เราคงจะคุ้นหน้าคุ้นตากันดีกับทิวทัศน์ริมอ่าวโกเบที่เต็มไปด้วยตึกน้อยใหญ่ และทาวเวอร์สีแดง แต่วันนี้ขอพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักกับสวนแห่งความลับบนเขาร็อกโกในโกเบ ! Nunobiki Herb Gardens
สวนสมุนไพรนุโนะบิขิ (Nunobiki Herb Gardens) ตั้งอยู่ในโกเบ จังหวัดเฮียวโกะ สวนสมุนไพรแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในสวนสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ประกอบไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์กว่า 200 ชนิด 75,000 ต้น ที่ผลัดกันเบ่งบานตลอดทั้งปี
มีบริการกระเช้าขึ้นไปสถานีด้านบน โดยเส้นทางนี้มีความยาว 1,460 เมตร ความสูงสูงสุด 400 เมตร ใช้เวลา 10 นาที หนึ่งกระเช้าสามารถนั่งได้ 6 ท่าน ระหว่างทางสามารถชื่นชมวิวพาโนราม่าของเมืองโกเบ ได้ถึง 360 องศา
โดยจะแบ่งออกเป็นสามสถานี ได้แก่ สถานี Herb gardens bottom, สถานี Kaze no oka mid และ สถานี Herb gardens Top
CR : http://www.kobeherb.com
ขาไปสามารถนั่งจากสถานี Herb gardens bottom ไปสถานี Herb gardens Top / ส่วนขากลับ กลับจากสถานี Kaze no oka mid มาที่สถานี Herb gardens bottom
CR : http://www.kobeherb.com
จากแผนที่เราสามารถขึ้นกระเช้าไปสถานีบนสุด แล้วค่อย ๆ เดินเที่ยวลงมาตามเขาจนถึงสถานีกลางค่ะ
เวลาทำการ
ฤดูใบไม้ผลิ (20 มี.ค. – 19 ก.ค.) และฤดูใบไม้ร่วง (1 ก.ย. – 30 พ.ย.)
10:00-17.00 น. (วันธรรมดา)
10:00-20.30 น. (วันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดธนาคาร)
ฤดูร้อน (20 ก.ค. – 31 ส.ค.)
10:00-20.30 น.
ฤดูหนาว (1 ธ.ค. – 19 มี.ค.)
10:00-17.00 น.
ค่าเข้าชม
ค่าเข้าสวนสมุนไพร และ Ropeway (ไปกลับ) : 1,400 เยน (ผู้ใหญ่), 700 เยน (เด็กประถมและมัธยมต้น)
ค่าเข้าสวนสมุนไพร และ Ropeway (ขาเดียว) : 900 เยน (ผู้ใหญ่), 450 เยน (เด็กประถมและมัธยมต้น)
ค่าเข้าชมหลัง 17.00 น. รวม Ropeway (ไปกลับ) : 800 เยน (ผู้ใหญ่), 500 เยน (เด็กประถมและมัธยมต้น)
การเดินทาง
รถไฟชินคันเซ็น
ลงสถานี Shin-Kobe และเดิน 5 นาที
รถไฟ JR, Hankyu, Subway
เปลี่ยนสายที่สถานี Sannomiya มาลงที่สถานี Shin-Kobe และเดิน 5 นาที
Kobe City Bus
สาย #2, 18, 90, 92 ลงที่ป้าย Nunobiki
สาย #64 ขึ้นจาก Sannomiya ลงที่ป้าย Shin-Kobe
City Loop Bus
สาย #64 ขึ้นจาก Sannomiya ลงที่ป้าย Kobe Nunobiki Herb Gardens & Ropeway
ที่อยู่
1-4-3 Kitanocho, Chuo-ku, Kobe City, Hyogo Prefecture 650-0002
