ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

เช็คจุดถ่ายรูปอวดโซเชียล… Chic & Cool กลางกรุงโตเกียว

Photogenic Content Cover

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา “การถ่ายภาพ” มักจะเป็นเป้าหมายสำคัญในการเดินทางท่องเที่ยวในแทบจะทุกทริปของทุกคน นอกเหนือไปจากการชื่นชมความงามของแต่ละที่ด้วยตาเปล่า เพราะภาพถ่ายเปรียบเสมือนเครื่องบันทึกความทรงจำที่ช่วยให้เราได้หวนรำลึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี

และ “โตเกียว” ก็เป็นเมืองที่มีมนต์เสน่ห์ไม่เหมือนใคร หลายครั้งที่นักท่องเที่ยวพบว่าตัวเองกำลังหลงใหลไปกับความเป็นเอกลักษณ์สุดแสนคลาสสิคที่ชวนให้ดำดิ่งสู่วังวนของการถ่ายภาพอย่างไม่รู้จบ นอกจากจะได้ภาพถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึก แถมยังได้เสพมุมมองอันน่าทึ่งที่มีอยู่มากมายของเมืองนี้แล้ว การได้อวดโฉมภาพที่เราชื่นชอบลงโซเชียลให้เพื่อนๆได้เข้ามาชื่นชม... ก็นับเป็นเรื่องดีๆเช่นกัน

ดังนั้น… หยิบกล้องหยิบมือถือของคุณให้พร้อม แล้วไปสำรวจกันว่า จุดถ่ายภาพสุดปังใจกลางโตเกียวที่เราไม่อยากให้คุณพลาดเลยสักนิด จะมีที่ไหนกันบ้าง ลุย!

—————————— ♦ ——————————

1. ฮาราจูกุ (Harajuku)

“ฮาราจูกุ” เป็นย่านแห่งสตรีทอาร์ทและแฟชั่นหลากสีสันประจำกรุงโตเกียว ซึ่งเหมาะเหลือเกินกับการถ่ายภาพ เพราะมีจุดถ่ายภาพแบบชิคๆคูลๆอยู่เยอะมาก ทั้งถนนหนทาง ตึกและอาคาร ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ผู้คน รวมไปถึงการถ่ายภาพตัวคุณเองโดยมีองค์ประกอบสุดฮิปเหล่านี้เป็นแบ็คกราวน์ รับรองว่าใครเห็นต้องร้องว้าวอย่างแน่นอน

เหมาะสำหรับ: ภาพถ่ายทุกรูปแบบ ทั้ง Lanscape และ Portrait ล้วนมีสเน่ห์อย่างล้นเหลือทั้งสิ้น

จุดไฮไลท์: บันไดเลื่อนที่โตเกียวพลาซ่า สะท้อนภาพผู้คนขณะสัญจรไปมาอย่างน่าทึ่ง

การเดินทาง: รถไฟ JR สาย Yamanote Line ลงที่สถานี Harajuku

++++++++++++++++++++

2. ศาลเจ้าเมจิจิงงู (Meiji Shrine)

“ศาลเจ้าเมจิ” เป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโต สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1920 เพื่ออุทิศถวายแด่ดวงวิญญาณของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ และสมเด็จพระจักรพรรดินีโชเก็ง พระพันปีหลวง ตั้งอยู่ในเขตชิบุย่า กรุงโตเกียว และเป็นศาลเจ้าที่มีนักท่องเที่ยวแวะมาเยี่ยมชมมากที่สุด เพราะตั้งอยู่ใจกลางเมืองแต่ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ให้ความรู้สึกราวกับกำลังเดินอยู่ในพื้นที่ชนบทห่างไกลอันเงียบสงบ

เหมาะสำหรับ: ภาพถ่ายที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมที่สืบทอดมาแต่โบราณของญี่ปุ่น + วิวธรรมชาติ

จุดไฮไลท์: ประตูไม้ทางเข้าซึ่งเป็น Torii ขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยความสูง 12 เมตร + กำแพงถังเหล้าสาเกที่เรียงรายสวยงามตรงกลางทางเข้าโถงหลัก

