ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

แนะนำ 5 ที่เที่ยวแบบ FarmStay ในญี่ปุ่น

Farmstay Cover-0fe12384

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีเกษตรกรรมเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ เพราะประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทางการเกษตรมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเฉพาะการปลูกข้าวญี่ปุ่น ที่ปลูกกันทั่วทุกภูมิภาคในประเทศ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นผลไม้หรือเนื้อสัตว์ของญี่ปุ่น ยังได้รับการยกย่องว่ามีคุณภาพสูงและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ

แต่แม้ว่าผลิตผลทางการเกษตรของญี่ปุ่นจะมีชื่อเสียงมากแค่ไหน ก็ต้องยอมรับว่าในปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีและความทันสมัยต่างๆ ที่เข้ามามีบทบาทกับชีวิตของผู้คนตามยุคสมัย เป็นผลให้จำนวนของเกษตรกรในประเทศลดลงอย่างน่าใจหาย ซึ่งชาวญี่ปุ่นเองก็เริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการเกษตรมากขึ้น และนั่นก็นับได้ว่าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการผลักดันการท่องเที่ยวเชิงเกษตร (Agritourism) ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการท่องเที่ยวที่ทำให้เกิดการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น โดยเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาสัมผัสธรรมชาติอันเงียบสงบของท้องทุ่ง พร้อมๆกับใช้เวลาช่วงนั้นไปในการทำความเข้าใจในความหลากหลายของผลิตผลทางการเกษตร รวมไปถึงเรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของท้องถิ่นนั้นๆ

พื้นที่ทางการเกษตรแบบดั้งเดิมหลายๆแห่ง ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็น Farmstay หรือที่พักในฟาร์ม ที่นอกจากจะให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับเรือกสวนไร่นาอย่างแนบชิดแล้ว ยังมีกิจกรรมต่างๆที่ให้ความสนุกสนานเพลิดเพลินท่ามกลางบรรยากาศที่ผ่อนคลายแบบสุดๆ ซึ่งบทความนี้จะมาแนะนำแหล่งท่องเที่ยวแบบ Farmstay หรือ Farmland ที่มีชื่อเสียงและน่าสนใจอย่างมากในญี่ปุ่น เพื่อเป็นไอเดียสำหรับการท่องเที่ยวครั้งต่อไปของหลายๆคนนะจ๊ะ


1. ฟาร์มโคะอิไว (Koiwai Farm), จังหวัดอิวาเตะ

ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1891 เป็นพื้นที่ฟาร์มที่มีดินและพืชพันธุ์อันอุดมสมบูรณ์ ทำให้สามารถผลิตนมและธัญญาหารที่มีคุณภาพ ทั้งยังมีชื่อเสียงอย่างมากในฐานะแบรนด์และผลิตภัณฑ์จากนมอันเก่าแก่ในญี่ปุ่น ภายในฟาร์มเต็มไปด้วยพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโซนฟาร์มม้าและแกะ โซนเครื่องเล่นต่างๆ มีร้านค้าสำหรับขายสินค้าที่ผลิตจากฟาร์ม เป็นต้น นอกจากนั้น ยังมีรอบสำหรับเข้าชมขั้นตอนการผลิตเนย อีกทั้งยังมีบริการรถม้าสำหรับเที่ยวสำรวจพื้นที่อันกว้างใหญ่ภายในฟาร์มอีกด้วย เรียกว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการมาเที่ยวกับครอบครัวหรือเพื่อนคนสนิทได้อย่างเพลิดเพลินตลอดทั้งวัน และยังมีที่พักพร้อมวิวธรรมชาติแสนสวยไว้รองรับนักท่องเที่ยวอยู่หลายแห่ง

การเดินทาง: นั่งรถไฟชินคันเซ็นจากโตเกียว มาลงที่สถานี Morioka station จากนั้นเดินไปที่ป้ายรถประจำทางหมายเลข 10 สาย Koiwai Line จะมีรถรับ-ส่ง ถึงฟาร์มโคะอิไวโดยตรง ค่าบริการรถบัส 710 เยน

