ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

สถาปัตยกรรมโดดเด่นของญี่ปุ่น | ตอนที่ 1: ตึกและอาคารระดับแลนด์มาร์คในย่านต่างๆ

ประเทศญี่ปุ่นนั้นเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่น สวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจแก่ผู้มาเยือน ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมแบบร่วมสมัยหรือแบบดั้งเดิมตั้งแต่ยุคโบราณที่มีคุณค่าทั้งในแง่โครงสร้างและเรื่องราวที่สะท้อนประวัติศาสตร์ ล้วนสร้างความประทับใจและก่อเกิดแรงบันดาลใจในหลากหลายแง่มุม

อย่างที่ทราบกันดีว่า สิ่งก่อสร้างและอาคารบ้านเรือน มักจะสะท้อนความเป็นไปของสังคมในแต่ละท้องถิ่นอย่างมีนัยยะ ในส่วนของญี่ปุ่นก็ไม่ต่างกัน อย่างเช่น ในยุคเฮอันที่สังคมญี่ปุ่นได้มีการเปิดรับพุทธศาสนาเข้ามาจนมีบทบาทสำคัญเทียบเคียงกับศาสนาประจำชาติดั้งเดิมอย่างชินโต และเพราะความเชื่อมโยงของชีวิตกับศาสนานี่เอง จึงทำให้เกิดการสร้างศาสนบูชาต่างๆที่เน้นความยิ่งใหญ่อลังการและยังบ่งชี้ให้เห็นถึงความประณีต ละเอียดลออของศิลปินที่ออกแบบและสร้างสรรค์

ในช่วงศตวรรษที่ 18 วัฒนธรรมตะวันตกเริ่มเข้ามามีส่วนร่วมในสังคมญี่ปุ่นมากขึ้น จนมาในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง วิทยาการต่างๆก็ถูกนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับวัฒนธรรมดั้งเดิมได้อย่างลงตัวมากขึ้น และได้กลายมาเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและแตกต่างจากที่อื่นอย่างชัดเจนตามที่เห็นในปัจจุบัน

ในบทความนี้ เราจะขอนำเสนอ  10 ตึกและอาคารในประเทศญี่ปุ่น ที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ รวมทั้งยังมีเรื่องราวเฉพาะตัวที่น่าสนใจ จนกลายเหมือนเป็นไอค่อนสำคัญ ที่ผู้คนต่างไม่อยากพลาดที่จะแวะไปเยือน

1. โตเกียวสกายทรี (Tokyo Sky Tree)

สิ่งปลูกสร้างที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยความสูง 634 เมตร หรือประมาณ 2080 ฟุต และยังเป็นหอคอยกระจายคลื่นที่สูงที่สุดในโลกอีกซึ่งเดิมเคยเป็นหน้าที่ของโตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) แต่ด้วยความสูงเพียง 333 เมตร กอปรกับการที่ใจกลางโตเกียวในขณะนั้นเต็มไปด้วยตึกสูงจำนวนมาก ทำให้สัญญาณที่ส่งออกไม่ครอบคลุม จึงได้มีการสร้างโตเกียวสกายทรีขึ้นมา และไม่เพียงแค่ความสูงเท่านั้นที่สร้างความโดดเด่น แต่การออกแบบดีไซน์ก็มีที่มาที่ไปน่าสนใจไม่แพ้กัน โดยได้แรงบันดาลใจมาจากเจดีย์ญี่ปุ่นซึ่งมักจะต้านทานแผ่นดินไหวได้ดี ด้วยโครงสร้างแบบมีเสาหลักตรงกลางและก่อตัวอาคารเป็นทรงกลมสูงขึ้นไปตามแนวดิ่ง นอกจากนั้นยังใส่ระบบต้านทานแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวกว่า 100 ตัน เข้าไปในโครงสร้างอีกด้วย

รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.tokyo-skytree.jp/en/

2. พิพิธภัณฑ์ศิลปะตะวันตกแห่งชาติ (National Museum of Western Art)

