ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

แนะนำ 7 ที่เที่ยวสำหรับปั่นจักรยานชมวิวในญี่ปุ่น

9. The Real COVER

ตามปกติแล้วด้วยสภาพอากาศ บรรยากาศ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ญี่ปุ่นก็เป็นประเทศที่เหมาะกับการปั่นจักรยานชมวิวและเป็นที่นิยมทั้งนักท่องเที่ยวและคนที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นอยู่แล้ว และยิ่งบวกกับในสถานการณ์ปัจจุบันที่ต้องมีการเว้นระยะห่างทางสังคมเพื่อตอบรับ “ความปกติใหม่” หรือ “New Normal” ก็ยิ่งทำให้การปั่นจักรยานเริ่มมีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตมากขึ้น เป็นความบังเอิญกับที่ทางผู้เขียนเองก็อยากจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับการปั่นจักรยานเล่นในญี่ปุ่นอยู่พอดี

งั้นเรามาดูกันว่า 7 สถานที่ท่องเที่ยว ที่เหมาะกับการปั่นจักรยานชมวิว มีที่ไหนกันบ้าง;

1. ชิมานามิไคโด (Shimanami Kaido Route) ที่สุดแห่งวิถีนักปั่นบนเส้นทางเหนือท้องน้ำทะเลเซโตะ

“ชิมานามิไคโด” ทางด่วนที่เป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างเมืองโอโนมิจิ จังหวัดฮิโรชิม่า และเมืองอิมาบาริ จังหวัดเอฮิเมะ โดยมีถนนและสะพานแขวนหลายสายที่พาดผ่านเกาะน้อยใหญ่ เป็นระยะทางกว่า 70 กิโลเมตร เป็นสถานที่สำหรับปั่นจักรยานที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในญี่ปุ่น เพราะนอกจากจะรายล้อมด้วยทัศนียภาพที่งดงาม ที่นี่ยังมีเลนพิเศษสำหรับ “ปั่นจักรยานโดยเฉพาะ” จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวจากมากมายเดินทางมาเพื่อนเพลิดเพลินกับการปั่นจักรยานเหนือท้องน้ำทะเลเซโตะแห่งนี้

การเดินทาง: นั่งรถไฟ JR Sanyo Line ไปลงสถานี Onomichi หรือ JR Yosan Line ลงสถานี Imabari

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://shimanami-cycle.or.jp/cycling/en-02.html

+++++++++++++++

2. เส้นทางระหว่างเมืองราอุสึและอูโทโร่ ในอุทยานแห่งชาติชิเรโตโกะ (Rausu to Utoro CyCling Route)

“อุทยานแห่งชาติชิเรโตโกะ” ขึ้นชื่อในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของป่าและสรรพสัตว์ธรรมชาติ มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่า 380 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของคาบสมุทรชิเรโตโกะที่ปลายสุดทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะฮอกไกโด โดยเส้นทางปั่นจักรยานระหว่างเมืองราอุสึและอูโทโร่ จะอยู่ในเขตอุทยานฯ มีระยะทางประมาณ 33 กิโลเมตร ไฮไลท์คือจุด “Shiretoko Pass” กับวิวของร่มไม้น้อยใหญ่อันสวยงามโดยเฉพาะในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ตระการตาจนคุณแทบลืมหายใจ นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมต่อเส้นทางเพื่อชมทัศนียภาพของ “5 ทะเลสาบชิเรโตโกะ” (Shiretoko Five Lakes) ได้ด้วย

แต่ระวังปั่นอยู่ดีๆอาจบังเอิญเจอพี่หมีเจ้าถิ่นแวะมาทักทาย ยังไงก็ขอให้ปฏิบัติตามกฏอุทยานฯอย่างเคร่งครัดด้วยนะจ๊ะ !

การเดินทาง: นั่งรถไฟ JR Senmo Line ลงสถานี Shari จากนั้นต่อรถบัสไปยังเขตอุทยาน

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.goko.go.jp/multilingual_eng/

+++++++++++++++

3. เส้นทางบิวาโกะ (Biwa-ichi Route) ชมวิถีชนบทและทะเลสาบบิวาในจังหวัดชิกะ

ชิกะ เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ใกล้ๆเมืองหลวงเก่าอย่างเกียวโตมีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และเปี่ยมด้วยเสน่ห์แห่งชนบท ที่นำเสนอบรรยากาศย้อนยุคด้วยบ้านเรือนแบบโบราณที่สร้างขึ้นตามยุคสมัย นอกจากนั้นยังมีทะเลสาบบิวา ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดญี่ปุ่น โดยมีพื้นที่รอบๆทะเลสาบเกือบๆ 200 กิโลเมตร รายล้อมด้วยทัศนียภาพที่งดงามเหมาะกับการปั่นจักรยานท่ามกลางสายลมที่พัดผ่าน รวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยวโดยรอบ เช่น ปราสาทฮิโกเนะ วัดเอนริอาคุจิ วัดวาอารามและศาลเจ้าอื่นๆ และเส้นทางเลียบหมู่บ้านชนบท ที่สามารถทำให้การเที่ยวที่บิวาโกะ เป็นทริป 1 วัน (หรือหลายวันก็ได้) ที่ไม่น่าเบื่อเลยแม้แต่น้อย

โดยทางจังหวัดชิกะได้โปรโมทเส้นทางรอบทะเลสาบบิวา ให้เป็นเส้นทางปั่นจักรยานสำคัญของประเทศอีกด้วย!