การเดินทาง:  นั่งรถไฟสาย Yamanote Line ลงที่สถานี JR Harajuku และเดินต่อไปอีกประมาณ 5 นาที หรือ รถไฟใต้ดินลงที่สถานี Meiji-jingu mae และเดินต่อไปอีกประมาณ 7 นาที

++++++++++++++++++++

3. สวนโยโยงิ (Yoyogi Park)

“สวนโยโยงิ” ตั้งอยู่ใกล้ย่านชิบูย่า เป็นสถานที่ที่น่าเยี่ยมชมในช่วงวันหยุด เพราะสวนแห่งนี้จะดึงดูดเหล่าศิลปินหลายแขนงให้มาแสดงงานศิลปะที่นี่ ทั้งนักแสดง นักดนตรี นักเต้น กิจกรรมผาดโผน และอื่นๆ ซึ่งเป็นโอกาสดีที่คุณจะได้ชักภาพในมุมมองที่ไม่ซ้าใคร ที่สำคัญในฤดูใบไม้ร่วง สวนทั้งสวนจะโอบคลุมไปด้วยใบไม้สีสันจัดจ้านตระการตา และคงไม่มีใครปล่อยช่วงเวลาแบบนั้นผ่านไปโดยไม่ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นแน่แท้

เหมาะสำหรับ: ภาพ Portrait ทั่วไป หรือคอสเพลย์ + ภาพวิวธรรมชาติ

จุดไฮไลท์: ด้านหลังสุดฝั่งใต้ของสวน เป็นมุมยอดนิยมที่ผู้คนชอบมาถ่ายภาพกัน

การเดินทาง:  เดิน 5 นาที จากรถไฟ JR Harajuku

++++++++++++++++++++

4. แยกชิบูย่า (Shibuya Crossing)

แทบจะเป็นจุดแรกในการเยือนโตเกียวของใครหลายๆคน ด้วยชื่อเสียงเลื่องลือเรื่อง “ความวุ่นวาย” อีกทั้งการช่วงชิงจังหวะในการข้ามทางม้าลายกลางแยกไฟแดงขนาดมหึมา นับเป็นเอกลักษณ์ที่ดึงดูดผู้คนให้แวะเวียนมาเป็นหนึ่งในความโกลาหลอันงดงาม และนอกจากภาพทางแยกและถนนกว้างใหญ่แล้ว แสงไฟจากตึกสูงที่รายล้อมโดยรอบ นับเป็นมนต์เสน่ห์ชั้นยอดที่ไม่ควรพลาด นอกจากนั้นยังมีอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญใกล้ๆกันก็คือ รูปปั้นน้องหมา “ฮาจิโกะ” ที่เป็นทั้งจุดเช็คอิน จุดนัดพบ และจุดถ่ายภาพที่สำคัญไม่แพ้กัน

เหมาะสำหรับ: ภาพ Landscape ของถนนสายยาวอันกว้างใหญ่ หรือ ภาพ Portrait แบบฮิปๆวิบวับๆ

จุดไฮไลท์: ภาพถ่ายกลางแยกที่รายล้อมด้วยตึกสูงนับร้อย และภาพ Portrait ที่มีความวุ่นวายเป็นแบ็คกราวน์

การเดินทาง:  นั่งรถไฟสาย Yamanote, Ginza, Hanzomon หรือ Fukutoshin ไปลงที่สถานี Shibuya 

++++++++++++++++++++

5. คาบูกิโจ (Kabukisho Arch, Shinjuku)

ถ้าคุณต้องการภาพถ่ายแสงไฟยามค่ำคืน “คาบูกิโจ” สามารถตอบโจทย์คุณได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นย่านการค้าขนาดยักษ์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันดีว่า “ไม่เคยหลับใหล” และโดยเฉพาะตรงประตูทางเข้าที่เป็นช่องเสาโค้งสูงใหญ่มีไฟสีแดงระยิบระยับ เป็นดั่งสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่งของคาบูกิโจ นอกจากนั้น ที่ตรงนี้คุณยังสามารถเก็บภาพหัวก๊อดซิลล่าที่โผล่พ้นออกมาจากมุมตึกราวกับอยู่ในหนังได้อีกด้วย

