ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

เที่ยวภูมิภาคชูโงะคุ (Chugoku Region)

Cover_Chugoku REGIONS-467efbd5

เรียนรู้ประวัติศาสตร์และสัมผัสธรรมชาติที่แท้จริง

ภูมิภาคชูโงะคุ (Chugoku Region) คือภูมิภาคสุดขอบฝั่งตะวันตกของเกาะฮอนชู เกาะที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ประกอบด้วย 5 จังหวัด คือ จังหวัดโอคายามะ (Okayama) จังหวัดทตโตริ (Tottori) จังหวัดชิมาเนะ (Shimane) จังหวัดฮิโรชิมะ (Hiroshima) และจังหวัดยามางุจิ (Yamaguchi) มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “ภูมิภาคซันอินซันโย” (San’in-San’yo) มาจากการมีแนวเทือกเขาพาดผ่านพื้นที่ตอนกลาง แบ่งภูมิภาคออกเป็น 2 ส่วน บน-ล่าง โดยส่วนบน “ซันอิน (San’in)” จะมีความเป็นชนบท แวดล้อมด้วยธรรมชาติ มีพื้นที่ติดทะเลญี่ปุ่น มีจุดท่องเที่ยวไฮไลท์คือ เนินทะเลทรายทตโตริ หมู่บ้านซามูไร และศาลเจ้าแห่งความรัก ฯลฯ ส่วนด้านล่าง “ซันโย (San’yo)” จะเป็นเมืองที่มีความเจริญ มีวัดวาอารมที่สวยงามและมีชื่อเสียงมากมาย รวมทั้ง ศาลเจ้ากลางน้ำ ปราสาทราชวัง และถ้ำโบราณ ฯลฯ

(ขอบคุณข้อมูล: https://www.jnto.or.th/attractions/highlight-of-japan-all-area/chugoku/)


การเดินทาง

- ทางเครื่องบิน: นักเดินทางจากหลากหลายประเทศทั่วเอเชีย สามารถบินตรงสู่ชูโงะคุได้ที่สนามบินระหว่างประเทศภายในภูมิภาค ได้แก่ สนามบินฮิโรชิมะ สนามบินโอคายามะ และสนามบินโยนาโกะ (จังหวัดทตโตริ) นอกจากนั้นยังมีสนามบินมิซุโมะ (จังหวัดชิมาเนะ) สนามบินมาสึดะ (จังหวัดชิมาเนะ) สนามบินยามางุจิ และสนามบินทตโตริ ที่รองรับสายการบินภายในประเทศอีกด้วย

- ทางรถไฟ: จะมีรถไฟความเร็วสูงสาย San’yo Shinkansen ที่เชื่อมภูมิภาคคิวชูและคันไซ สู่จังหวัดฮิโรชิมะ จังหวัดโอคายามะ และเมืองใหญ่อีกหลายๆเมือง นอกจากนั้น การเดินทางโดยรถไฟยังเป็นวิธีเดินทางหลักภายในภูมิภาคอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นรถไฟความเร็วสูงหรือสายปกติ ก็มีให้บริการอย่างหลากหลาย

- ทางเรือ: มีบริการเรือด่วนเฟอร์รี่จาก Shimonoseki Port International Terminal ซึ่งเป็นท่าเรือโดยสารระหว่างประเทศ ตั้งอยู่ในเมืองชิโมโนเซกิ เมืองใหญ่ที่สุดของจังหวัดยามางุจิ รองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางจากเมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ เมืองชิงเต่าและเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน


