ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

เอาใจสายเขียว…แนะนำที่เที่ยวเชิงนิเวศในญี่ปุ่น (Eco-Friendly Destinations in Japan)

เชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักคำนี้อยู่แล้ว เพราะในปัจจุบัน “การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ” เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยวสายผจญภัยนอกสถานที่ ถึงแม้ในความเป็นจริง การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์นั้นได้เกิดขึ้นมานานหลายทศวรรษแล้วก็ตาม แต่ด้วยวิทยาการและเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทกับชีวิตของคนเรามากขึ้น ความโหยหาและต้องการเข้าหาธรรมชาติของมนุษย์จึงมีมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน

ในไม่กี่ปีมานี้ สภาวะแวดล้อมของโลกถูกทำลายลงโดยฝีมือมนุษย์มากมาย ปรากฏการณ์โลกร้อนและภัยทางธรรมชาติเกิดขึ้นนับไม่ถ้วนในแต่ละปี ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวไปยังพื้นที่ต่างๆเพื่อชื่นชมธรรมชาติและวัฒนธรรมพื้นเมืองอย่างใกล้ชิดอย่างมีสติและความรับผิดชอบ ได้รับการผลักดันและให้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอย่างมีนัยยะ นับเป็นเหมือนกระจกสะท้อนว่ามนุษย์ได้เริ่มตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องปกป้องและฟื้นฟูทรัพยากรทางธรรมชาติของโลกใบนี้อย่างเป็นทางการ

หัวใจของการท่องเที่ยวอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

1. เลือกวิธีเดินทางที่ช่วยลดมลภาวะ

เลือกเดินทางโดยขนส่งสาธารณะแทนการใช้รถส่วนตัว เช่น รถไฟ รถบัส หรือจะแชร์รถส่วนตัวกับเพื่อนหลายๆคนแบบไปด้วยกันไปได้ไกล เป็นต้น ในกรณีที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงการเดินทางโดยเครื่องบิน แนะนำให้ใช้บริการแบบ non-stop flight การลดเที่ยวบินจะเป็นอีกทางช่วยลดคาร์บอนในอากาศได้


2. เลือกที่พักที่ไม่เบียดเบียนธรรมชาติ

เป็นอีกหนึ่งหัวใจของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เลือกที่พักที่ปลูกสร้างด้วยวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีการรณรงค์เรื่องการประหยัดพลังงาน เช่น พักในเรียวกัง หรือที่พักที่ไม่ได้บุกรุกธรรมชาติ นอกจากนั้น นักท่องเที่ยวยังช่วยโลกได้ด้วยการใช้ซ้ำของที่ทางที่พักให้มา เช่น ผ้าปูเตียง ผ้าขนหนู หรืออุปกรณ์ในห้องน้ำ เป็นต้น


3. ปฏิบัติตัวให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมขณะท่องเที่ยว

ข่าวเต่าทะเลเสียชีวิตเพราะกลืนหลอดพลาสติก หรือปลาการ์ตูนถูกนักท่องเที่ยวจับมาเซลฟี่ ฯลฯ ไม่ว่าจะไม่ตั้งใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่เหล่านี้นับเป็นพฤติกรรมที่ไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการทิ้งขยะที่ย่อยสลายยากลงสู่แม่น้ำหรือทะเล การกักขังคุกคามสัตว์ในธรรมชาติและถิ่นที่อยู่ของมัน ฯลฯ และล่าสุดมีงานวิจัยเกี่ยวกับสารเคมีในครีมกันแดดบางตัวที่อาจจะมีผลกระทบต่อแนวปะการัง ซึ่งถ้าหลีกเลี่ยงการใช้ได้ก็ควรทำ หรืออาจจะลองเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติมากขึ้น


4. ผูกมิตรกับชนพื้นเมืองหรือคนในท้องถิ่น

เพราะไม่ใช่แค่สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติเท่านั้นที่เราต้องตระหนักถึง แต่การผูกมิตรกับคนในพื้นที่หรือชนพื้นเมือง ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เพราะนอกจากจะได้สัมผัสถึงวิถีชีวิตที่อิงแอบกับธรรมชาติอย่างแยกจากกันไม่ได้ ยังเป็นการส่งผ่านทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกันของผู้คนอีกด้วย


แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศในญี่ปุ่นที่น่าสนใจ ได้แก่;

- เกาะโอกินาว่า (Okinawa Islands)

หมู่เกาะทางใต้อันเวิ้งว้างห่างไกลของประเทศญี่ปุ่น ประกอบไปด้วยหมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า 160 เกาะ (โดย 47 เกาะ มีผู้คนอาศัยอยู่) ทรงเสน่ห์ด้วยแนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์ภายใต้แสงแดดอบอุ่นในเขตร้อน หาดทรายสีขาวละมุนและน้ำทะเลสีฟ้าคราม โดยเฉพาะทัศนียภาพของอ่าวคาบิระที่ได้รับยกย่องว่าเป็นชายฝั่งทะเลที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น โดยบางหมู่เกาะแทบจะยังไม่เคยถูกบุกรุกทำลายโดยฝีมือมนุษย์ หรือบางเกาะที่ได้รับการสำรวจพื้นที่บางส่วนแล้วจะมีการห้ามนักท่องเที่ยวลงว่ายน้ำ แต่ยังสามารถทำกิจกรรมที่ไม่ส่งผลกระทบต่อแนวปะการังและสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติอื่นๆ ได้แก่ การนั่งเรือท้องกระจกชมโลกใต้ผิวน้ำ หรือกิจกรรมพายเรือคายัค ฯลฯ ชนพื้นเมืองที่นี่อาจจะมีรูปร่างหน้าตาผิวพรรณไม่เหมือนชาวญี่ปุ่นทั่วไป แต่ภาษาหลักที่ใช้ในการสื่อสารยังคงเป็นภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษ มีการเดินทางที่สามารถเชื่อมต่อกับโลกภายนอกได้อย่างง่ายดายด้วยเที่ยวบินที่บินตรงสู่เกาะหลักญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆทั่วเอเชีย ทำให้ในปัจจุบัน โอกินาว่าได้กลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางขึ้นชื่อสำหรับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของญี่ปุ่น

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.visitokinawa.jp/about-okinawa/


- นางาโนะ (Nagano)

จากชายหาดสีขาวสะอาดตาของโอกินาว่า สู่ลานหิมะหนานุ่มขาวโพลนที่นางาโนะ สถานที่ซึ่งเคยเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาโอลิมปิคฤดูหนาวในปี ค.ศ.1998 แหล่งรวมประสบการณ์ของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเฝ้าดูฝูงลิงแสมแช่ออนเซ็นที่สวนลิงจิโกคุดานิ (Jigokudani Yaen-koen) หรือการนั่งรถทัวร์ฝ่ากำแพงหิมะสุดตระการตา บนเส้นทางอัลไพน์ของเทือกเขาแอลป์ (Kurobe Alpine-Route) และโดยเฉพาะในตอนที่ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง ช่วงเวลาอันน่าทึ่งสำหรับเหล่านักปีนเขาและนักเดินเขาทั้งหลาย ที่จะได้เดินชื่นชมความงดงามของสีสันสดใสที่รังสรรค์โดยธรรมชาติ และใกล้ๆกันนั้น บนพื้นที่ตรงกลางระหว่างจังหวัดนางาโนะและโตเกียว เป็นที่ตั้งของเขตรักษาพันธุ์นกคารุอิซาวะ อันเป็นสวรรค์ของสัตว์หลากหลายประเภท ทั้งนกคารุอิซาวะ และกระรอกบินขนาดยักษ์ (สัตว์พื้นเมืองสุดน่ารัก) ฯลฯ หรือหากจะท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรม ก็สามารถทำได้โดยการแวะมาเยี่ยมเยือนเมืองเก่านากะเซ็นโดะ (Nakasendo)

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.go-nagano.net/en/


- ภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji or Fujisan)

