World Expo คืออะไร? ทำไมต้องไปดู?
World Expo หรือเริ่มแรกนั้นเรียกกันว่า World’s fair หรือ Universal exhibition เริ่มจัดครั้งแรกเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วตั้งแต่ ค.ศ. 1851 ที่กรุงลอนดอน ภายใต้ชื่อ The Great Exhibition ส่วนใหญ่จะจัดขึ้นในโซนยุโรปและอเมริกาทุกๆ 5 ปี ในยุคแรกๆ จะเป็นเหมือนงานแสดงนวัตกรรมเนื่องจากเป็นยุคหลังปฏิวัติอุตสาหกรรม ประเทศไหนประดิษฐ์คิดค้นอะไรได้ก็เอามาโชว์กัน ยุคถัดมาในช่วงสงครามโลก ก็จะเริ่มมีเรื่องราวของวัฒนธรรมและสังคมสอดแทรกเข้ามาในธีมการจัดงานด้วย แต่ละประเทศก็จะเอาศิลปะ วัฒนธรรม และแนวคิดทางสังคมในช่วงนั้นมาแสดงให้นานาชาติได้เห็น ควบคู่ไปกับเรื่องนวัตกรรมและเทคโนโลยี และในยุคปัจจุบัน งาน World Expo เปรียบเสมือนการทำ Nation branding นั่นคือการสร้างแบรนด์และโปรโมตประเทศของตัวเองให้ชาวโลกได้รู้ว่าประเทศฉันค้นพบหรือสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ มานำเสนอบ้าง เนื้อหาในช่วงหลังปี 2000 มานี้ก็จะเน้นเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นธีมหลัก ทุกประเทศก็จะนำนวัตกรรม เทคโนโลยีต่างๆ มานำเสนอ หรือใช้เป็นสื่อนำเสนอมุมมองของตัวเองต่อธีมในแต่ละปี ส่วนใหญ่ประเทศพัฒนาแล้วก็จะไม่ยอมน้อยหน้ากันในการอวดความเจ๋งของตัวเอง โดยเฉพาะประเทศเจ้าภาพจัดงาน ที่ต้องแสดงศักยภาพในการดีไซน์งานทั้งหมดให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด และในปี 2025 นี้ เจ้าภาพจัดงานคือประเทศญี่ปุ่น ซึ่งน้อยครั้งที่เจ้าภาพจะเวียนมาเป็นประเทศที่ใกล้บ้านเราขนาดนี้ เพราะฉะนั้นจึงเป็นงานที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งค่ะ
World Expo 2025
ในอดีตญี่ปุ่นนั้นเคยเป็นเจ้าภาพจัดงาน World Expo มาแล้วถึง 2 ครั้ง คือในปี 1970 และ 2005 ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 โดยจัดขึ้นที่เมืองโอซาก้า ตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย. - 13 ต.ค. 2025 เปิดให้เข้าชมเวลา 9.00 - 22.00 น. ภายใต้ธีม Designing Future Society for Our Lives พื้นที่จัดงานถูกสร้างขึ้นบนเกาะ Yumeshima ซึ่งเกิดจากการถมทะเลใกล้ชายฝั่งเมืองโอซาก้าขึ้นมา ดีไซน์ให้สามารถเห็นวิวของทะเลที่ล้อมรอบได้อย่างลงตัว


การเดินทาง
การเดินทางมายังเกาะนี้จะมีหลักๆ 2 รูปแบบคือ รถไฟและรถบัสรับส่งจากสถานีรถไฟหลักต่างๆ ตามภาพ และเค้าไม่อนุญาตให้นำกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ใดๆ เข้าพื้นที่จัดงาน ดังนั้นควรวางแผนเรื่องการฝากกระเป๋าไว้ที่อื่นก่อนเข้างานกันด้วยนะคะ