เมืองสำคัญของภูมิภาคชูโงะคุ

- ฮิโรชิมะ (Hiroshima) เมืองที่เต็มไปด้วยความทรงจำในหน้าประวัติศาสตร์ รวมทุกความรู้สึกทั้งจากเรื่องราวของสงคราม การสูญเสียจากระเบิดนิวเคลียร์ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของชาวเมืองฮิโรชิมะที่ช่วยกันฟื้นฟูบ้านเมืองจนกลายมาเป็นเมืองอุตสาหกรรมของประเทศในปัจจุบัน นอกจากนั้นยังมีศาลเจ้ากลางน้ำอันเลื่องลือที่ดึงดูดผู้คนมากมายในแต่ละปี

https://visithiroshima.net/

- ฮางิ (Hagi) หนึ่งในเมืองที่มีปราสาทที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น มีท้องถนนและที่พำนักอาศัยของเหล่าซามูไรและผู้คนในอดีตที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ได้เป็นอย่างดี และเป็นบ้านเกิดของคนสำคัญหลายต่อหลายคน เช่น ฮิโรบุมิ อิโตะ นายกรัฐมนตรีคนแรกของญี่ปุ่น

https://www.hagishi.com/en/

- อิซุโมะ (Izumo) เมืองในจังหวัดชิมาเนะ มาตุภูมิแห่งศาลเจ้าอิซุโมะอันยิ่งใหญ่ เป็นศาลเจ้าของศาสนาชินโตที่ขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์เป็นอันดับต้นๆของญี่ปุ่น

https://www.izumo-kankou.gr.jp/english/

- คุราชิกิ (Kurashiki) ในจังหวัดโอคายามะ เป็นเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่และงดงามที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น เช่น เขตอนุรักษ์คุราชิกิบิกัง (Kurashiki Bikan Historical Quarter) ย่านเมืองเก่าอันแสนน่ารักที่ผสมผสานความเป็นญี่ปุ่นขนานแท้และความอบอุ่นสว่างไสวในแบบตะวันตก

https://www.okayama-japan.jp/en/

- ทตโตริ (Tottori) เนินทรายใกล้ชายฝั่งทะเลเพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่น “เนินทรายทตโตริ” เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่นำพาให้ผู้คนมากมายเดินทางมายังญี่ปุ่นตะวันตกเพื่อสัมผัสประสบการณ์อันแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร มีกิจกรรมหลากหลายให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุก ไม่ว่าจะเป็น การเล่นแซนด์บอร์ด รวมไปถึงการขี่อูฐท่องเนินทราย

https://www.tottori-tour.jp/en/

- มัตสึเอะ (Matsue) เมืองหลวงของจังหวัดชิมาเนะ กับปราสาทมัตสึเอะอันโด่งดัง หนึ่งในไม่กี่แห่งที่ยังคงเก็บรักษาสถาปัตยกรรมปราสาทไม้แบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นและบรรยากาศในยุคโบราณในย่านซามูไร เป็นเมืองที่อุดมไปด้วยแม่น้ำลำคลองจนถูกขนานนามว่า “เมืองแห่งสายน้ำ”

https://www.visit-matsue.com/

- โอคายามะ (Okayama) ศูนย์กลางด้านการคมนาคมของญี่ปุ่นตะวันตก มีประชากรมากที่สุดและมีความเจริญทางเศรษฐกิจมากที่สุดในภูมิภาค เป็นที่ตั้งของปราสาทดำโอคายามะ และสวนโคระคุเอน หนึ่งในสามสวนสไตล์ญี่ปุ่นโบราณที่ดีที่สุดในประเทศ

https://www.okayama-japan.jp/en/

- ชิโมโนเซกิ (Shimonoseki) ประตูสู่คิวชูและช่องแคบคัมบง เป็นเมืองท่าสำคัญอันเป็นศูนย์รวมประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นมาช้านาน และยังมีชื่อเสียงเรื่องการนำเนื้อปลาปักเป้าที่มีพิษมาแปรรูปเป็นอาหารอันโอชะมีชื่อเสียงในวงกว้าง เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดยามางุจิ

https://shimonoseki.travel/english/index.html

- ยามางุจิ (Yamaguchi) สุดเขตตะวันตกของเกาะฮอนชู เมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมอันงดงามชวนหลงใหลของยุคเอโดะ (ก่อน ค.ศ.1603) จนถูกเรียกว่าเป็น “เกียวโตตะวันตก” มีวัดวาอารามและร่องรอยอารยธรรมโบราณอยู่หลายแห่งที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี เป็นดินแดนที่ควรค่าสำหรับการเดินทางแสวงบุญเพื่อเป็นศิริมงคลกับชีวิต

