เหลือเวลาอีก 4 เดือนสำหรับงาน Expo 2025 ที่ได้เวียนมาจัดใกล้ประเทศไทยเราขนาดนี้ หากใครยังลังเลอยู่ว่าจะไปดีมั้ย ฉันจะไปดูอะไรหรอ และคำถามอีกมากมาย บทความนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ว่าไปมาแล้วเป็นยังไงบ้างค่ะ
เทคนิคการจองตั๋ว
ด่านแรกก่อนเดินทางออกจากประเทศ หลายคนได้จองตั๋วเข้าชมงานไว้เรียบร้อยแล้ว แต่แค่นั้นอาจยังไม่พอ เพราะคุณต้องจองเวลาสำหรับเข้าชม Pavilion ต่างๆ ด้วย ซึ่งไม่ใช่ว่าทุก Pavilion จะต้องทำการจองล่วงหน้า หากคุณไม่มีดวงในรอบการจองแบบ Lottery หรือ First come first serve ก็ไม่ต้องกังวลไปค่ะ ยังมีอีกหลาย Pavilion ที่สามารถไปต่อคิวเข้าได้เลย แต่อาจต้องใช้ความอดทนนิดนึงในการรอค่ะ
การจองตั๋วในรอบ Lottery คุณจะสามารถเลือกได้ 5 ตัวเลือก ในทั้ง 5 ตัวเลือก คุณสามารถเลือก Pavilion เดียวกันแต่ต่างรอบได้หากคุณคิดว่าต้องเข้า Pavilion นี้ให้ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการันตีว่าคุณจะได้ มากที่สุดคือได้ 1 จาก 5 เพื่อนเราบางคนไม่ได้เลยทั้งแบบที่เลือกคละ Pavilion หรือเลือก Pavilion เดียวแต่ต่างรอบกัน เราเองโชคดีมาก เราได้ล็อตโต้ทุกวัน (เราเข้า 3 วัน ก็เท่ากับ ได้เข้า 3 Pavilion แน่ๆ) แนะนำว่าถ้ามีตั๋วเข้าหลายวัน อย่าลงล็อตโต้ Pavilion เดิมทุกวัน เพราะระบบมันจะไม่ได้คัดออกให้ว่าเราได้ Pavilion A ไปแล้ว และถ้ามาเลือกซ้ำอีก คุณอาจจะได้ Pavilion A ซ้ำกัน 2 วันก็เป็นได้ค่ะ
เช่นเดียวกันกับการจองแบบ First come first serve เราเจอเหตุการณ์ว่าจอง Pavilion เกาหลีของวันเข้างานวันที่ 1 และดันได้เกาหลีซ้ำในรอบล็อตโต้ของวันเข้างานวันที่ 3 จึงรู้เลยว่าระบบไม่ได้คัดชื่อออกให้ถ้าได้ Pavilion ใดไปแล้ว โดยเฉพาะในรอบนี้ คุณต้องรีบเข้าเว็บไปก่อนเลยชั่วโมงนึง เพื่อให้ทันเที่ยงคืนที่ญี่ปุ่น หากเลยไปซักห้านาทีแล้ว ก็ไปนอนได้ค่ะ คุณจองไม่ทันแล้ว ไปลุ้นจองในวันเข้างานอีกทีว่าจะมีรอบใดที่ว่างบ้าง ซึ่งรอบนี้คุณจะจองได้ก็ต่อเมื่อได้สแกนเข้างานไปแล้วนะคะ และต้องคอยเช็คเป็นระยะๆ หากมีรอบที่ยังจองได้ก็ต้องรีบกดทันทีค่ะ
Highlighted pavilions
มาถึง Pavilion น่าเข้ากันบ้าง จากที่เราเก็งข้อสอบไว้ในบทความที่แล้ว ก็มีตรงบ้าง ไม่ตรงบ้าง และเข้าไม่ได้บ้างเพราะจองไม่ได้จริงๆ หรือไม่ก็รอคิวไม่ไหว ฮ่าๆๆ ลิสต์ต่อจากนี้เลยจะรีวิวอันที่เราเข้าไปดูมาแล้วเท่านั้นนะคะ โดยแบ่งตามประเภทการจองไว้ให้ค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแต่ละ Pavilion อาจมีการปรับรูปแบบการเข้าชมตามสถานการณ์ได้นะคะ เช่น หากมีที่เหลือ ก็อาจจะเปิดให้ Walk in เพิ่มได้ค่ะ
จองล่วงหน้าเท่านั้น
Blue Ocean Dome
เล่าเรื่องการรักษาระบบนิเวศน์ทางทะเล มี 3 โดม โดยเมื่อเดินเข้าไปโดมแรกเราจะเจอกับ Installation น้ำไหล ประกอบการให้ข้อมูลว่า Pavilion นี้สร้างจากวัสดุ 3 อย่างคือ ไม้ไผ่ CFRP (Carbon Fiber Reinforced Plastic) และกระดาษ ซึ่งเมื่อจบงานแล้ว Pavilion นี้มีแผนว่าจะถูกรื้อถอนและนำไปติดตั้งใหม่ที่เกาะมัลดีฟส์! โดมถัดมาจะเป็นส่วนให้เราดูหนังเกี่ยวกับระบบนิเวศน์ทางทะเล และโดมสุดท้ายจะจัดแสดงโปรดักต่างๆ ที่เป็นนวัตกรรมค่ะ