ตั๋วประเภทต่างๆ
World Expo 2025 มีตั๋วหลายประเภทให้เลือกซื้อตามช่วงเวลาการเข้าชมงาน โดยจะแบ่งง่ายๆ ดังนี้

1. Advance ticket
Advance ticket เป็นตั๋วที่สามารถซื้อล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่กำหนด มี 7 ประเภท
1.1 One-entry ticket ตั๋วเข้างาน 1 ครั้ง ตามช่วงเวลาที่กำหนด เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเข้าชมงาน 1-4 ครั้ง
- Opening Ticket ตั๋วสำหรับเข้างานช่วงวีคแรกของการจัดงาน (13 - 26 เม.ย. 2025)
- First-Half Period Ticket ตั๋วสำหรับเข้างานช่วง 3 เดือนแรกของการจัดงาน (13 เม.ย. - 18 ก.ค. 2025)
- Super Early Bird One-Day Ticket ตั๋วนี้เข้าวันใดก็ได้ตลอดระยะเวลาการจัดงาน แต่สิ้นสุดการขายไปแล้ว
- Early Bird One-Day Ticket ตั๋วนี้เข้าวันใดก็ได้ตลอดระยะเวลาการจัดงาน สามารถซื้อได้จนถึงวันที่ 12 เม.ย. 2025
1.2 Multiple-entry Pass ตั๋วเข้างานได้หลายครั้ง ตามช่วงเวลาที่กำหนด
- Summer Pass ตั๋วสำหรับเข้างานช่วงฤดูร้อน (19 ก.ค. - 31 ส.ค. 2025) โดยสามารถเข้างานได้ตั้งแต่เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป สามารถซื้อได้จนถึงวันที่ 31 ส.ค. 2025 หากใครที่สามารถอดทนต่ออากาศร้อนได้ พาสนี้ก็คุ้มสุดค่ะ
- Season Pass ตั๋วนี้เข้างานได้ตั้งแต่วันแรกไปตลอด ยกเว้น 10 วันสุดท้ายของการจัดงาน (13 เม.ย. - 3 ต.ค. 2025) โดยสามารถเข้างานได้ตั้งแต่เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป สามารถซื้อได้จนถึงวันที่ 3 ต.ค. 2025 เรามองว่าตั๋วนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเข้าชมงาน 4 ครั้งขึ้นไปตลอดระยะเวลาการจัดงานจึงจะคุ้มค่ะ
1.3 Special Ticket ตั๋วสำหรับผู้ที่มีใบรับรองความทุพพลภาพ ฯลฯ รวมถึงผู้ติดตาม 1 คน
2. On Sale During the Expo
On Sale During the Expo เป็นตั๋วเข้างาน 1 ครั้ง (One-entry ticket) ที่ซื้อได้ตลอดช่วงระยะเวลาการจัดงานแต่ราคาจะค่อนข้างสูงกว่าตั๋วที่ซื้อล่วงหน้า เหมาะกับคนที่อาจจะยังไม่มีแพลนที่แน่นอน หรือต้องการซื้อเพิ่มในช่วงระยะเวลาการจัดงาน มี 3 ประเภท ดังนี้
2.1 One-Day Ticket ตั๋วเข้างานช่วงวันและเวลาใดก็ได้
2.2 Weekday Ticket ตั๋วเข้างานเฉพาะวันจันทร์-วันศุกร์ (ยกเว้นวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) ตั้งแต่เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป
2.3 Night Ticket ตั๋วเข้างานช่วงกลางคืน ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป
การซื้อตั๋ว