รู้ข้อมูลคร่าว ๆ กันแล้ว ก็ออกเดินทางกันเลยดีกว่าค่า วันนี้เราเดินทางกันด้วยรถไฟ ลงที่สถานีชินโกเบ ลงจากรถปุ๊ป ก็เดินตามป้ายบอกทางไปเรื่อย ๆ ก็มาถึงสถานีขึ้น Ropeway แล้วค่า ขึ้นไปชั้นบน จะมีร้านขายของที่ระลึกและเคาท์เตอร์ขายตั๋วเข้าชม แนะนำว่าให้หยิบแผนที่ท่องเที่ยวมาด้วยน้า
จ่ายเงินเรียบร้อยก็จะได้ตั๋วหน้าตาแบบนี้ ต้องเก็บไว้ให้ดีนะคะ เนื่องจากต้องใช้ขาลงด้วยค่ะ
พร้อมแล้วขึ้นกระเช้ากันเลย
เราสามารถชื่นชมวิวเมืองโกเบได้จากบนกระเช้า มองไปไกล ๆ ได้ถึงโอซาก้าเลยค่า
ในฤดูใบ้ไม้ร่วงก็จะได้ชื่นชมวิวสวย ๆ ไปอีกแบบนึง
สีสันเหลืองแดงของใบไม้ตัดกับท้องฟ้าสดใส งดงามมาก ๆ เลย
ระหว่างทาง จะสามารถมองเห็น เขื่อนนูโนะบิขิ โกะฮงมัตสึ (Nunobiki Gohonmatsu Dam)
นั่งกระเช้าประมาณสิบนาทีก็มาถึงด้านบนแล้วค่ะ ลงมาปุ๊ปก็จะเจอจุดถ่ายภาพ ชมวิว View Plaza
ว่ากันว่าในช่วงที่อากาศดี ๆ สามารถมองไปถึงจังหวัดวากายาม่า (Wakayama) ได้เลย
มุมเดียวกันในฤดูที่แตกต่าง
เพลิดเพลินกับทิวทัศน์กันแล้ว ก็หันหลังไปเดินเที่ยวกันต่อดีกว่า ด้านหลังจุดชมวิว จะเป็นที่ตั้งของ View rest house เป็นอาคารที่ตกแต่งในสไตล์ยุโรป ด้านในจะมีร้านขายของที่ระลึก และร้านอาหารที่มีเมนูพิเศษที่ใช้วัตถุดิบจากสมุนไพร ซึ่งเมนูจะแตกต่างกันไปตามฤดูกาล นอกจากนี้ยังมีขนมหวานเสริพ์พร้อมชาร้อน ๆ และยังมีร้านขายอาหารเบา ๆ รองท้องกันอีกด้วย
ด้านหน้าจะมีที่นั่งพัก และที่นั่งทานอาหาร บริเวณชั้นสองจะมีจุดชมวิวและจุดถ่ายภาพ
ขึ้นมาชั้นสองก็จะได้เห็นวิวสวย ๆ แบบนี้
แวะทานอาหารรองท้องกันหน่อยค่า
เมื่อเดินทะลุอาคาร View Rest House เข้าไป ด้านหลังจะเป็นที่ตั้งของสวน Rose Symphony Garden, Mori no Hall และ พิพิธภัณฑ์น้ำหอม (Fragrance Museum)
CR : http://www.kobeherb.com
ในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงประวัติของน้ำหอม และมีหลากหลายกลิ่นให้ลองดม
CR : http://www.kobeherb.com
Mori no Hall เป็นฮอลล์ที่ใช้ในการจัดแสดงคอนเสิร์ต
CR : http://www.kobeherb.com
Rose Symphony Garden สวนกุหลาบเล็ก ๆ หน้าพิพิธภัณฑ์
ที่นี่มีกุหลาบหลากหลายชนิดให้ได้ชม
หันไปทางไหนก็เต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้
ชื่นชมวิวด้านบนกันแล้ว ก็ลงไปดูด้านล่างกันบ้าง
เดินลงไปตามทางนี้เลย ระหว่างทางก็มีดอกไม้ให้ชื่นชมเป็นระยะ ๆ
ดอกไม้นานาพันธุ์ริมทาง
สีสันงดงามมาก ๆ เลยค่ะ
ฤดูใบไม้ร่วงก็มีโมมิจิให้ชมเหมือนกันนะคะ
