เกาะอิซุโอชิมะหรือโอชิมะ ห่างจากใจกลางเมืองโตเกียวไปทางใต้ ประมาณ 129 กม.
เรียกได้ว่าเป็นเมืองโตเกียวอีกแห่งที่ลอยอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก
เกาะอิซุโอชิมะ คือ “โตเกียวแต่ราวกับไม่ใช่โตเกียว“
เพราะเกาะแห่งนี้ช่างมีความสงบ ทั้งเกาะโอบล้อมด้วยธรรมชาติทั้งภูเขา ป่าไม้ และท้องทะเล
หากจะหลีกหนีจากความวุ่นวายของชีวิตในเมืองช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
ร่างกายอันเหนื่อยล้าต้องการได้รับการเยียวยาด้วยพลังแห่งดินและธรรมชาติ “อิซุโอชิมะ” คือที่สถานที่แห่งนั้นที่คุณจะได้รับในสิ่งที่ต้องการ
เอาละ! เมื่อพร้อมแล้วเรามานั่งเรือข้ามฟากไปท่องเที่ยวด้วยกันเถอะ!!
เดินทางไปโอชิมะโดยเรือโดยสารข้ามฟาก

หลังจากทำงานมาทั้งสัปดาห์ วันนี้ก็ได้เวลาออกเดินทางไปโอชิมะด้วยเรือโดยสารขนาดใหญ่ที่สามารถข้ามฟากได้จากทั้งท่าเรือโตเกียวและอาตามิ!
แต่ครั้งนี้เรามาเที่ยวที่อาตามิก่อน เลยไม่ได้กลับไปขึ้นเรือจากฝั่งโตเกียว จึงจะขึ้นจากท่าเรืออาตามิเลย!
เราแนะนำให้ซื้อตั๋วจากเว็บไซต์ก่อนล่วงหน้า เพราะราคาถูกกว่าซื้อที่เคาเตอร์ท่าเรือตั้ง 20% เลยแหละ
สำหรับรายละเอียดและการจองตั๋วเรือ โปรดตรวจสอบในเว็บไซต์ทางการของTokai Kisen (สามารถเลือกภาษาอังกฤษได้)
ในที่สุดก็มาถึงเกาะอิซุโอชิมะ
เมื่อข้ามฟากมาแล้ว บนเกาะมีรถบัสประจำทางแต่จำนวนรอบวิ่งมีจำกัด ดังนั้น เราขอแนะนำให้เช่ารถสำหรับผู้ที่ต้องการเที่ยวเกาะอย่างอิสระ
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวที่นี่ต่างก็เช่ารถกัน ทำให้มีร้านรถเช่าหลายแห่งเลยล่ะ!
กว่าจะมาถึงก็หิวมากแล้ว จึงเสิร์จร้านอาหารในGoogle จึงได้มาพบกับร้านคาเฟ่เล็กๆที่โอบล้อมไปด้วยต้นไม้ดูร่มรื่นเย็นสบายตามากเลยค่ะ


เมื่อทานมื้อเที่ยงแล้ว สถานที่แห่งแรกที่เราจะไปก็คือ
สัญลักษณ์แห่งโอชิมะ “ภูเขามิฮาระ”

ภูเขามิฮาระ ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเกาะโอชิมะ เป็นจุดที่ห้ามพลาดเมื่อมาที่โอชิมะเลย!
เมื่อมองดูดีๆ จะเห็นว่ายังมีควันพวยพุ่งจากปากปล่องของภูเขาไฟอยู่เลย ที่แห่งนี้เราสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามของธรรมชาติได้

จากจุดตั้งต้นใช้เวลาเดินประมาณ 40 นาทีถึงยอดเขา แม้ว่าจะเป็นนักเดินเขามือใหม่ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดเพราะมีถนนเดินขึ้นเขาได้อย่างสะดวกเลยแหละ

จากจุดนี้ในวันที่อากาศสดใสก็สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิด้วยนะ วันที่เราไป(สิ้นเดือนกรกฎาคม) อากาศก็สดใสแต่ดันมองไม่เห็นซะอย่างนั้น!
รับรู้ได้ถึงพลังแห่งธรรมชาติ “เซ็นซุ โนะ คิริโดชิ”