เหมาะสำหรับ: ภาพ Landscape + ภาพถ่ายที่มีเสาประตูสีแดงและหัวก๊อดซิลล่าเป็นแบ๊คกราวน์

จุดไฮไลท์: ประตูทางเข้าที่มีไฟสีแดง และ หัวก๊อดซิลล่าบริเวณโรงแรม Gracery ที่โผล่มาเหมือนในหนัง

การเดินทาง:  เดิน 7 นาทีจากสถานี JR Shinjuku

++++++++++++++++++++

6. ตรอกโอโมอิเดะ โยโกโฉะ (Omoide Yokocho or Memory Lane)

ท่ามกลางตึกสูงทันสมัยในย่านชินจูกุ ยังมีตรอกเล็กๆที่มีผู้คนแวะเวียนเข้ามาเดินเที่ยวอยู่ไม่ขาดสาย “ตรอกโอโมอิเดะ โยโกโฉะ” หรือ “Memory Lane” คือชื่อของตรอกแห่งนี้ ที่แม้จะเล็กๆแคบๆแต่มีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์เหนือคำนิยามใดๆ ถือกำเนิดขึ้นมาในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยร้านส่วนใหญ่ในตรอกนี้เป็นร้านดื่มกิน ขึ้นชื่อเรื่องอาหารแบบอิซากายะ ซึ่งแต่ละร้านจะประดับด้วยโคมไฟเล็กๆ และมีที่นั่งไม่เกิน 10 ที่ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและดั้งเดิมสมกับชื่อตรอกแห่งความทรงจำจริงๆ

เหมาะสำหรับ: ภาพที่เน้นมุมมองเก๋ๆน่าค้นหาเฉพาะบุคคล ระวังเรื่องการขวางทางผู้อื่นเวลาหยุดถ่ายรูป เพราะตรอกแคบมาก

จุดไฮไลท์: ร้านกินดื่มที่ประดับโคมไฟเล็กๆตลอดเส้นทาง + ผู้คนที่มาพบปะสังสรรค์กันแบบอบอุ่นเฮฮา

การเดินทาง:  เดิน 5 นาทีจากสถานี JR Shinjuku

++++++++++++++++++++

7. teamLab Borderless พิพิธภัณฑ์ศิลปะดิจิทัลโมริ

“มหัศจรรย์” คือคำอธิบายที่น่าจะชัดเจนที่สุดสำหรับ “teamLab Borderless” ศิลปะดิจิทัลกว่า 50 ชิ้น โดยกลุ่มผู้รักงานศิลปะหลายสาขาอาชีพที่มารวมตัวกันสร้างงานศิลปะอันงดงามบนผืนผ้าใบดิจิทัล ที่นำมาแสดงบนพื้นที่ 10,000 ตารางเมตร ของพิพิธภัณฑ์ศิลปะดิจิทัลโมริ ที่พาเลต ทาวน์ โอไดบะ โตเกียว ภายใต้แนวคิด “Art is borderless” ที่จะเชื่อมโยงศิลปะและผู้ชมเข้าด้วยกันอย่างไร้ขอบเขต ผู้ชมจะรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในโลกแห่งดิจิทัลที่เคลื่อนไหวงดงามเหนือคำบรรยาย ได้สัมผัสความตื่นเต้นและแรงบันดาลใจรอบๆกายได้ราวกับศิลปะนั้นมีชีวิตจริงๆ

เริ่มก่อตั้งในปี 2001 และค่อยๆสร้างผลงานจนเป็นที่รู้จักรวมทั้งเดินสายจัดนิทรรศการตามเมืองใหญ่ๆชั้นนำทั่วโลก ก่อนจะมีพิพิธภัณฑ์ถาวรดังในปัจจุบัน

