หลังจากที่เราได้ไปเดินงาน Expo 2025 มาเมื่อช่วงปลายเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา เป็นเวลา 3 วัน เราได้ค้นพบอะไรหลายอย่างที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังเตรียมตัวเดินทางไปร่วมงาน ให้เป็นข้อมูลในการเตรียมตัวและก็น่าจะช่วยให้สามารถเข้าร่วมงานได้อย่างราบรื่นมากขึ้น และเนื่องจากเราได้พูดเรื่องตั๋วไปในบทความก่อนหน้าค่อนข้างเยอะแล้ว เลยขอข้ามไปที่การเดินทางเข้างานเลยนะคะ
การเดินทางเข้างาน
การเดินทางที่เราเลือกใช้เข้างานคือ รถไฟ เราจึงเลือกพักโรงแรมที่อยู่ใกล้สถานี Hommachi ซึ่งสามารถขึ้นสาย Chuo Line ตรงเข้าสู่งานทาง East gate ได้เลยค่ะ เมื่อมาถึงก็จะมีป้ายบอกตลอดทาง ไม่มีหลงแน่นอน แต่ถ้าเดินทางด้วยวิธีอื่นจะต้องไปเข้าทาง West gate ซึ่งจะเป็นคนที่เดินทางด้วยรถส่วนตัว รถบัส ที่เกทนี้เราจะได้เจอกับกลุ่มนักเรียน และครอบครัวเป็นส่วนใหญ่ค่ะ
จากที่เราได้เลือกเวลาเข้าไว้แล้วนั้น ควรไปตามเวลาที่ได้เลือกไว้หรือสายกว่านั้นได้ค่ะ ไม่แนะนำให้ไปก่อนเวลา เพราะขั้นตอนการปล่อยคนเข้างานของเค้าจะปล่อยตามรอบที่เราเลือกไว้ หากเลือกเข้า 10.00 น. แต่คุณไปถึงตอน 9.30 น. คุณก็จะต้องยืนรอในโซนที่เค้ากั้นไว้ (กลางแจ้ง) จนกว่าจะถึงเวลาของคุณ เป็นอะไรที่ต้องใช้ความอดทนมากเพราะแดดแรงจริงๆ จุดนี้ร่มสำคัญมาก ขอให้พกไปด้วย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม (อันนี้จากการคาดการณ์ของเราเอง) หากคุณเลือกเข้าเวลา 10.00 น. คุณก็น่าจะได้เข้าภายในเวลา 11 โมงแน่นอน (เพราะเค้าน่าจะต้องพยายามเคลียร์คนแต่ละรอบให้ไม่ไปสะสมในรอบถัดไป) และหากคุณมาสายกว่านั้น เค้าก็จะมีเกทแยกสำหรับเก็บตกอีกส่วนนึงค่ะ จะไม่ไปต่อแถวรวมกับคนที่มาตามเวลาที่เลือกไว้ ดังนั้น เราแนะนำให้ไปสายหน่อยก็ได้ ใกล้ๆ ปลายชั่วโมงของรอบที่เลือกไว้ แถวจะเริ่มสั้น และเราจะไม่ต้องยืนต่อแถวกลางแดดนานๆ ค่ะ
ส่วนขั้นตอนที่เกทก็จะมีการตรวจกระเป๋าและสแกน QR code จากตั๋วที่จองในวันนั้น สามารถนำน้ำเปล่า เครื่องดื่มที่ยังไม่ได้เปิดเข้างานได้ ส่วนที่เปิดดื่มแล้วจะมีการตรวจเพิ่มอีกนิดหน่อย ถ้าปลอดภัยก็นำเข้าได้ค่ะ ข้าวปั้นหรือขนมก็เตรียมไปเผื่อได้หากไม่อยากต่อคิวซื้ออาหารในงานค่ะ
สิ่งที่ควรทำเมื่อเข้างานแล้ว