อีกหนึ่งในจุดหมายที่ดีที่สุดของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในญี่ปุ่น ด้วยทัศนียภาพของภูเขาไฟที่สูงที่สุดในประเทศ (ความสูง 3,776 เมตร) พร้อมวิวจากทะเลสาบทั้งห้า (Fuji Five Lake) ที่ส่องประกายระยิบระยับยามที่แสงแดดตกกระทบ เกิดเป็นภาพที่งดงามเหนือคำบรรยาย ที่น่าสนใจคือการสร้างรีสอร์ทที่พักตามลาดเขาริมทะเลสาบคาวาคุจิโกะซึ่งได้รับอนุญาตจากกระทรวงสิ่งแวดล้อมแล้วเป็นส่วนใหญ่  โดยห้องพักทุกห้องหันหน้าเผชิญกับฟูจิซังที่ตั้งตระหง่านอยู่อีกริมฝั่งแม่น้ำ นักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมความงดงามของภูเขาไฟฟิจิไปพร้อมๆกับแช่บ่อออนเซ็นเพื่อนผ่อนคลายความเหนื่อยล้า นอกจากนั้น บริเวณโดยรอบภูเขาไฟยังมีกิจกรรมและสถานที่อันหลากหลายให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินโดยไม่คุกคามธรรมชาติ เช่น การพิชิตหนี่งในสี่จุดปีนเขาในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกลางเดือนกันยายน หรือเดินเขาสัมผัสธรรมชาติอย่างแนบชิดที่อุทยานแห่งชาติฟูจิ-ฮาโกเนะ-อิซุ (มีค่าบริการเพื่อสนับสนุนอุทยาน) หรือจะแวะถ่ายรูปสวยๆที่เจดีย์ชุเรอิโตะ และชมฝูงหงส์โดยไม่รบกวนถิ่นที่อยู่ของพวกมันที่ทะเลสาบยามานากะ (Yamanakako or Swan Lake)

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://whc.unesco.org/en/list/1418/


- เนินทรายทตโตริ (Tottori Sand Dune)

หากโอกินาว่ามอบความรู้สึกราวกับเป็นส่วนหนึ่งของมหาสมุทรแปซิฟิก ทตโตริก็คงให้ความรู้สึกราวกับอยู่กลางพื้นที่ในทะเลทรายซาฮาร่า และเช่นเดียวกับโอกินาว่า พื้นที่บางส่วนของทตโตริยังไม่ได้ถูกบุกรุกทำลายโดยฝีมือมนุษย์ ทำให้ระบบนิเวศยังคงแปลกใหม่และสมบูรณ์แบบสำหรับเป็นหนึ่งในหมุดหมายของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และมีชื่อเสียงมากที่สุดในญี่ปุ่นตะวันตก ภาพของเนินทรายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอันเกิดจากสายลมที่พัดจากทะเลญี่ปุ่น ทับถมกันมาเป็นพันปี ทอดตัวไปตามแนวชายฝั่งของเกาะฮอนชูด้วยระยะทาง 16 กิโลเมตร ได้รับการคุ้มครองภายใต้การดูแลของอุทยานแห่งชาติซานอินไคงัน เนินทรายบางส่วนที่ทตโตริมีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 50 เมตร นักท่องเที่ยวนิยมทำกิจกรรมแบบที่ทำกันในพื้นที่ทะเลทรายแถบตะวันออกกลาง เช่น การเล่นกระดานทราย (Sandboard) การขี่อูฐ และการเล่นร่มร่อนสลาลม เป็นต้น

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.tottori-tour.jp/en/sightseeing/456/


- ย่านเมืองเก่าและป่าไผ่อาราชิยามะในเกียวโต (Kyoto Old Town and Bamboo Groves of Arashiyama)