เหมาะสำหรับ: ภาพที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งดิจิทัล เสริมสร้างจินตนาการและมุมมองใหม่ๆไม่รู้จบ

จุดไฮไลท์: ทุกจุดบนพื้นที่จัดแสดง 10,000 ตารางเมตร

การเดินทาง:  เดิน 5 นาทีจากสถานี Tokyo Teleport Station สาย Rinkai หรือสถานี Aomi สาย Yurikamome

(ข้อมูลเพิ่มเติม >> https://borderless.teamlab.art/)

https://thestandard.co/mori-building-digital-art-museum-teamlab-borderless/)

++++++++++++++++++++

8. ย่านอาซากุสะ (Asakusa)

“อาซากุสะ” เป็นย่านท่องเที่ยวยอดนิยมที่ยังคงรักษาบรรยากาศแบบดั้งเดิมของโตเกียวไว้ได้อย่างดี ซึ่งนอกจากวัดเซ็นโซจิและตึกสกายทรีแล้ว ย่านนี้ยังมีร้านรวงมากมายให้ได้แวะช้อปชิมกันอย่างเพลิดเพลิน ทั้งร้านค้างานฝีมือ แผงสตรีทฟู้ด ไปจนถึงร้านขายอิซากายะ และร้านอาหารอร่อยๆริมน้ำมากมาย

เรามาดูกันว่าที่ย่านอาซากุสะ จะมีจุดไหนให้เราถ่ายภาพแบบชิคๆคูลๆได้บ้าง;

  • วัดเซ็นโซจิ (Senso-ji) จุดหลักและจุดไฮไลท์ของย่านนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นวัดที่นำเสนอความเป็นญี่ปุ่นแท้ๆมีประวัติยาวนานกว่า 1,300 ปี มีสัญลักษณ์สำคัญคือ โคมสีแดงขนาดยักษ์ ที่ซุ้มประตู “คามินาริ” ด้านในจะเป็นถนนที่มีร้านรวงต่างๆเรียงรายไปตลอดจนถึงทางเข้าโบสถ์ เป็นจุดเช็คอินของโตเกียวที่ต้องเก็บภาพไว้แบบห้ามพลาดเด็ดขาด
  • ศาลเจ้าต่างๆ ได้แก่ ศาลเจ้าอาซากุสะ, ศาลเจ้าโอโทริ, ศาลเจ้านิชิอาซากุสะ ฮาจิมัง เป็นพื้นที่สำหรับสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งนอกจากจะได้ขอโชคขอลาภ ยังสามารถถ่ายถาพสวยๆเก็บไว้ได้อีกด้วย แต่ระวังเรื่องขวางทางนักท่องเที่ยวคนอื่นด้วยนะจ๊ะ
  • ฮานายาชิกิ (Hanayashiki) เป็นสวนสนุกที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น แถมยังสามารถชมวิวเมืองโตเกียวได้จากเครื่องเล่นบางชนิด และมีจุดถ่ายภาพสวยๆเต็มไปหมดเลย
  • โตเกียว สกายทรี (Tokyo Sky Tree) หอคอยอันเป็นสัญลักษณ์แห่งใหม่ในโตเกียว ด้วยความสูง 634 เมตร! ซึ่งนอกจากจะเป็นจุดชมวิวชั้นเยี่ยมแล้ว ยังเป็นศูนย์รวมความบันเทิงทั้งพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ, ท้องฟ้าจำลอง และช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่อีกด้วย แต่มุมที่ถ่ายภาพสวยที่สุดน่าจะเป็นด้านนอกที่มองเห็นตัวหัวคอยสูงตระหง่านมากกว่า
  • แหล่งช้อปปิ้งและงานศิลปะต่างๆ เช่น ถนนนากามิเสะ (ถนนที่ทอดยาวไปยังโบสถ์วัดเซ็นโซจิ), ย่านเครื่องครัวกัปปะบาชิ, ร้านภาพพิมพ์โมคุฮันคัง, ร้านแผงลอยแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม, ช้อปปิ้งมอลล์รถไฟใต้ดินอาซากุสะ, นิชิซันโด ช้อปปิ้งสตรีท ฯลฯ