หลายคนที่อาจจะจองรอบเข้า Pavilion ได้รอบเช้าๆ (9.30-10.30) เราแนะนำให้วิ่งไปเข้า Pavilion ก่อน ส่วนใครที่จองได้รอบบ่ายหรือไม่มีจอง เราอยากให้ไปที่ร้านขายของที่ระลึกก่อน เพราะอยู่ใกล้เกทและผู้คนยังไม่หนาแน่นมาก และบางไอเทมไม่มีขายที่ kiosk ภายในงานหรือนอกงาน หากจะย้อนกลับมาซื้อตอนเย็นคนจะแน่นไปอีกหรืออาจจะเข้าไม่ได้ไปเลยค่ะ แผนที่แบบกระดาษสามารถซื้อได้ที่ Information center ราคา 200 JPY หรือจะดูจากแอปก็ได้ค่ะ แต่เราชอบดูแบบกระดาษมากกว่า เลยซื้อไว้แผ่นนึงค่ะ นำ้และของกินติดกระเป๋าก็ซื้อได้ที่ Lawson บริเวณนี้เช่นกันค่ะ
การเดินชมงาน
โครงสร้างหลักของงานที่สังเกตได้ง่ายสุดก็คือ Grand Ring นั่นเอง และเป็นส่วนที่เราค้นพบว่ามีประโยชน์มากหากเราเดินอยู่ใต้มัน เพราะมันทั้งบังแดดและมีลมพัดเย็น ทำให้เราเดินจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งได้อย่างไม่ทรมานมาก ในวันแรกเราเดินข้ามไปมากลางแดดตลอดเวลาเพราะยังจับทิศไม่ถูกบ้าง เจออะไรน่าแวะก็อาจจะออกนอกเส้นทางบ้าง ดังนั้นหากต้องการไปจุดไหน แนะนำให้เดินตามแนว Grand Ring ไป แล้วค่อยเดินตัดเข้าตรงกลางพื้นที่วงกลมอีกทีจะดีกว่าค่ะ
ของที่ต้องเตรียม
สิ่งที่ต้องเจอแน่ๆ เลยคือ ความร้อน ความเมื่อย และความหิว เริ่มกันที่ความร้อนก่อนเลย โดยเฉพาะใครที่เดินทางไปในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่น ภายในงานจะมีจุดนั่งพักที่มีร่มเงาไม่มากนักเมื่อเทียบกับความหนาแน่นของผู้เข้าชมงาน ดังนั้นเสื้อผ้าควรบาง เบา ระบายอากาศ แต่คลุมร่างกาย ร่มคันเล็ก หมวก แว่นกันแดด ครีมกันแดด พัดลม/พัด สเปรย์เย็นต่างๆ เตรียมไปให้ครบ หรือช่วงนี้เค้าฮิต cool ring กัน ก็น่าพกติดตัวไว้ด้วยค่ะ ขวดน้ำสำหรับพกไว้ดื่มระหว่างวัน แต่ถ้าไม่มี ในงานก็มีขายค่ะ หรือกดจากตู้ขายน้ำก็ได้ค่ะ มีตั้งกระจายอยู่ทั่วงาน เตรียมกระดาษทิชชู่เปียกและแห้งพกไว้ในกระเป๋าด้วยก็ดีค่ะ เพื่อความสะดวกหากจำเป็นต้องนั่งกินอาหารที่ไม่ใช่ในร้าน ด้วยความที่ที่นั่งอาจไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้เข้าชมงาน บางจังหวะก็อาจจะต้องยืนกิน หรือนั่งที่ม้านั่งแล้วกินแบบไวๆ แทนค่ะ แต่สิ่งหนึ่งที่สบายใจได้คือ ห้องน้ำ ค่ะ มีเพียงพอ แทบไม่ต้องต่อแถวเลย สะอาด และมีดีไซน์แต่ละจุดไม่เหมือนกันด้วยค่ะ บางทีเราก็สะดุดที่ความเก๋น่าถ่ายรูปก่อนที่จะรู้ว่าเป็นห้องน้ำเสียอีกค่ะ