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.koiwai.co.jp/makiba/en/

2. ฟาร์มไดโอะ วาซาบิ (Daio Wasabi Farm), จังหวัดนางาโนะ

ตั้งอยู่ในเขตชนบทของอะซุมิโนะ เมืองมัตสึโมโตะ เป็นฟาร์มวาซาบิที่ใหญ่ที่สุด เป็นพื้นที่ชายทุ่งขนาดใหญ่ มีลำธารเล็กๆหลายสายไหลผ่านพื้นที่ โดยลำธารเหล่านี้มีต้นน้ำที่ไหลมาจากเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือ ทำให้วาซาบิแต่ละต้นได้รับน้ำแร่บริสุทธิ์อย่างเพียงพอ อีกทั้งยังได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน ทำให้วาซาบิที่ได้จากฟาร์มไดโอะ มีคุณภาพสูงและได้รับความนิยมที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น แม้จะเป็นพื้นที่การเกษตรที่มีอายุยาวนานกว่าร้อยปี แต่ฟาร์มแห่งนี้กลับได้รับการพัฒนาด้านสาธารณูปโภคจนสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างน่าประทับใจ นอกจากนั้นเส้นทางสำหรับเดินสำรวจภายในฟาร์ม ยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าไดโอะซึ่งประดิษฐานวิญญาณของเหล่าวีรบุรุษท้องถิ่นในสมัยโบราณซึ่งเปรียบเหมือนเป็นผู้พิทักษ์ฟาร์มแห่งนี้ และยังดึงดูดให้ผู้มาเยือนได้เข้ามาสักการะขอโชคลาภ นอกจากนี้ภายในฟาร์มยังมีร้านค้า ร้านอาหาร และกิจกรรมมากมายสำหรับให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกับเสน่ห์ฟาร์มวาซาบิ ที่สำคัญ ภายในฟาร์มยังภูมิใจนำเสนอทัศนียภาพอันงดงามของทุ่งนาป่าเขาที่มีกังหันไม้โบราณตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “Dream” ของผู้กำกับชื่อดังอย่าง คุโรซาวะ อากิระ ในปี 1989

การเดินทาง: นั่งรถไฟ JR Oito จากสถานี Matsumoto ไปลงที่สถานี Hotaka จากนั้นนั่งแท็กซี่ไปฟาร์มไดโอะ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที นอกจากนั้น ในช่วงปลายเดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนพฤษจิกายน จะมีรถบัสรับส่งนักท่องเที่ยวที่เชื่อมตรงระหว่างสถานี Hotaka กับฟาร์มไดโอะ มีค่าบริการเริ่มที่ 600 เยน

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.daiowasabi.co.jp/

3. มาเธอร์ฟาร์ม (Mother Farm), จังหวัดชิบะ

ฟาร์มเลี้ยงสัตว์แบบเปิดที่มีพื้นขนาดใหญ่กว่า 2,500,000 ตารางเมตร สถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับกลุ่มเพื่อนและครอบครัว ที่จะพาคุณเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติ ชมทุ่งดอกไม้และผลไม้ที่ออกดอกออกผลพร้อมกิจกรรมเก็บเกี่ยวตามฤดูกาล เช่น การเก็บสตรอเบอร์รี่ ช่วงเดือนมกราคมถึงพฤษภาคม เป็นต้น นอกจากนั้น ที่มาเธอร์ฟาร์ม ยังพร้อมให้คุณได้สัมผัสกับสัตว์โลกน่ารักที่จะพาเหรดกันมาทำหน้าสุดแสนอรุ่มเจ๊าะ จนคุณอดรักไม่ไหว ไม่ว่าจะเป็น แพะ แกะ เจ้าอัลปาก้าขนนุ่ม และจะมีการประดับไฟแสงสีในฤดูใบไม้ร่วง ให้คุณได้เก็บภาพแสนสวยไว้อวดเพื่อนบนโซเชียลได้อย่างไม่รู้เบื่อ และอีกกิมมิคที่น่าสนใจ คือคุณกับเพื่อนร่วมเดินทาง สามารถนั่งทานบาร์บีคิวหรือปิ้งย่างกันอย่างเอร็ดอร่อยท่ามกลางอากาศหนาว ในพื้นที่ที่เตรียมให้ นับเป็นที่เที่ยวทางการเกษตรที่ทั้งสนุกและน่าสนใจสำหรับทุกเพศทุกวัยจริงๆ

การเดินทาง: มาเธอร์ฟาร์ม ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรโบโซ สามารถเดินทางได้โดยนั่งรถไฟ JR สถานี Sanukimachi ไปลงที่สถานี Kimitsu จากนั้นใช้บริการรถบัสที่ตรงไปยัง Mother Farm