“เซ็นซุ โนะ คิริโดชิ” สถานที่ลึกลับที่รากของต้นไม้ขนาดใหญ่ติดกับกำแพงหินที่ปกคลุมด้วยตะไคร่น้ำ
ตรงกลางมีบันไดที่ดูเหมือนว่าหากเดินข้ามไปจะหลุดเข้าใปในโลกของ Ghibli นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นสถานที่ยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวมักจะมาแวะถ่ายรูปอีกด้วย
มากินซูชิร้านดั้งเดิมที่ท่าเรือฮาบุ

ชมท่าเรือฮาบุ สัมผัสกลิ่นอายเมืองเก่า เมื่อมาถึงบริเวณอ่าวที่มีเรือประมงจอดกันเต็มไปหมด พอเดินไปจนสุดทางจะเจอบ้านเรือนที่ยังคงความดั้งเดิมตั้งเรียงรายอยู่



และเราก็เข้ามาในร้านมินาโตะซูชิ ที่มีเมนูซูชิหลากหลาย เราได้สั่งเมนู “จิซากานะซูชิ” ไป ซึ่งมีซูชิ 9 ชิ้น เป็นเมนูปลาที่ตกได้ในท้องถิ่น เสิร์ฟมาพร้อมซุปร้อนๆ เรียกได้ว่า ถ้าอยากลิ้มลองปลาของท้องถิ่น ต้องแวะมาที่นี่!


ระหว่างขับรถกำลังจะไปสถานที่ถัดไป ก็เห็นจุดชมวิวที่มองเห็นอ่าวและท่าเรือประมงจากมุมสูง จึงขอแวะถ่ายรูปสักนิด
ธรรมชาติและประวัติศาสตร์อันงดงาม! “ภาพตัดขวางชั้นดิน”

บริเวณนี้จะเป็นจุดที่เราเห็นส่วนของชั้นที่เกิดจากภูเขาไฟเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ “บามคูเฮน“มีลักษณะเป็นลายทางลอยโดดเด่นจากพื้นถนน ประกอบด้วยชั้นหินสกอเรียและเถ้าภูเขาไฟหลายชั้นที่สะสมตลอดระยะเวลาการปะทุซึ่งกว่าจะซ้อนทับกันได้ขนาดนี้ต้องใช้เวลาถึง 20,000 ปีเลยทีเดียว
หาดโทชิกิ

สถานที่เล่นน้ำอยู่ทางทิศใต้ของเกาะ เนื่องจากภูมิประเทศของเกาะแห่งนี้เป็นหิน ทำให้ชายหาดเป็นที่นิยมของเด็กๆ ในท้องถิ่นจนถูกเรียกว่า “สระว่ายน้ำธรรมชาติ”


เป็นชายหาดที่เงียบสงบของโอชิมะ ไม่ไกลจากจุดนี้มีที่ตั้งแคมป์อยู่ห่างออกไป 250 ม. เมื่อได้มาที่นี่คุณจะรู้สึกเหมือนอยู่ในพื้นที่เงียบสงบอันลึกลับงดงาม
ไทยากิสุดอร่อยหนึบหนับ! คาเฟ่ “ชิมะเคียว บอนเต็น“


ร้านขนมไทยากิสุดมีชื่อเสียงแห่งเกาะโอชิมะ “Café Shimakyo Bonten” ซึ่งมีขนมไทยากิ และเมนูเครื่องดื่มมากมาแล้วยังเป็นอาหารตามสั่งอีกด้วย ตอนที่เราไปคือช่วงหน้าร้อนก็เลยสั่งไทยากิเย็นไส้แน่นๆเคี้ยวหนุบหนับเต็มคำ!

ด้วยบรรยากาศย้อนยุคสมัยโชวะที่มีสไตล์ทำให้เราสามารถผ่อนคลายในร้านได้ ถ้ามาที่ฮาบุต้องอยากแวะที่นี่ให้ได้เลย♪

โอชิมะเต็มไปด้วยธรรมชาติที่คุณคาดไม่ถึงว่าที่นี่จะตั้งอยู่ในโตเกียว
เกาะที่คุณสามารถไปได้ทุกเมื่อที่คุณต้องการ แม้จะมีเวลาเพียงแค่วันเดียวก็สามารถไปผ่อนคลายให้ธรรมชาติช่วยบำบัดเยียวยาร่างกายได้
ในวันที่เหนื่อยล้า ทำไมคุณไม่ลองข้ามไปเที่ยวเกาะดูล่ะ?