ผู้ที่ต้องการซื้อตั๋วต้องเข้าไปลงทะเบียน ExpoID ก่อน จากนั้นจึงจะสามารถซื้อตั๋วได้ ดูรายละเอียดได้ที่ https://www.expo2025.or.jp/en/tickets-index/ หรือสามารถซื้อได้ที่ klook
เตรียมตัวไปงานยังไงให้คุ้ม
หากคนที่เคยมีประสบการณ์เคยเดินงาน World Expo มาบ้างแล้วจะพอนึกออกว่าจำนวน Pavillion ที่ต้องการดูนั้นมีเท่าไหร่ และประเทศไหนห้ามพลาดบ้าง ก็จะทำให้วางแผนการซื้อตั๋วได้ แต่สำหรับคนที่ไปครั้งแรกและไม่รู้ว่าจะอินกับงานมั้ย อยากแนะนำให้ซื้อไว้ก่อน 2 วัน เนื่องจากวันแรกเราจะงงกับความใหญ่ของงาน ก็เลยอยากให้มีอีกวันเผื่อไว้เก็บตกด้วยค่ะ
Your Must-Visit Pavilions
อันดับแรก เล็งและทำลิสต์คร่าวๆ ไว้เลยว่ามี Pavilion ของประเทศไหนที่ “ต้องไปดู” ให้ได้ โดยหาข้อมูลได้จาก Official website เลยค่ะ ตอนนี้ก็จะเห็นหน้าตาของ Pavilion ต่างๆ ที่ดูน่าสนใจมากมาย ลิสต์ถัดมาจะเป็นประเทศรองๆ ที่ถ้าได้เข้าก็ดี เช่น อาจจะมีประเด็นที่เราสนใจประมาณนึงแต่ไม่ได้ว้าวมาก และสุดท้าย คือประเทศที่ถ้าผ่านก็เข้าไปดูหน่อยก็ได้ แต่ถ้าเหนื่อยแล้วไม่ได้เข้า ก็ไม่เสียใจ หลังจากนั้นก็มาดูประกอบกับแผนที่ภายในงาน ก็จะทำให้เราวางแผนการเข้า Pavillion ต่างๆ ที่เลือกไว้ได้ดีขึ้นค่ะ
การจองคิว
เมื่อเราได้ลิสต์ Pavilion ที่เราอยากเข้าตามเลเวลต่างๆ แล้ว เราก็มาวางแผนว่าจะจองคิวเข้า Pavillion ไหน เวลาใดบ้างผ่านแอป Expo 2025 Visitor https://www.expo2025.or.jp/en/visitorsapp/ ทั้งนี้อาจจะต้องลองหาข้อมูลเพิ่มเติมดูว่า หากเป็นประเทศใหญ่ๆ ที่ Pavilion ดูว้าวมากๆ มีความอลังการ แสงสีเสียงจัดเต็ม จะมีคนอยากเข้าไปดูเยอะ ก็อาจจะจุคนต่อรอบได้เยอะ หรือบางประเทศมีการจำกัดจำนวนคนต่อรอบ เพราะต้องใช้คนพาเดินและอธิบายก็อาจจะทำให้จองยากหน่อยค่ะ
เสื้อผ้าหน้าผมก็ต้องพร้อมนะ!
แน่นอนว่างานแบบนี้ในยุคนี้มันต้องมีจุดถ่ายรูปว้าวๆ แน่นอน การแต่งตัวก็จัดเต็มได้ประมาณนึง แค่อย่าให้พะรุงพะรังมากก็พอ เพราะเราต้องท้าแดด ท้าลม ท้าแอร์ ท้าละอองน้ำใน Pavilion สลับไปมา ก็เอาชุดที่ใส่สบาย คล่องตัว รองเท้าผ้าใบแบบเดินสบายสุดๆ ไปเลย ขวดน้ำขนาดพกพา หมวก แว่นกันแดด powerbank เตรียมให้พร้อม
อาหารการกิน
ในแอป Expo 2025 Visitors จะมีข้อมูลร้านอาหารบอกไว้ด้วย รวมถึงบอกตำแหน่งภายในงานที่เราอยู่ด้วยว่าอยู่ตรงไหน แต่จากประสบการณ์ส่วนตัว แนะนำให้พก snack ติดกระเป๋าไว้เผื่อด้วยก็ดีค่ะ เพราะบางทีอาจจะเจอกับคิวยาว แล้วทำให้เราไปเข้า Pavillion ไม่ทันตามเวลาที่จองก็เป็นได้ค่ะ
เตรียมตัวให้พร้อม แล้วเจอกันที่งานนะคะ 🙂
-- END --