ข้อมูลเพิ่มเติม: http://www.motherfarm.co.jp/about/outline.php

4. นาสุ อัลปาก้าฟาร์ม (Nasu Alpaca Farm), จังหวัดโทชิงิ

พื้นที่กว้างใหญ่ตามธรรมชาติบนที่ราบสูงนาสุ (Nasu Highland) แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรมที่จะพาคุณมาสัมผัสกับบรรยากาศอันแสนสบายท่ามกลางธรรมชาติแบบท้องทุ่งบนที่ราบสูง พร้อมกันนั้นคุณยังจะได้ทำความรู้จักกับเหล่าสัตว์ที่สุดแสนน่ารักที่เรียกได้ว่าเป็นซุปเปอร์สตาร์ของฟาร์มโดยแท้ อย่างอัลปาก้าและหนูน้ำคาปิบารา อย่างใกล้ชิดแบบตัวต่อตัว โดยในส่วนที่เป็น Safari Park จะมีการแสดงโชว์ของเหล่าสัตว์ป่าอีกหลายชนิดให้ได้ชมกัน นอกจากนี้ ภายในพื้นที่ยังมีกิจกรรมอื่นอีกมากมายให้นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะเด็กๆ ได้เข้าร่วมและตื่นเต้นไปกับด่านต่างๆที่นอกจากจะสนุกสนานยังเสริมสร้างทักษะเฉพาะตัวได้อีกด้วย ไม่เพียงแค่นั้น สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีสัตว์เลี้ยงส่วนตัว ก็สามารถพาน้องๆของคุณมาพักผ่อนที่นี่ได้เช่นกัน เพราะที่นาสุฟาร์ม ได้มีการจัดเตรียมพื้นที่สำหรับสุนัขหรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ได้วิ่งเล่น และยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้น้องๆที่น่ารักของคุณได้ใช้บริการอย่างจุใจ แถมตัวคุณเองยังสามารถผ่อนคลายได้ที่บ่อออนเซ็นที่สร้างขึ้นใกล้ๆกัน

การเดินทาง: นั่งรถไฟ JR  Nasushiobara มาลงที่สถานี Kuroiso จากนั้นนั่งรถบัสสาย Hikashino Nasu Sapporo มาลงที่ป้าย Nasu Yumato

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.nasu-oukoku.com/

5. ฟาร์มโทมิตะ (Tomita Farm), จังหวัดฮอกไกโด

เมืองฟุราโนะ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางฮอกไกโดนั้น มีชื่อเสียงอย่างมากในฐานะที่มีการปลูกลาเวนเดอร์ที่สวยงามกว่าที่อื่น โดยเฉพาะที่ฟาร์มโทมิตะ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสกลิ่นหอมละมุนและชื่นชมความงดงามของทุ่งลาเวนเดอร์ได้มากมายในแต่ละปี (ช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายน) โดยที่ฟาร์มโทมิตะ นับได้ว่าเป็นทุ่งลาเวนเดอร์ที่ใหญ่ที่สุดในฟุราโนะ โดยในช่วงที่ลาเวนเดอร์ผลิดอกบาน ทั่วทั้งบริเวณจะสะพรั่งไปด้วยพรมสีม่วงผืนหนาโอ่อ่าตระการตา พร้อมกลิ่นลาเวนรเดอร์ที่ลอยฟุ้งตลบอบอวลไปทั่วพื้นที่เกือบ 95 ไร่ และหากคุณเดินเลี่ยงออกมายืนอยู่บนพื้นที่สูงที่ยกตัวอยู่ใกล้ๆ คุณจะได้ชมภูมิทัศน์อันงดงามเหล่านี้ที่ทอดตัวไปกับบ้านเรือนของผู้คนในชนบทของฟุราโนะ ได้แบบพาโนรามาสุดลูกหูลูกตา และไม่เพียงแค่ความงามอันน่าทึ่งของดอกลาเวนเดอร์เท่านั้น เพราะที่ฟาร์มโทมิตะ ยังภูมิใจนำเสนอดอกไม้อื่นๆอีกหลายสายพันธุ์ เช่น ทุ่งดอกอิโรโดริ ซึ่งเต็มไปด้วยดอกป๊อปปี้หลากสีสันที่ชวนใหคุณตกอยู่ในภวังค์ยามได้จ้องมอง ฝากไว้นิดนึงว่า หากคุณมาในช่วงเดือนกรกฎาคม คุณอาจจะต้องแลกกับการเผชิญกับรถติดที่อาจจะสาหัสจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาชื่นชมความงามของท้องทุ่งดอกไม้แสนสวยแห่งนี้ในช่วงเวลาที่พีคที่สุดของปี

การเดินทาง: นั่งรถไฟ JR Furano Line มาลงสถานี Lavender Farm จากนั้นเดินเท้าต่อประมาณ 7 นาที

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.farm-tomita.co.jp/en/


BY POK SAFIN

ขอบคุณข้อมูลจาก

https://www.koiwai.co.jp/makiba/en/

https://www.farm-tomita.co.jp/en/

https://www.nasu-oukoku.com/

http://www.motherfarm.co.jp/about/outline.php

https://www.daiowasabi.co.jp/

https://www.japan-guide.com/

https://www.jnto.or.th/

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
RELATED POST

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!