ส่วนความเมื่อย หากใครมีปัญหาเรื่องการยืนเยอะ เดินเยอะ อาจจะต้องเตรียมเก้าอี้พับเล็กๆ ไปด้วยค่ะ (คนญี่ปุ่นเหมือนจะมีกันมาทุกคน ฮ่าๆ) เพราะการยืนต่อคิวรอเข้า Pavilion ที่คนสนใจมากๆ ก็ใช้เวลา 40 นาทีไปจนถึงหลักชั่วโมงเลยค่ะ และสุดท้ายเรื่องความหิว ขอเล่าในหัวข้อถัดไปค่ะ : )
นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่คาดไม่ถึงว่าจะเจอด้วยก็คือ ยุง และเป็นยุงที่ตัวใหญ่มากด้วย หากใครแพ้ยุง/แมลง ก็เตรียมยาหรือสเปรย์กันยุงไปด้วยนะคะ
ของกิน
ในงาน Expo 2025 นี้ต้องยอมรับเลยว่ามีของกินให้เลือกเยอะมากกก ทั้งโซนร้านอาหารส่วนกลางของงาน ร้านสะดวกซื้อทั้ง 7-11 และ Lawson นอกจากนี้แต่ละ Pavilion ก็ยังมีร้านอาหารที่นำเสนออาหารประจำชาติของตัวเองด้วย ซึ่งส่วนนี้แหละที่ต้องต่อแถวกันยาวนานมาก แต่ส่วนตัวเราอยากแนะนำ ORA Gaishoku Pavilion ซึ่งอยู่ในโซน West gate ที่ Pavilion นี้มีบูธอาหารอยู่ภายในที่มีอาหารหลากหลายประเภทและคนไม่เยอะ ไม่ต้องรอคิวนานเหมือนกับจุดอื่นๆ เค้าจะขายแบบ take away เท่านั้นนะคะ ไม่มีที่นั่งภายในอาคาร แต่บริเวณด้านหน้ามีที่นั่งใต้ Grand Ring ให้พอนั่งกินได้ค่ะ (สถานการณ์นี้เก้าอี้พับก็มีประโยชน์มากค่ะ) และยังใกล้กับจุดทิ้งขยะ ตู้ขายน้ำ และห้องน้ำด้วยค่ะ ส่วนจุดที่คนหนาแน่นจะเป็นร้านอาหารในโซนป่า (Forest of Tranquility Zone) ซึ่งจะแทรกตัวอยู่ในป่าสมชื่อ โต๊ะที่นั่งกินมีจำกัด และค่อนข้างร้อนด้วยค่ะ


ก่อนกลับ
หลังจากเดินชมงานมาทั้งวันแล้วถ้ายังไม่เหนื่อย เราอยากแนะนำให้อยู่ถึงช่วงค่ำเพื่อจะได้ดูความอลังการของแต่ละ Pavilion ยามค่ำคืนด้วย เพราะนอกจากแสงสีที่มีการออกแบบให้ตัวอาคารมีความโดดเด่นในความมืดแล้ว ยังมีการแสดง projection mapping ที่เล่นกับตัวอาคารอีกด้วย หากใครชอบก็อาจจะต้องไปดูตารางการแสดงในแต่ละวันอีกทีนะคะ
แต่หากใครเหนื่อยล้าจากการเดินมาทั้งวันแล้ว และไม่อยากเหนื่อยเพิ่มตอนออกจากงานอีก เราแนะนำให้วางแผนออกจากงานช่วงประมาณ 4 โมงเย็น จะเป็นช่วงที่คนไม่หนาแน่นมาก และจะสามารถเดินตรงออกไปที่สถานีรถไฟได้เลย แต่ถ้าหากออกช้ากว่านั้น ทางเจ้าหน้าที่จะต้อนเราให้เดินอ้อมเกท (คิดสภาพว่าเดินอ้อมสนามฟุตบอล) เพื่อชะลอให้คนค่อยๆ ทยอยออกไปยังสถานี ไม่กระจุกตัวกันแน่นเกินไป ดังนั้น หากต้องออกเย็นๆ เลย ก็ให้กินอาหารเย็นให้อิ่ม เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย เพราะเมื่อคุณอยู่ในแถวแล้วจะย้อนออกมายากแล้วค่ะ


--- END ---