https://www.visit-jy.com/en/


แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของภูมิภาคชูโงะคุ

♦ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ♦

1. ทะเลเซโตะ (Seto Inland Sea) หรือ เซโตะไนไต (Seto Naikai) อุทยานแห่งชาติทางทะเลที่มีความเงียบสงบและทัศนียภาพงดงาม มีเส้นทางบนถนนเลียบชายฝั่งภูมิภาคฮอนชู ชิโงะคุ และคิวชู เป็นระยะทางรวมประมาณ 450 กิโลเมตร มีเกาะน้อยใหญ่กว่า 3,000 เกาะ อากาศเย็นสบายตลอดปี ไฮไลท์อยู่ที่เส้นทางปั่นจักรยานชิมานะมิไคโด (Shimanami Kaido Route) ที่นอกจากจะเป็นการปั่นจักรยานข้ามเกาะแล้ว ยังมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามจนแทบลืมหายใจ

การเดินทาง: นั่งรถไฟ San’yo Main Line ไปลงที่สถานี Onomichi จากนั้นเดินเท้าต่อ

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://visithiroshima.net/

2. เนินทรายทตโตริ (Tottori Sand Dunes) หรือ “ทตโตริ ซะคิว (Tottori Sakyu) เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นหมุดหมายหลักสำหรับผู้มาเยือนทตโตริและญี่ปุ่นตะวันตก! ตั้งอยู่ใจกลางอุทยานธรณี San’in Kaigan ในพื้นที่ของเมืองฟุคุเบะ จังหวัดทตโตริ มีความยาว 2.4 กม. จากเหนือจรดใต้ และ 16 กม. จากตะวันออกไปตะวันตก เป็นเนินทรายใกล้ชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีระดับชั้นสูงต่ำลดหลั่นกันหลายเมตร มีริ้วระลอกคลื่นอันเกิดจากลมปะทะผืนทรายเกิดเป็นศิลปะอันงดงามชวนหลงใหล รวมทั้งยังมีกิจกรรมและสถานที่มากมายให้ผู้มาเยือนได้สนุกและแวะเวียนเพื่อสัมผัสประสบการณ์อันแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร เช่น การเล่นกระดานโต้คลื่นทราย (Sandboard) หรือ การขี่อูฐท่องทะเลทราย (Camel Riding) การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะทราย (The Sand Museum) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์เฉพาะทางด้านงานประติมากรรมจากทรายแห่งเดียวในโลก เป็นต้น

การเดินทาง: นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Tottori ต่อด้วยรถบัส Tottori Sakyu (Tottori Sand Dune) ไปลงป้าย Tottori Sakyu

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.tottori-tour.jp/en/sightseeing/456/

http://www.torican.jp/english

3. อุทยานแห่งชาติไดเซ็น (Daizen National Park) อุทยานแห่งชาติที่ใหญ่เป็นอันดับสามของญี่ปุ่น มีภูเขาไดเซ็น (Mt.Daizen) อันเป็นสัญลักษณ์ของทตโตริและเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในภูมิภาค โดยยอดเขามิเซ็นมีความสูงจากน้ำทะเลถึง 1,709 เมตร เดิมเคยเป็นภูเขาต้องห้ามในสมัยเมจิ เนื่องจากเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ จนแม้ในปัจจุบันที่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมและกลายเป็นจุดปีนเขาที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นฝั่งตะวันตกไปแล้ว แต่ธรรมชาติโดยรอบก็ไม่ได้ถูกบุกรุกและยังได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ที่งดงามและสร้างความเพลิดเพลินได้ทุกฤดูกาล

การเดินทาง: จากสถานีรถไฟ JR Yonago นั่งรถบัสไปลงที่สถานี Daisenji จากนั้นเดินเท้าต่อ 15 นาที