Earth Mart
Earth Mart เป็น Pavilion ที่พูดถึงการบริโภคของมนุษย์ที่เปรียบโลกของเราเป็น Supermarket และมนุษย์เรานี่แหละที่เสาะแสวงหาสิ่งต่างๆ มาบริโภคมากขึ้นๆ ทุกปี ในนี้จะมีทั้ง Installation น่ารักๆ และ Interactive ให้เล่นพอเป็นกิมมิคค่ะ นอกจากนี้ก็จะมีนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาหารในอนาคตตอนท้ายก่อนออกจาก Pavilion ค่ะ




Netherlands
เนื่องจากเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่มีวิถีชีวิตผูกพันกับน้ำ เค้าเลยเล่าผ่านกิมมิคลูกบอลไฟให้เราได้เชื่อมเป็นส่วนหนึ่งกับสายน้ำ แล้วเดินทางไปด้วยกันค่ะ

จองล่วงหน้า + walk-in
PASONA NATUREVERSE
ไม่น่าเชื่อว่า Pavilion นี้จะมีเนื้อหาที่เนิ้ดมากๆ แต่ก็สามารถเอาเจ้าหนู Astro boy มาเชื่อมโยงเรื่องราวได้อย่างแนบเนียน ในนี้จะมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีเกี่ยวกับสุขภาพและการแพทย์ที่มากกว่าแค่ได้ดู แต่ได้ลองใช้ด้วย! และแม้ว่าจะเนิ้ด แต่แสงสีเสียง Experience ต่างๆ ก็ดีมาก หากจองล่วงหน้าไม่ได้ แนะนำให้ต่อคิวรอเข้าเลยค่ะ คุ้มค่าการรอคอย


Korea
เมื่อเทียบกับปี 2020 เราผิดหวังกับเนื้อหาของเกาหลีปีนี้ไปหน่อยค่ะ อาจจะมีการบิวด์อารมณ์ในช่วงแรกด้วยดนตรีและไฟ แต่หลังจากนั้นก็เบามาก ถ้าคนเยอะหรือจองไม่ได้ ก็สามารถแวะไปทานอาหารเกาหลีได้ค่ะ อร่อยดีแนะนำค่ะ : )


Walk-in เท่านั้น
Saudi Arabia
ในฐานะประเทศเจ้าภาพในปี 2030 เค้าเลยแสดงภาพรวมให้เห็นทั้งในมุมของวัฒนธรรมควบคู่กับโปรเจ็กต์ต่างๆ ที่จะเกิดในอนาคตอันใกล้ของซาอุดิอาระเบีย และก็ไม่พลาดที่จะทำให้ทุกคนอยากไป Expo 2030 ในอีก 5 ปีข้างหน้าเช่นกัน


UAE
ส่วนตัวเราชอบการออกแบบและใช้วัสดุของ Pavilion นี้ เพราะสามารถทำให้วัสดุง่ายๆ อย่างใบจากต้นปาล์ม ที่เดิมใช้ในงานจักสานตะกร้า เสื่อ มาทำเป็นงานอินทีเรียที่ดูแพงได้อย่างดีเลยค่ะ ภายในเค้ามีร้านอาหารให้นั่งทานด้วยนะคะ แต่ที่นั่งไม่เยอะมาก ถ้าใครมีโอกาสต่อคิวไม่นานก็อยากให้ได้ลองทานกันค่ะ


Germany
ปีนี้พี่เยอรมนีมาในแนวน่ารักเพื่อให้เข้ากับการมาเยือนญี่ปุ่นด้วยการสร้างน้อง Circulars ไกด์พาชม Pavilion ที่พูดได้ 3 ภาษา ให้เราเลือกได้ว่าจะฟังภาษาไหน เป็นกิมมิคที่ไม่มีประเทศไหนทำเพื่อทลายกำแพงภาษาให้ผู้เข้าชมได้แบบนี้ เราชื่นชมมากๆ เลยค่ะ


นอกจาก Pavilion ที่แนะนำมาแล้วนั้นยังมีอีกหลาย Pavilion เลยค่ะที่ไม่ต้องจองล่วงหน้าก็ต่อคิวเข้าได้เลยเช่น France, Switzerland, China, USA, Nordic, Italy เป็นต้น ซึ่งการจัดคิวก็อาจจะแตกต่างกันอีกค่ะ บางประเทศจำกัดความยาวของแถว หากยาวเกินที่กำหนด เค้าจะปิดหางแถว ไม่ให้ต่อเพิ่ม ถ้าแถวเริ่มสั้นแล้วก็จะเปิดให้มาต่อใหม่ ก็อาจจะต้องยืนรอแถวๆ นั้นซักพักนึงเพื่อรอเปิดให้ต่อแถวค่ะ หรือบางประเทศก็ให้ต่อยาวไปเลยเป็นงูขดหลายพับมากๆ อันนี้ก็จะเห็นเลยว่ารอไหวหรือไม่ไหวค่ะ บางแถวก็เคลื่อนตัวเรื่อยๆ บางแถวก็นิ่งๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องไปดูจังหวะที่หน้างานกันอีกทีค่ะ อย่างไรก็ตาม อาจจะฟังดูเหนื่อย แต่ก็สนุกดีค่ะ ได้เปิดหูเปิดตาเจออะไรใหม่ๆ มากมาย อยากให้ทุกคนได้ไปดูงานแบบเอ็นจอยกันนะคะ : )
--- END ---