ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

โตเกียวโดมที่ไม่ได้มีแค่โดม (ครึ่งแรก : สวนโคระคุเอง)

ภูมิภาค
|
หัวข้อที่เกี่ยว
|
IMG_2999

สวัสดีค่ะ วันหยุดนี้ตั้งใจจะไปดูไฟที่โตเกียวโดมสักหน่อย แต่ดันไปเร็วเกินไป ถึงตั้งแต่กลางวัน ทำยังไงดี พอเดินเล่นๆ ก็เจอกับสวน "โคระคุเอง" หรือชื่อเต็มๆคือ สวน"โคอิชิคาวะโคระคุเอง(Koishikawa korakuen)"เข้า ไปดูจุดที่น่าสนใจของสวนนี้กันดีกว่าค่ะ

ก่อนอื่นสำหรับผู้ที่ตั้งใจมาที่สวนเลย สถานีที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีKorakuen  มาได้ด้วยรถไฟใต้ดิน "Marunouchi Line" และ "Namboku Line" ค่ะ ถ้าเดินทางจากสถานีชินจุกุใช้เวลาประมาณ 20นาทีค่ะ

ถ้ามาจากทางสถานี สวนนี้จะติดอยู่หลังโซนของโตเกียวโดมพอดีเลยค่ะ

เมื่อเดินเลาะรั้วจากสถานีโคระคุเองมา เจอเจอกับทางเข้ารั้วค่ะ ป้ายทางฝั่งขวามือ(ไม่ได้ถ่ายมา...)บอกว่าวันนี้เป็นวันแรกของเทศกาลชมใบไม้เปลี่ยนสีพอดีเลยล่ะค่ะ  แต่เท่าที่ดูใบยังเขียวๆอยู่เลย.....

ทางนี้เป็นแผนที่ของสวนค่ะ มีบ่อน้ำใหญ่อยู่ตรงกลาง สร้างตามความต้องการของโชกุนค่ะ สวนกว้างกว่าที่คิด แต่เท่าที่ดูมีห้องน้ำกระจายอยู่หลายจุด ไม่ต้องห่วงถ้าต้องการเข้าห้องน้ำกลางทางแน่ๆ

ก่อนอื่น สวนนี้มีค่าเข้า เหมือนสวนสไตล์ญี่ปุ่นส่วนใหญ่ค่ะ  แต่สวนที่อยู่ในเขตโตเกียวส่วนใหญ่จะราคาถูก เพราะมีภาษีจากรัฐบาลช่วยเหลือด้วย สำหรับที่นี่

คนทั่วไปราคา 300เยนค่ะ สำหรับเด็กต่ำกว่าประถมเข้าฟรี

เมื่อเราซื้อตั๋วแล้วก็เข้าไปกันได้เลยค่ะ 

เมื่อเข้าไปจะพบกับสวนแบบญี่ปุ่น และขาวๆด้านหลังนั่นคือโตเกียวโดมนั่นเอง ได้บรรยากาศสวนกลางเมืองอย่างแท้จริง 

เพราะว่าโตเกียวโดมอยู่ใกล้ขนาดนี้ ระหว่างที่เดินอยู่ก็มีการจัดคอนเสิร์ตอยู่พอดีค่ะ เสียงจากด้านในโดมลอดออกมาในสวนเป็นระยะ เมื่อพูดถึงสวนแบบญี่ปุ่นก็จะต้องคิดถึงสวนสงบๆแต่สวนกลางเมืองแบบนี้ก็ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ดีเหมือนกันค่ะ

เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆก็พบกับสระน้ำขนาดใหญ่และมีเกาะกลางน้ำเล็กๆ ค่ะ ใบไม้ยังเียวเป็นส่วนมาก แต่ก็มีแดงๆแสม น่าเสียดายเหมือนกัน ถ้ามาช้ากว่านี้สักหน่อยคงได้ภาพใบเหลืองแดงสมกับเป็นฤดูใบไม้ร่วงกว่านี้ค่ะ

เราตัดสินใจอ้อมสวนจากทางขวามือค่ะ  ซื่งข้างทางจะมีรูปปั้นหิน ป้ายหิน หรือ เนินโล่งที่เมื่อก่อนเคยมีศาลาตั้งอยู่ เนินโล่งๆส่วนใหญ่สิ่งที่เคยตั้งอยู่จะพังไปเพราะแผ่นดินไหว หรือในช่วงสงครามโลก แต่เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ว่าเคยมีอะไรอยู่เลยปล่อยไว้อย่างนั้น และตั้งป้ายอธิบายแทนค่ะ