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.tottori-tour.jp/th/sightseeing/235/


♦ แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ♦

1. อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิมะ (Hiroshima Peace Memorial) หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า “โดมปรมาณู” (Genbaku Dome or Atomic Bomb Dome) ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1996 อนุสรณ์สันติดภาพฮิโรชิมะ เป็นอาคารที่อยู่ใกล้ศูนย์กลางการระเบิดมากที่สุดในบรรดาอาคารที่ยังตั้งทนต่อแรงระเบิดได้ ตัวอาคารได้รับการอนุรักษ์ให้อยู่ในสภาพเศษซากหลังถูกระเบิด เพื่อเป็นอนุสรณ์เตือนให้ระลึกถึงพลังทำลายล้างของระเบิดปรมาณู และเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังในสันติภาพและการต่อต้านการใช้ระเบิดปรมาณู

การเดินทาง: นั่งรถไฟไปลงที่สถานี JR Hiroshima ต่อรถบัสโดยสารประมาณ 20 นาที หรือ ต่อรถ Signtseeing Loop Bus ประมาณ 17 นาที หรือ ต่อรถ Streetcar ประมาณ 25 นาที

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://visithiroshima.net/

http://hpmmuseum.jp/?lang=eng

2. ปราสาทมัตสึเอะ (Matsue Castle) หรือ ปราสาทดำ (Black Castle/ Plover Castle) ตั้งอยู่ในจังหวัดชิมาเนะ เป็นหนึ่งในปราสาทยุคกลางเพียงไม่กี่แห่งที่สร้างจากไม้แบบดั้งเดิม ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในญี่ปุ่น สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ.1611 ก่อนจะถูกรื้อถอนทำลายบางส่วนตามประกาศของทางการในช่วงทศวรรษที่ 18 ก่อนที่จะมีการเรียกร้องให้ยกเลิกการรื้อถอนโดยชาวเมืองที่ต้องการให้เก็บรักษาสถาปัตยกรรมอันงดงามชิ้นนี้เอาไว้ และได้รับการบูรณะจนเสร็จสมบูรณ์อีกครั้งในปี ค.ศ.1955 ปราสาทมัตสึเอะ เป็นหนึ่งในห้าปราสาทที่ถูกจัดให้เป็นสมบัติประจำชาติอันล้ำค่าด้วยประวัติศาสตร์ที่แสนงดงามในยุคที่ซามูไรรุ่งเรือง

การเดินทาง: นั่งรถไฟไปลงสถานี JR Matsue จากนั้นเดินเท้าต่อประมาณ 30 นาที หรือ นั่งรถไฟไปลงสถานี Matsue-Shinjiko Onsen จากนั้นเดินเท้าต่อประมาณ 15 นาที

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.kankou-shimane.com/en/highlights

3. ปราสาทโอคายามะ (Okayama Castle) และ สวนโคระคุเอน (Korakuen Garden) เป็นหนึ่งในร้อยปราสาทที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ.1597 ก่อนจะถูกทำลายโดยสงครามและได้บูรณะใหม่จนเสร็จสมบูรณ์อีกครั้งในปี ค.ศ.1966 มีอีกชื่อเรียกคือ “ปราสาทอีกาดำ (U-Jo)” เนื่องจากตัวปราสาทเป็นสีดำ มีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นปราสาทขั้วตรงข้ามกับปราสาทฮิเมจิซึ่งมีสีขาว บริเวณโดยรอบปราสาทจะเปิดให้เข้าชมได้ฟรี และเมื่อเดินต่อจากบริเวณนั้นมาเพียง 5 นาที จะพบกับสวนโคระคุเอน ซึ่งเป็นสวนที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น ที่ถูกออกแบบในสไตล์ญี่ปุ่นโบราณและมีขนาดใหญ่ติดหนึ่งในสามของสวนญี่ปุ่นในประเทศ