เหมาะสำหรับ: ถ่ายภาพบรรยากาศดั้งเดิม และภาพคู่กับสถานที่แลนด์มาร์กของโตเกียว

จุดไฮไลท์: วัดเซ็นโซจิ และ โตเกียว สกาย ทรี

การเดินทาง: นั่งรถไฟสาย Yamanote ไปลงสถานี Ueno จากนั้นขึ้นรถ Tokyo Metro Ginza Line ไปลงที่ Asakusa

++++++++++++++++++++

9. ศาลเจ้าฮิเอะ (Hie Shrine)

ถ้าจะเรียกว่าเป็น “Unseen Tokyo” ก็คงไม่ผิด เพราะที่นี่อาจจะไม่ใช่หมุดหมายหลักที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่พูดถึงนักในโตเกียว แต่ศาลเจ้าฮิเอะจะทำให้คุณนึกถึงกลิ่นอายของศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ โดยไม่ต้องไปไกลถึงเกียวโต แม้จะไม่ได้มีประตูไม้แดง Torii มากมายเท่าที่ฟูชิมิ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่นี่ก็มีความงดงามไม่แพ้กันในเวอร์ชั่นที่คนน้อยกว่า เหมาะกับการถ่ายภาพโดยไม่ต้องกังวลเรื่องจำนวนคนสักเท่าไหร่

เหมาะสำหรับ: ภาพวิวของ Torii สีแดงเรียงรายตามขั้นบันได + ภาพ Portrait กับ Torii 

จุดไฮไลท์: ตามขั้นบันไดที่มีประตูไม้ Torii เรียงราย

การเดินทาง: เดิน 5 นาที จากรถไฟใต้ดินสถานี Tameike-Sanno หรือ Akasaka-Misuke

++++++++++++++++++++

10. โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower)

แม้จะถูก “โตเกียว สกายทรี” แย่งตำแหน่งแลนด์มาร์คอันดับหนึ่งในฐานะหอคอยที่สูงที่สุดในโตเกียวไป แต่ด้วยศักดิ์ศรีความเป็นไอคอนเบอร์หนึ่งมาหลายสิบปี ทั้งในเรื่องของวิวงดงามของโตเกียวจากมุมสูง และสถาปัตยกรรมการออกแบบโครงสร้างของตัวอาคารที่ชวนให้นึกถึงหอไอเฟล ณ กรุงปารีส ทำให้หอคอยอายุเกือบ 60 ปี ยังคงเป็นจุดแวะเวียนที่เราหลายคนปรารถนา และยังมีมุมเลิศๆให้เราได้ถ่ายภาพมากมาย ไล่ไปตั้งแต่ฐานชั้นล่างจนถึงยอดสุดของหอคอยเลยทีเดียว นอกจากนั้นภายในตัวอาคาร ยังเป็นที่ตั้งของ Tokyo One Piece Tower สวนสนุกในธีมวันพีซ ที่เปิดให้บริการตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 เป็นอีกหนึ่งจุดที่ดึงดูดสาวกวันพีซได้ไม่น้อย

เหมาะสำหรับ: ภาพ Landscape ของอ่าวโตเกียวและเมืองโตเกียว + ภาพ Portrait เก๋ๆให้อารมณ์หอไอเฟล โดยไม่ต้องไปไกลถึงฝรั่งเศส

จุดไฮไลท์: วิวของอ่าวโตเกียวจากจุดชมวิวของหอคอย และมุมมองภายนอกของตัวหอคอยสูงตระหง่าน

การเดินทาง: รถไฟ JR ลงที่สถานี Hamamatsucho แล้วเดินต่อ 15 นาที หรือ รถไฟใต้ดินลงได้ 3 สถานี Onarimom, Akabanebashi, และสถานี Daimon แล้วเดินต่อ 10-15 นาที

—————————— END ——————————

By Pok Safin

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
RELATED POST

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!