ในแต่ละช่วงก็จะมีดอกไม้ให้ชมแตกต่างกันไปตามแต่ละฤดูกาลค่ะ เดือนเมษายนสามารถชื่นชมความงามของดอกซากุระที่ผลิบานไปทั่วเขา ช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน และเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน จะเป็นช่วงที่กุหลาบงดงามที่สุด ส่วนใครอยากชื่นชมทุ่งลาเวนเดอร์ ต้องมาในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม หลังจากนั้นในเดือนสิงหาคมจะเป็นช่วงเบ่งบานของดอกลิลลี่ และที่พลาดไม่ได้คือเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมที่สามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงได้ทั่วทั้งเขา
รายละเอียดเพิ่มเติม
http://www.kobeherb.com/en/seasonal-flowers
เดินลงมาได้ซักพักก็มาถึง เรือนกระจก (Glasshouse) กันแล้ว
ภายในเรือนกระจกเต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิดให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมกันตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็น ฟูเซีย หรือที่รู้จักกันในชื่อโคมญี่ปุ่นและหูนางฟ้า, ดอกพู่ระหง, ดอกแตรนางฟ้า, เฟื่องฟ้า และอีกมากมาย นอกจากนี้ยังมี Mint cafe คาเฟ่เล็ก ๆ ในเรือนกระจก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดหมายของเราในวันนี้นี่เอง
เดินขึ้นไปชั้นสองทางด้านใน จะเห็นร้านคาเฟ่จะตั้งอยู่ทางขวามือ
บรรยากาศภายในร้าน แม้ว่าจะมีลูกค้ามากมาย แต่รู้สึกกลับรู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก
ใครโชคดีก็จะได้นั่งโต๊ะติดหน้าต่าง ชมวิวโกเบกันในระยะใกล้ชิด บรรยากาศดีมากกกก
จัดของหวานกันไปด้วยเซ็ตชีสเค้ก
แน่นอนว่าต้องมีไอศรีมด้วยค่า
อย่างไรก็ตาม หลังจากเราค้นหาข้อมูลในตอนนี้ก็พบว่า Mint Cafe ได้ปิดตัวลงไปแล้ว........
รีวิวเก้อเลยอ่ะ..... แต่!!!! ก็มีร้านเปิดใหม่ค่าาาา
CR : http://www.kobeherb.com
ขอแนะนำให้รู้จักกับ The Veranda Kobe ตกแต่งใหม่เรียบหรูดูมีราคา เปิดบริการ 10.30-16.00 น.
CR : http://www.kobeherb.com
คงคอนเซ็ปเดิมด้วยเมนูที่ใช้วัตถุดิบจากสมุนไพร เพื่อน ๆ สามารถมาลิ้มลองชาสมุนไพรได้ถึง 12 ชนิด และยังมีเมนูของหวานที่ใช้ผลไม้ตามฤดูกาล เค้กราคาเริ่มต้น 800 เยนขึ้นไป ส่วนชาสมุนไพรราคา 1,000 เยนค่ะ นอกจากนี้ยังมีอาหารรองท้องคลับแซนวิชและแซนวิชหมูทอด ราคา 1,500 เยน
CR : http://www.kobeherb.com
บริเวณด้านล่าง เป็นพื้นที่ Terrace ก็มีบริการอาหารและเครื่องดื่มเช่นกัน (ในราคาประหยัดกว่าชั้นบน) ที่ชั้นนี้จะเปิดบริการตั้งแต่ 10.30-16.30 น.ค่ะ
CR : http://www.kobeherb.com
และเมนูเด็ดของที่นี่ก็คือเบอร์เกอร์ Nunobiki herb ที่มีส่วนผสมของสมุนไพร (1,000 เยน)
ใครได้ลองแล้วเป็นไงมาเล่าให้ฟังกันบ้างน้า