พออ้อมมาอีกนิด ก็มองเห็นอีกด้านหนึ่งของเกาะกลางสระ มีป้ายอะไรตั้งอยู่ด้วย ถ้ามองดีๆบนเกาะจะมีนกเป็ดน้ำเต็มไปหมดเลยค่ะ เพราะไม่มีทางเชื่อมให้คนเดินเข้าไปเป็ดเลยสร้างรังกันบนเกาะ และมุมนี้มีลุงๆตากล้องตั้งกล้องเต็มไปหมด มุมนี้คงจะเป็นมุมสวยๆของสวนอีกมุมหนึ่ง

เมื่อเดินไปสุดสวนก็จะเจอกับสระเล็กๆอีกสระ (ถ้าตามแผนที่คือสระออกสี่เหลี่ยมทางสุดขวามือ)ดูท่าทางน้ำที่นี่จะไม่ค่อยหมุนถ่ายเทออกซิเจนซักเท่าไร นอกจากสระใหญ่ กับส่วนที่เป็นน้ำตกแล้ว จะแอบขุ่นนิดหน่อย แต่ก็ไม่มีกลิ่นเหม็นนะคะ

เมื่อเดินอ้อมสระสี่เหลี่ยมแล้ว กลับเข้ามาในโซนสระใหญ่ จะเจอกับร้านแผงลอยในรถ สำหรับอยากเติมท้องที่หิวน้อยๆให้พอมีแรงเดินต่อไป วันที่เราไปมีร้านดังโกะดูเหมาะกับสวนญี่ปุ่นๆ กับร้านฮอทดอกที่คงตั้งใจให้ชาวต่างชาติที่ยังไม่ชินกับขนมญี่ปุ่น 

ส่วนเรานั้นเลือกดังโกะมาค่ะ ที่ร้านมีให้เลือกรสโชยุ กับรสโชยุผสมคินาโกะ(แป้งมันของญี่ปุ่น) คุณลุงเจ้าของร้านใจดี ทาโชยุให้สองรสเลยในไม้เดียว เอาเป็นว่าเค็มดีค่ะ.... แต่ก็ไม่อิ่มมากเกินไป ไม้เดียวกำลังดี

ระหว่างที่นั่งกินดังโกะ ตรงหน้าก็มีการโขว์การแสดงแบบญี่ปุ่นค่ะ  ในภาพกำลังหมุนร่มโดยมีถังน้ำน้อยๆทำจากไม้แบบญี่ปุ่นหมุนอยู่ด้านบนด้วย การแสดงนี้จะมี3รอบในช่วงบ่าย มีคนมุงดูเยอะเหมือนกันนะคะ พอดูเสร็จนักแสดงก็จะมาขอรับบริจาคเหมือนกับการแสดงข้างทางอื่นๆในญี่ปุ่นค่ะ อากาศเริ่มเย็นแล้วเราเลยนั่งอาบแดดอยู่ตรงนี้สักพักใหญ่เลยค่ะ 

เอาล่ะเมื่อท้องอิ่มและตัวอุ่นแล้วเราก็ออกเดินกันอีกครั้งค่ะ 

เราเลือกข้ามสะพานที่ทำจากกระสอบต่อยาวข้ามไปอีกฟากของสระน้ำ(ข้ามกลับไปทางเข้า) พอได้เข้ามาดูน้ำใกล้ๆ มีปลาคราฟอยู่่เต็มสระเลยค่ะ และพอเห็นคนก็ว่ายมารอรับอาหารกัน (พอมองใกล้ๆน้ำในสนะใหญ่ก็ดูย่ำแย่เหมือนกัน...)

ท่าทางน้ำของที่นี่จะการระบายไม่ดี เรามาดูโบสถ์น้อยๆที่ชื่อ Tokujindo กันดีกว่า เห็นแบบนี้โบสถ์นี้ไม่ธรรมดานะคะ เป็นโบสถ์ที่รอดพ้นจากการเกิดภัยพิบัติแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในคันโต เมื่อปี1923 อาคารอื่นๆในสวนนี้ อย่างที่บอกไปข้างต้นมีหลายๆหลังที่พังไปเพราะแผ่นดินไหว หรือไหม้หายไปตอนสงครามโลก บางส่วนก็ปล่อยไปเป้นที่โล่งๆ บางส่วนก็จำลองขึ้นมาให้เหมือนเดิม แต่อาคารนี้ไม่พังไม่ไหม้และอยู่มาตั้งแต่ครั้งแรกที่สร้างเลยล่ะค่ะ