เมืองหลวงเก่าของประเทศญี่ปุ่นอย่างเกียวโต นับเป็นจุดหมายหลักของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในทุกๆแง่มุม ไม่ว่าจะในด้านวัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ มีการแสดงเรื่องราวในอดีตผ่านทางสถานที่ต่างๆ ได้อย่างงดงามชวนหลงใหล ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอาราม ศาลเจ้า พระราชวัง การจัดสวน และศิลปะมากมาย เป็นต้น ในแง่มุมของการอนุรักษ์ธรรมชาติ ป่าไผ่อาราชิยามะก็เปรียบเสมือนแหล่งผลิตออกซิเจนของเกียวโต และเป็นจุดสำคัญที่สุดของ Eco-Tourism ของเมืองเก่าแห่งนี้ โดยจะมีเส้นทางสำหรับปั่นจักรยานและเดินเท้าผ่านป่าไผ่บนเนื้อที่ขนาดมหึมา เต็มไปด้วยชีวิตและจิตวิญญาณที่เปิดสัมผัสทั้งห้าของคุณได้ดำดิ่งสู่ธรรมชาติจากการไหวลู่ลมของต้นไผ่นับแสนนับล้านต้น

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://kyoto.travel/en/

 


- น้ำตกนาจิ (Nashi Falls) จังหวัดวากายามะ

น้ำตกชั้นเดียวที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ที่ส่งสายน้ำตกลงมาจากหน้าผาที่มีความสูง 133 เมตร เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นส่วนผสมที่ลงตัวที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่รวบรวมเอาทั้งความเป็นธรรมชาติ วัฒนธรรมในอดีต สถาปัตยกรรมอันน่าทึ่ง ความเชื่อทางศาสนาผสานกลืนกันของทั้งพุทธและชินโต และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกอย่างสง่างาม ภาพของไอหมอกจากน้ำตกนาจิที่โอบคลุมเจดีย์สามชั้นของวัดเซกันโทจิ (Seiganto-ji Temple) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมทางศาสนาพุทธ สู่ทางเดินที่ทอดยาวตรงไปยังประตูโทริอิของศาลเจ้าใหญ่นาจิ (Kumano Nachi Taisha) ศาสนสถานของชินโต เป็นทัศนยีภาพที่สวยงามและเต็มไปด้วยเรื่องราว และด้วยความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศที่ยังไม่ถูกทำลาย ทำให้น้ำตกนาจิและพื้นที่โดยรอบ กลายเป็นจุดหมายหลักเบอร์ต้นๆ ของเหล่าผู้ศรัทธาในการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ถือโอกาสเดินทางแสวงบุญไปพร้อมๆกับตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมได้ในคราวเดียวกัน

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://en.visitwakayama.jp/venues/venue_21/


**หมายเหตุส่งท้าย: การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ไม่ใช่แค่การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นการท่องเที่ยวที่ช่วยค้ำจุนและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของคนในท้องถิ่น สร้างการรับรู้ทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณดั้งเดิมอันมีบทบาทสำคัญต่อพฤติกรรมทางสังคม สภาพทางจิต และการปฏิบัติตนต่อผู้อื่นอย่างเป็นมิตรและจริงใจ ซึ่งนำไปสู่การสร้างรายได้จากกิจกรรมการท่องเที่ยวและลดการพึ่งพาทรัพยากรทางธรรมชาติเพื่อดำรงชีพ นับว่าเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) เพื่อให้ชนรุ่นหลังได้ตระหนักสืบไป

♦ END ♦

เขียนและเรียบเรียงเนื้อหาโดย Pok Safin

ข้อมูลอ้างอิงจาก:

https://www.jrpass.com/blog/all-about-ecotourism-in-japan

https://theculturetrip.com/asia/japan/articles/japans-best-ecotourism-destinations-we-cant-wait-to-visit/

https://blueandgreentomorrow.com/travel/excellent-green-cities-in-japan-every-eco-tourist-should-explore/

https://www.japan.travel/tokyo-and-beyond-2020/en/trip-ideas/how-to-include-sustainability-in-your-japan-travel-plans/

https://en.visitwakayama.jp/venues/venue_21/

https://kyoto.travel/en/

https://www.tottori-tour.jp/en/sightseeing/456/

https://whc.unesco.org/en/list/1418/

https://www.go-nagano.net/en/

https://www.visitokinawa.jp/about-okinawa/

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
RELATED POST

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!