CR : http://www.kobeherb.com
Garden soft cream น่าทานไม่แพ้กัน ราคา 500 เยน ส่วนเครื่องดื่มเริ่มต้นที่ 550 เยนค่ะ
จาก Terrace ก็ได้ชมวิวสวยๆ แบบนี้
CR : http://www.kobeherb.com
ที่นี่มีจุดให้บริการออนเซ็นเท้าด้วยล่ะค่ะ โดยมีความพิเศษที่มีการใส่สมุนไพรตามฤดูกาลลงไปด้วย
เดินไปทางขวามือของ Terrace ก็จะมีจุดสั่นกระดิ่งและเขียนป้ายขอพร
ชมวิวทิวทัศน์กันพอสมควรก็เดินลงไปด้านล่างกันต่อ ระหว่างทางก็จะมีดอกไม้หลากหลายชนิด
มีทั้งสวนลาเวนเดอร์ สวนสี่ฤดู และอีกมากมาย
มีกระดานดำให้เราฝากข้อความเก๋ ๆ กันด้วยค่ะ
ดอกไม้ริมทางสีสันสดใส
CR : http://www.kobeherb.com
ระหว่างทางก็มีลานกว้าง ๆ น่าพักผ่อน ด้านขวามือเป็นสถานี Kaze no oka mid ค่ะ
ลงมาถึงแถวสถานีแล้ว ก่อนจะกลับกันก็แวะไปถ่ายรูปกับสวนดอกไม้น่ารัก ๆ กันหน่อยค่า
สำหรับคนที่ชอบชมทิวทัศน์ในยามค่ำคืน บอกเลยว่าที่นี่ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเลยล่ะค่ะ (แต่ฤดูหนาวไม่เปิดนะคะ เช็คเวลาทำการกันก่อนมาก็จะดีมากเลยค่า)
CR : http://www.kobeherb.com
ในช่วงค่ำ ๆ ตามอาคารก็จะมีการประดับไฟงดงาม
CR : http://www.kobeherb.com
เห็นวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนสวย ๆ ของเมืองโกเบแบบนี้แล้ว จะพลาดได้เหรอคะ ><
ใครกำลังลังเลใจ ไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหนในโกเบ บอกเลยว่าไม่ควรพลาดที่นี่เลยค่า วันนี้ขอตัวลาไปก่อน แล้วมาติดตามกันต่อว่าคราวหน้าเราจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวที่ไหนกัน
Nunobiki Herb Gardens
ที่อยู่
1-4-3 Kitanocho, Chuo-ku, Kobe City, Hyogo Prefecture 650-0002
วิธีเดินทาง
รถไฟชินคันเซ็น :
ลงสถานี Shin-Kobe และเดิน 5 นาที
รถไฟ JR, Hankyu, Subway
เปลี่ยนสายที่สถานี Sannomiya มาลงที่สถานี Shin-Kobe และเดิน 5 นาที
Kobe City Bus :
สาย #2, 18, 90, 92 ลงที่ป้าย Nunobiki
สาย #64 ขึ้นจาก Sannomiya ลงที่ป้าย Shin-Kobe
City Loop Bus :
สาย #64 ขึ้นจาก Sannomiya ลงที่ป้าย Kobe Nunobiki Herb Gardens & Ropeway
เวลาทำการ
ฤดูใบไม้ผลิ (20 มี.ค. – 19 ก.ค.) และฤดูใบไม้ร่วง (1 ก.ย. – 30 พ.ย.) 10:00-17.00 น. (วันธรรมดา) 10:00-20.30 น. (วันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดธนาคาร) ฤดูร้อน (20 ก.ค. – 31 ส.ค.) 10:00-20.30 น. ฤดูหนาว (1 ธ.ค. – 19 มี.ค.) 10:00-17.00 น.
ราคา
ค่าเข้าสวนสมุนไพร และ Ropeway (ไปกลับ) : 1,400 เยน (ผู้ใหญ่), 700 เยน (เด็กประถมและมัธยมต้น)
โทรศัพท์
+81 78-271-1160
website