งถือเป็น 1 ใน 3 จุดชมวิวที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นครับ

ภูเขาอินาซะ (Inasayama) ตั้งอยู่ใกล้กับตัวเมืองนางาซากิ การขึ้นไปยอดสูงสุดนี่สามารถทำได้ง่ายๆด้วยกระเช้าไฟฟ้าหรือรถบัส แต่เราขับรถขึ้นไป  ทางขึ้นไม่ยากเลยครับ  ภูเขาแห่งนี้มีความสูงอยู่ที่ 333 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นชมวิวที่สูงสุดของเมือง จึงทำให้เป็นจุดที่สามารถเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองนางาซากิได้ดีงามที่สุดแล้ว ซึ่งชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่า ยาเคอิ (Yakeio) โดยจะมีอีก 2 แห่งนั่นคือ ภูเขาฮาโกดาเตะ Hakodate และภูเขาร็อคโกะ Rokko

อากาศข้างบนหนาวและลมแรงมาก ทำให้ภาพออกมาสั่นไหวเล็กน้อยครับ

ฟ้าไม่ค่อยใสเท่าไหร่เลย  แต่วิวข้างบนสวยมากครับ

เสาสัญญาณ  เปลี่ยนสีได้ด้วยครับ   จอดรถข้างล่างแล้วปีนขึ้นมาข้างบนครับ

เช้าวันต่อมา  เราได้ไปเที่ยวต่อกันในเมืองนางาซากิครับ เป็นเมืองในฝันอีกที่นึงที่อยากมา นางาซากิ (Nagasaki) เมืองประวัติศาสตร์สำคัญในสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกวางระเบิดปรมาณูที่ทำให้คนเสียชีวิตนับแสนกับเหตุการณ์ครั้งนี้ นางาซากิ เดิมเป็นหมู่บ้านชาวประมงขนาดเล็ก และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เพียงเล็กน้อย จนกระทั่งได้เริ่มติดต่อกับนักสำรวจชาวโปรตุเกสในปี ค.ศ. 1543 ซึ่งผู้นำของคณะสำรวจแรกนั้น คือ เฟอร์เนา เมนเดส ปินโต ที่เดินทางมาด้วยเรือโดยเทียบท่าใกล้ ๆ กับทาเนงาชิมะ เกาะในหมู่เกาะโอซูมิ

ที่แรกที่เราไปนั้นก็คือ สะพานแว่นตาครับ สะพานมากาเนะบาชิ แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1634 เพื่อที่จะไว้ใช้แม่น้ำนาคาจิมะ(Nakajima)ให้สะดวกมากยิ่งขึ้น แม้ต่อมาได้มีการสร้างสะพานหินเพื่อข้ามแม่น้ำนาคาจิมะเพิ่มขึ้นอีกหลายสะพาน หากสะพานแห่งนี้ก็ยังคงมีความสำคัญลำดับต้นๆจากความงดงามอันเลื่องชื่อจนติด1 ใน 3 สะพานหินที่ได้รับยกย่องว่าสวยที่สุดในญี่ปุ่น   สะพานที่คล้ายกันที่ทุกคนไปบ่อยๆ ก็คือ สะพานวงกลมคู่ที่พระราชวังอิมพีเรียลนั่นเองครับ

ต่อไปเราไปเที่ยวกันที่ย่านไชน่าทาวน์ของเมืองนางาซากิครับ  เมืองนี้ชาวจีนมาอยู่นานมากแล้วครับ

สวยมากครับบบบบ

รถรางของเมืองนางาซากิครับ รถรางนางาซากิ เป็นของ Nagasaki Electric Tramway มีสายหลักทั้งหมด 5 สายด้วยกัน โดยสถานีส่วนใหญ่ที่จอดจะใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ รถรางนี้เริ่มวิ่งตั้งแต่ 6:00 ถึง 23:00 มีรถทุกๆ 5-8 นาที  เดินทางไปเที่ยวสะดวกมากครับ