การเดินทาง: นั่งรถไฟไปลงสถานี JR Okayama ต่อด้วยรถบัสโดยสารไปลงป้าย Kenchomae จากนั้นเดินเท้าต่อประมาณ 5 นาที หรือ นั่งรถรางจากสถานี JR Okayama ลงป้าย Shiroshita จากนั้นเดินเท้าต่อประมาณ 10 นาที

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.okayama-japan.jp/th/spot/776

4. ศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine) บนเกาะมิยาจิมะ จังหวัดฮิโรชิมะ ศาลเจ้ากลางน้ำบนเกาะแห่งเทพเจ้า อันมีชื่อเสียงโด่งดัง ทั้งด้านความงดงามที่ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในสามของเกาะที่มีทิวทัศน์สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น และความศักดิ์สิทธิ์จากองค์เทพเจ้าทั้งสามที่คอยปกป้องคุ้มครองชาวเรือและผู้คนในประเทศตามความเชื่อที่สืบต่อกันมา ในปี ค.ศ.1168 ศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในรูปแบบสถาปัตยกรรมเดียวกับที่พักอาศัยของขุนนางในสมัยนั้น และได้รับการดูแลให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์เรื่อยมา จนกระทั่งในปี ค.ศ.1996 ศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมขององค์การยูเนสโก

การเดินทาง: นั่งรถไฟ San’yo Honsen Line จากสถานี JR Hiroshima ไปลงสถานี JR Miyajimaguchi จากนั้นเดินไปขึ้นเรือที่ท่าเรือเฟอร์รี่ Miyajimaguchi Port ไปยัง Miyajima Island ใช้เวลาประมาณ 10 นาที

ข้อมูลเพิ่มเติม: http://www.en.itsukushimajinja.jp/index.html

5. ศาลเจ้าอิซุโมะ ไทชะ (Izumo Taisha Grand Shrine) หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ Izumo Oyashiro ตั้งอยู่ในพื้นที่เมืองอิซุโมะ ตรงสุดเขตตะวันตกของคาบสมุทรชิมาเนะ เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากที่สุดในญี่ปุ่น มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนมากมายในแต่ละปี เพื่อขอพรให้สุขสมหวังจากความศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าทวยเทพที่เชื่อกันว่าจะมารวมตัวกันในเดือนตุลาคมของทุกปี นอกจากนั้นยังขึ้นเป็นสถานที่ขอพรเกี่ยวกับความรักที่เลื่องชื่อเป็นอย่างมาก

การเดินทาง: นั่งรถไฟไปลงสถานี JR Izumoshi จากนั้นต่อรถบัสโดยสารไปลงป้าย Izumo Shrine แล้วเดินเท้าต่อ หรือ นั่งรถไฟ Ichibata Railways ไปลงสถานี Izumo Taisha จากนั้นเดินเท้าต่อประมาณ 7 นาที

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.kankou-shimane.com/en/?p=4392

6. ศาลเจ้าโมโตโนสุมิอินาริ (Motonosumi Inari Shrine) ตั้งอยู่ในพื้นที่ของเมืองนางาโตะ จังหวัดยามางุจิ ตามตำนานเล่าขานกล่าวว่า ศาลเจ้าโมโตโนสุมิอินาริแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ดวงวิญญาณของจิ้งจอกขาว ผู้ใดที่ได้มาขอพรเทพเจ้าจิ้งจอกขาว จะประสบความสำเร็จทางการเงิน มีโชคลาภและความมั่งคั่งในชีวิต ประสบความสำเร็จในความรัก ได้แต่งงานและมีบุตรสมดังตั้งใจ! ด้วยเสาของโทริอิสีแดงจำนวน 123 ต้น ที่ปลูกทอดตามแนวยาวกว่า 100 เมตร เสมือนจำลองภาพของศาลเจ้าฟุชิมิอินาริที่เกียวโต มาวางไว้ที่แนวผาหินริวกุโนะชุโอะฟุกิ (Ryugu no Shiofuki) นอกจากนั้น ศาลเจ้าโมโตโนสุมิอินาริ ยังได้รับเลือกจาก CNN Travel ให้เป็นหนึ่งใน “31 สถานที่ที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น”