ใบไม้กำลังเริ่มเปลี่ยนสีแล้วค่ะ สีส้มแกมสีเขียว เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของฤดูได้อย่างดี

สะพานแดงในภาพนี้ก็เป็นจุดถ่ายรูปของที่นี่อีกเหมือนกันค่ะ ถ้าเปิดดูในเว็บของสวนจะใช้สะพานแดงนี้เป็นจุดขายเลยล่ะค่ะ นี่ขนาดทุกยอ่างยังเขียวชอุ่ม คนยังรุมกันถ่ายสะพานแดงทั้งจากบนสะพานและจากด้านล่างของสะพานเลยล่ะค่ะ

พอหันหลังให้กับสะพานก็ได้กับเจอน้ำใสๆแล้ววว

ส่วนนี่เป็นมุมที่เห็นจากบนสะพานค่ะ

ตอนนี้เราเดินกลับไปทางออกและวนกลับเข้ามาด้านในคืนอยู่ค่ะ  ซึ่งเดินมาอีกสักพักจะพบกับจุดขายอีกหนึ่งอย่างของที่นี่คือ สะพานพระจันทร์เต็มดวง หรือที่เรียกว่า Engetsukyo ค่ะ ที่เรียกแบบนี้เพราะว่าเมื่อถ่ายภาพที่สะท้อนจากน้ำแล้วจะออกมาเป็นรูปเหมือนพระจันทร์เต็มดวงนั่นเอง

ที่นี่มีแปลงนาเล็กๆด้วยนะคะ แปลงนากลางโตเกียวนี้มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะเพื่อสอนให้เด็กๆรู้ถึงความเหนื่อยยากของการทำนา ปัจจุบันเด็กประถมของโรงเรียนในเขตเป็นผู้ดูแลค่ะ โดยปัปกติจะปลูกเดือนพฤษภาคม และเก็บเกี่ยวในเดือนกันยายนค่ะ 

เมื่อเดินมาถึงตรงนี้เราก็เดินอ้อมกลับมาในจุดที่เมื่อสักครู่มีนักแสดงกำลังแสดงศิลปะญี่ปุ่นอยู่แล้วนั่นเอง

ความจริงในสวนนี้ยังมีสวนบ๊วยที่ยกมาจาก สวนบ๊วยของเมืองมิโตะ จังหวัดอิบารากิด้วย (แต่บ๊วยไม่บาน เลยไม่ได้ถ่ายมาค่ะ....) 

เดินวนกลับมาที่สะพานแดงอีกมุมนึงแล้วค่ะ แค่นี้เราก็เดินวนครบรอบของสวนแล้ว เป็นสวนที่กว้างกว่าที่คิด มีเนินเยอะกว่าที่คิด และทางเดินออกแนวธรรมชาติมีหินเล็กหินน้อยตะปุ่มตะปั่ม ถ้าอยากมาเดินที่นี่แนะนำให้ใส่ผ้าใบมาจะดีมาก ถ้ามาเดทแล้วคิดจะใส่ส้นสูงอาจสะดุดหกล้มได้นะคะ

แม้จะเป็นใจกลางโตเกียว และอยู่ติดกับโตเกียวโดมแหล่งรวมวัยรุ่นที่มาทั้งเล่นสวนสนุกและดูคอนเสิร์ตต่างๆ แต่ก็ยังมีสวนแบบญี่ปุ่นที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานให้เราได้เรียนรู้และผ่อนคลายไปกับต้นไม้ใบหญ้า และเหล่าเป็ดน้ำ

สำหรับคนที่สนใจเช็กรายละเอียดอีเว้นต์ของสวนเข้าไปดูที่เว็บนี้ได้เลยค่ะ 

https://www.tokyo-park.or.jp/park/format/index030.html#googtrans(en)

ครั้งถัดไป ไปชมกันต่อกับครึ่งหลังของโตเกียวโดมว่ามีอะไรอีกบ้าง คราวนี้เราจะเข้าไปในโซนของโตเกียวโดมแล้วค่ะ!!

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
ABOUT ME
rabi
สวัสดีค่ะ ปัจจุบันทำงานอยู่ในโตเกียว ชอบไปเที่ยวแนวธรรมชาติ ชอบสัตว์ทุกประเภทค่ะ
RELATED POST

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!