การเดินทาง: นั่ง JR Tokaido Line จากเกียวโต มาลงสถานี Oh-tsu หรือนั่ง JR Biwako Line มาลงสถานี Omihachiman

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://en.biwako-visitors.jp/

+++++++++++++++

4. ปั่นจักรยานข้ามเขาที่ถนนจักรยาน “เมเปิ้ล ยาบะ” (Maple Yaba Cycling Road)

เส้นทางปั่นจักรยานข้ามเขา “เมเปิ้ล ยาบะ” มีระยะทางประมาณ 35 กิโลเมตร เส้นทางมีความลาดเอียงเล็กน้อยเนื่องจากเดิมเคยเป็นเส้นทางเดินรถไฟมาก่อน ทำให้มีการเจาะผ่านเส้นทางที่ยากจะเข้าถึงในอดีตภายในเมืองนาคะสึ จังหวัดโออิตะ ซึ่งนำมาสู่ทัศนียภาพในหลายๆจุดที่แตกต่างจากเส้นทางปั่นจักรยานชมธรรมชาติเส้นทางอื่น ไม่ว่าจะเป็นหน้าผารูปทรงแปลกตา และอุโมงค์ที่ขุดหินออกทีละก้อนด้วยมือ สะพานข้ามแม่น้ำที่หุบเขายาบะเค และสถานีรถไฟ ฯลฯ ที่นอกจากจะให้ความรู้สึกเพลิดเพลิน ยังสามารถทำให้นักปั่นทั้งหลายต้องตื่นตะลึงกับทัศนียภาพอันทรงพลังที่ธรรมชาติได้รังสรรค์ขึ้นมา

การเดินทาง: จากสนามบินโออิตะ นั่งรถ Airport Limousine Bus มาลงที่สถานี JR Nakatsu

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.welcomekyushu.jp/cycle-in-kyushu/en/courses/detail/24

+++++++++++++++

5. เพลิดเพลินใจกลางกรุงโตเกียวที่สวนโยโยงิและพื้นที่โดยรอบ (Yoyogi Park and Around)

ไม่เสมอไปว่าจะต้องดั้นด้นไปสุดขอบฟ้าเพื่อหาสถานที่ปั่นจักรยานที่ดีที่สุด เพราะบางครั้งสถานที่ใกล้ๆที่สะดวกเดินทางง่าย ก็อาจจะนำมาซึ่งความเพลิดเพลินที่คุณคาดไม่ถึง “สวนโยโยงิ” ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโตเกียวใกล้ย่านชิบูย่าและฮาราจูกุ เป็นสวนป่าขนาดใหญ่ มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและกิจกรรมให้ทำมากมาย เทียบได้กับ “Central Park” ที่นิวยอร์ค ภายในสวนมีทั้งแผงขายอาหาร ร้านกาแฟ การแสดงกลางแจ้งของเหล่าศิลปินอิสระ และแน่นอนว่ามีจักรยานให้เช่าอย่างมากมาย ซึ่งคุณจะได้ปั่นจักรยานใต้ร่มดอกซากุระที่บานสะพรั่งหากคุณมาเยือนที่นี่ในฤดูใบไม้ผลิ และจะตื่นตาตื่นใจกับใบไม้สีเหลืองทองที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณในฤดูใบไม้ร่วง บอกได้เลยว่า อยู่โตเกียวก็เปรี้ยวได้!

การเดินทาง: นั่งรถไฟ Chiyoda Line มาลงที่สถานี Yoyogi-Koen จากนั้นเดินเท้าต่อเพียง 3 นาที

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.gotokyo.org/th/spot/21/index.html

+++++++++++++++

6. เส้นทางจักรยานยาฮาตะคิสึ (Arashiyama-Kizukawa Route) ทอดสายตาชมกรุงเก่าเกียวโต