การเดินทาง: นั่งรถไฟสาย JR San’in Main Line ไปลงสถานี Nagano-Furuichi จากนั้นเช่ารถหรือนั่งแท็กซี่ต่อ 20 นาที หรือ นั่งรถไฟสาย JR San’in Main Line ไปลงสถานี Nagano-shi จากนั้นเช่ารถหรือนั่งแท็กซี่ต่อประมาณ 40 นาที

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://visit-nagato.com/en/sightseeing/naturalwonders/motonosumiinarishrine/

https://www.visit-jy.com/en/


♦ อาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อของภูมิภาคชูโงะคุ ♦


1. อิซุโมะโซบะ (Izumo Soba) เป็นหนึ่งในสามโซบะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในญี่ปุ่น ร่วมกับ Wanko Soba จากอิวาเตะ และ Togakushi Soba จากนางาโนะ เมื่อเทียบกับอีกสองเจ้าที่กล่าวมา อิซุโมะโซบะจะมีสีเข้มกว่าและเข้มข้นด้วยเนื้อแป้งที่ทำมาจากเมล็ดโซบะเต็มๆ ทำให้มีเนื้อสัมผัสเหนียวนุ่มหนึบหนับและกลิ่นหอมอร่อยแบบไม่ซ้ำใคร

https://www.kankou-shimane.com/en/

2. เก็นจิ-มากิ (Genji-Maki) ขนมหวานที่เป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาค ทำมาจากแป้งสาลีผสมไข่และน้ำตาล จากนั้นนำไปทอดโดยเกลี่ยเป็นแผ่นบางๆทิ้งให้สุกจนเป็นแผ่นสีน้ำตาลทอง นำมาห่อไส้ถั่วหวานเม็ดละเอียดแล้วม้วนเป็นเค้กหนาประมาณ 1.5 ซม. ตามประวัติศาสตร์กล่าวว่าขนมเก็นจิมากิเกิดขึ้นตั้งแต่ครึ่งหลังทศวรรษที่ 19

https://www.kankou-shimane.com/en/

3. ปูมัตสึบะ (Matsuba Crab) หรือ มัตสึบะกานิ เป็นอาหารประจำฤดูหนาวของทตโตริ ปูเนื้อแน่นหอมหวาน เนื้อสัมผัสละเอียดเนียนนุ่ม จนทำให้มีฤดูจับปูมัตสึบะขึ้นทุกปีในวันเสาร์ที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายน ที่ท่าเรือของเมืองทตโตริและอิวามิ ด้วยเนื้อสัมผัสอันนุ่มแน่นในเปลือกแข็ง จะนำไปปรุงด้วยวิธีต้มหรือเผา ก็รับรองว่าอร่อยเหาะ ให้เหมาะที่สุดต้องรับประทานแกล้มเหล้าสาเก

https://www.tottori-tour.jp/en/food/1077/


END

[ขอบคุณข้อมูล]

https://www.jnto.or.th/attractions/highlight-of-japan-all-area/chugoku/

https://www.japan.go.jp/regions/chugoku.html

https://www.chugoku.meti.go.jp/english-hp/about_cr.html

https://visithiroshima.net/

https://www.hagishi.com/en/

https://www.izumo-kankou.gr.jp/english/

https://www.okayama-japan.jp/en/

https://www.tottori-tour.jp/en/

https://www.visit-matsue.com/

https://shimonoseki.travel/english/index.html

ttps://visithiroshima.net/

https://www.tottori-tour.jp/en/sightseeing/456/

http://www.torican.jp/english

https://visithiroshima.net/

http://hpmmuseum.jp/?lang=eng

https://www.kankou-shimane.com/en/highlights

http://www.en.itsukushimajinja.jp/index.html

https://www.kankou-shimane.com/en/?p=4392

https://visit-nagato.com/en/sightseeing/naturalwonders/motonosumiinarishrine/

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
RELATED POST

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!