เราได้เดินทางไปเที่ยวเรื่อยๆ จนถึงท่าเรือของเมืองนางาซากิครับ  ที่นี่จะพบเรือสำราญลำใหญ่มากมายครับ   ทิวทัศน์บริเวณนี้สวยและลมเย็นมากครับ

ในสวนริมทะเลนั้นเอง มีซากุระบานเต็มพื้นที่ครับ  ทริปซากุระคิวชูก็ได้เจอซากุระแล้ว  55

จากนั้นเราก็ได้เดินทางไป เดจิมะ (Dejima) มีลักษณะคล้ายเกาะ  มีน้ำล้อมรอบ เดจิมะถูกสร้างขึ้นช่วงประมาณปี ค.ศ. 1636 ซึ่งเดิมทีได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อาศัยของชาวโปรตุเกตที่เข้ามาทำงานในประเทศญี่ปุ่น ต่อมาเมื่อชาวโปรตุเกตถูกสั่งให้ย้ายออก จึงมีชาวดัชที่เป็นทั้งพ่อค้า และคนงานย้ายเข้ามาอยู่แทน จากการถูกประกาศเป็นเขตอนุรักษ์นี่เองทำให้มีการรักษาความเก่าแก่ของทุกๆสิ่งบนพื้นที่นี้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ยังมีอาคารแบบเก่าหลงเหลืออยู่มากมาย ทั้งโกดังเก็บของ บ้านเรือน โรงงานอุตสาหกรรม กำแพง ประตู อีกทั้งยังมีการสร้างและต่อเติมอาคารขึ้นมาเพิ่มเพื่อรักษารูปลักษณ์ของเมืองให้ดูเหมือนเดิมอีกด้วย  เค้าว่ากันว่าสร้างขึ้นเพื่อแบ่งแยกชาวต่างชาติ ออกจากคนญี่ปุ่นทั่วไปครับ

เดินเล่นในเมืองนางาซากิจนทั่วแล้ว  เราก็ได้ไปกันต่อที่ Huis ten Bosch สถานที่ที่จำลองยุโรปมาไว้ที่นี่ครับ เราได้มีโอกาสเดินเล่นทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืน บรรยากาศดีมากเลยครับ

แค่ทางเข้าก็สวยงามแล้วครับ

บรรยากาศตอนที่นั่งเรือล่องไปในคลองรอบๆ Huis ten Bosch ครับ

ขึ้นไปบนหอคอยแล้วมองลงมาด้านล่างก็จะสวยแบบนี้

ตกแต่งด้านในได้สวย  น่าเดินมากครับ

ส่วนนี้จะเป็นโซนสยองขวัญครับ  ได้มีโอกาสลองเล่นทุกอันแล้ว  น่ากลัวมากเลย

ภาพกังหันกับทิวลิปครับ

พอฟ้าเริ่มมืด  อากาศก็หนาวมากครับ  ที่นี่ตกแต่งไฟได้สวยงามมากทุกจุดเลยครับ   น่าถ่ายรูปมาก

ชอบมุมนี้เป็นพิเศษเลยครับ

โดยเมื่อเราได้ทำการจองตั๋วผ่านทางหน้าเว็บไซต์นี้เรียบร้อยแล้วเราจะได้เป็น  E-Ticket ที่มีบาร์โค้ค สามารถปริ้นท์และนำไปเข้าได้เลยที่ประตูหมายเลข 3,4 หรือประตู Ocean Gate ครับ สะดวก ง่าย สบาย ประหยัดเงินได้มากเลยครับ

โดยรวมแล้วเป็นอะไรที่สวยงามมากครับ  ไม่ต้องพูดอะไรมากให้ภาพมันอธิบายเองครับ 555

ผมขอจบกระทู้นี้เพียงเท่านี้ก่อนครับ  แล้วเจอกันตอนต่อไปเร็วๆนี้ครับ ^^

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
RELATED POST

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!