ไม่ว่าจะทริปไหนๆ การท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆในเมืองหลวงเก่าอย่างเกียวโตในวันที่ผ่อนคลาย ยังคงเป็นเสน่ห์และติดโผชาวบ้านไปซะทุกทริป โดยวันนี้เราได้เลือกเส้นทาง “ยาฮาตะคิสึ” มาเป็นตัวเลือกให้คนที่สนใจปั่นจักรยานท่องเที่ยวในเกียวโต ด้วยระยะทางประมาณ 45 กิโลเมตร เริ่มต้นจากภูเขาอาราชิยามะไปสิ้นสุดที่เมืองคิสึกาวะ โดยระหว่างทาง นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ได้แวะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามวัดวาอาราม และได้สัมผัสกับบรรยากาศโบราณของเมืองที่ร่ำรวยด้วยวัฒนธรรม นอกจากนั้น ยังสามารถแวะไปตามตรอกแคบๆที่ลึกแต่ไม่ลับและสุดแสนจะน่าค้นหา ที่เราอาจจะมองข้ามและเดินผ่านไปด้วยความเหนื่อยล้าอย่างไม่ใยดีเมื่อไม่กี่วันก่อน

การเดินทาง: จากเกียวโต นั่งรถไฟ JR San’in Main Line มาลงที่สถานี Saga-Arashiyama เพื่อมาที่อาราชิยามะจุดตั้งต้น

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://kyoto.travel/en/see-and-do/new_normal.html

+++++++++++++++

7. เส้นทางรอบทะเลสาบคาวาคูจิและทะเลสาบยามานากะ (Kawakuchiko & Yamanakako Lakes Route)

นี่คือสถานที่แห่งความฝันสำหรับการปั่นจักรยานท่ามกลางบรรยากาศงดงามอันน่าอภิรมย์ เส้นทางโดยรอบทะเลสาบทั้งสอง นอกจากจะชวนทึ่งด้วยวิวของภูเขาไฟฟูจิ ยังมีสุนทรียภาพจากธรรมชาติที่รายล้อม ทั้งทุ่งดอกไม้สีสันละลานตาและฝูงหงส์ขาวล่องลอยบนทะเลสาบที่เกล็ดน้ำเปล่งประกายระยิบระยับยามกระทบกับแสงตะวัน เกิดภาพงดงามราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์ ยิ่งเมื่อผสมกับสายลมเย็นแผ่วเบา ก็ยิ่ง

จะทำให้นักปั่นทั้งหลายรู้สึกเพลิดเพลินเจริญใจจนไม่อยากละสายตาจากภาพที่เห็นเลยแม้แต่เสี้ยวนาที นอกจากนี้ที่นี่ยังมีกิจกรรมให้ทำอีกมากมาย ทั้งวินเซิร์ฟ ล่องเรือ ตกปลา ฯลฯ

การเดินทาง:

  • ทะเลสาบคาวาคูจิ: จากโตเกียว นั่ง Fuji Kyoko Bus มาลงที่สถานี Kawakuchiko
  • ทะเลสาบยามานากะ: จากโตเกียว นั่ง Fuji Kyoko Bus มาลงที่สถานี Yamanakako

ข้อมูลเพิ่มเติม: http://www.yamanakako.gr.jp/ และ https://www.yamanashi-kankou.jp/foreign/thai/spot/p1_4818.html

+++++++++++++++

กฏระเบียบและข้อควรรู้สำหรับการใช้จักรยานในญี่ปุ่น

  • ขับขี่ชิดซ้าย หรือ ขี่ในเลนสำหรับจักรยานโดยเฉพาะ เท่านั้น
  • ไม่ใช้โทรศัพท์ขณะขี่จักรยาน ไม่ว่าจะแนบหู เปิดสปีกเกอร์ หรือใช้หูฟัง
  • ต้องหยุดรถทุกครั้งเมื่อเห็นป้ายหยุด เพื่อให้ทางกับรถยนต์ ผู้คน รวมถึงจักรยานในเลนอื่นได้ไปก่อน ซึ่งป้ายมักจะปรากฎอยู่ตามจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยๆ
  • แม้กฎหมายญี่ปุ่นจะไม่บังคับให้สวมหมวกันน็อค แต่เพื่อความปลอดภัยควรใส่หมวกกันน็อคตลอดเวลาขับขี่
  • ห้ามใช้จักรยานเมื่ออยู่ในอาการมึนเมาหรือดื่มแอลกอฮอล์
  • จอดจักรยานในที่จอดจักรยานเท่านั้น ซึ่งมีทั้งแบบให้จอดฟรีและเสียค่าบริการ
  • ห้ามกดกระดิ่งไล่คนที่เดินข้างหน้า โดยมารยาทผู้ปั่นจักรยานต้องให้ทางคนที่เดินอยู่ก่อนเสมอ
  • ห้ามนั่งซ้อนท้ายจักรยาน ยกเว้นกรณีที่มีเด็กที่ต้องอยู่ในความดูแลของผู้ปกครองนั่งมาด้วย
  • ห้ามกางร่มขณะขับขี่จักรยาน

++++++++++ END ++++++++++

ขอบคุณข้อมูล;

https://www.jrpass.com/blog/i-want-to-ride-my-bicycle-japan-s-best-cycle-routes

https://www.tokyocycling.jp/2020/03/13/cycling-in-japan/

https://www.jnto.or.th/activities/bicycling/

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
RELATED POST

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!