พิพิธภัณฑ์ศิลปะตะวันตกแห่งชาติก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1959 โดยเริ่มต้นด้วยการสะสมผลงานของอาจารย์มัตสึทากะ (Matsutaka Collection) เน้นแสดงผลงานศิลปะแบบอิมเพรสชั่นนิสม์ (Impressionist Painting) และงานประติมากรรมของออกุสต์ โรแด็ง (Auguste Rodin) ซึ่งเดิมเป็นการรวบรวมโดยรัฐบาลฝรั่งเศส โดยจุดประสงค์เพื่อให้ผู้คนในประเทศได้มีโอกาสชื่นชมและศึกษาเกี่ยวกับศิลปะตะวันตก พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นเพียงสถาบันเดียวในญี่ปุ่นที่อุทิศให้กับศิลปะตะวันตก และได้มีส่วนร่วมในการจัดนิทรรศการ งานศิลปะการเรียนรู้ งานวิจัย และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับศิลปะตะวันตก ในปี ค.ศ. 2016 ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ศิลปะตะวันตกแห่งชาติ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก โดยเป็นหนึ่งในอาคารที่ออกแบบโดยเลอกอร์บูซีเย (Le Corbusier) ผู้ซึ่งมีผลงานด้านสถาปัตยกรรมที่มีคุณูปการอันโดดเด่นต่อสถาปัตยกรรมสมัยใหม่

รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.nmwa.go.jp/en/

3. อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิม่า (Hiroshima Peace Memorial)

หรือที่รู้จักกันในชื่อ “โดมปรมาณู” (Genbaku Dome) เดิมเป็นอาคารพานิชย์สำหรับจัดแสดงสินค้าของทางการ แต่หลังเกิดการทิ้งระเบิดปรมาณูลูกแรก เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 โดมเก็นบาคุกลายเป็นเพียงโครงสร้างเดียวที่หลงเหลืออยู่ในบริเวณจุดศูนย์กลางของระเบิด ด้วยความพยายามของผู้คนมากมายรวมทั้งชาวเมืองฮิโรชิม่า ทำให้โดมเก็นบาคุได้รับการอนุรักษณ์ไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์เตือนความจำถึงพลังทำลายล้างอันรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติและมุ่งหวังให้เกิดสันติภาพของโลก อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิม่าตั้งอยู่ใจกลางเมืองฮิโรชิม่า ครอบคลุมพื้นที่รอบโดมเก็นบาคุ รวมไปถึงซากปรักหักพังและสวนสันติภาพ 0.99 เอเคอร์ และมีพื้นที่กันชนอีกถึง 106 เอเคอร์ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1996 แม้จะถูกตัวแทนของจีนและสหรัฐฯ คัดค้าน เพราะเกรงว่าอาจถูกนำไปบิดเบือนประวัติศาสตร์เพื่อกล่าวร้ายศัตรูของญี่ปุ่น อย่างไรก็ตามทางคณะกรรมการตัดสินใจให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเนื่องจากมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของโลก

รายละเอียดเพิ่มเติม: https://whc.unesco.org/en/list/775/

4. วัดคินคาคุจิ (Kinkakuji)

หรือเป็นที่รู้จักดีในชื่อ “วัดทอง” เนื่องจากด้านนอกของตัววัดเป็นสีทองทั้งอาคาร ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่บนผืนน้ำที่เมื่อมองภาพสะท้อนที่ผิวน้ำแล้วจะให้ความงดงามจับขั้วหัวใจ ล้อมรอบด้วยสวนญี่ปุ่นโบราณอันเขียวขจี และได้รับการยกย่องว่าเป็นสถานที่ขวัญใจของทั้งช่างภาพและคนถูกถ่ายภาพเลยก็ว่าได้ วัดคินคาคุจิ เป็นวัดของศาสนาพุทธ นิกายเซ็น ตั้งอยู่ในเมืองเกียวโต และเป็นหนึ่งในสถานที่อันมีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศเลยก็ว่าได้ ในด้านสถาปัตยกรรมที่นอกเหนือจากการเคลือบด้วยสีทองทั้งหลัง งานออกแบบโครงสร้างของวัดแทบจะนับได้ว่าเป็นต้นแบบพิมพ์เขียวยุคแรกของโครงสร้างที่อยู่อาศัยในญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ และด้วยความโบราณที่แสนคลาสสิค เรายังสามารถเห็นอิทธิพลของสิ่งปลูกสร้างหลังนี้ในงานออกแบบที่พักในปัจจุบันได้ตามที่ต่างๆ วัดคินคาคุจิ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกและเป็นสมบัติประจำชาติญี่ปุ่น

รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.shokoku-ji.jp/en/kinkakuji/

5. ปราสาทฮิเมจิ (Himeiji Castle)

เป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดที่อยู่รอดมาจากการทิ้งระเบิดปรมาณูในสงครามโลกครั้งที่สองและแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี ค.ศ.1995 ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกและเป็นสมบัติประจำชาติญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในสามปราสาทที่งดงามที่สุดร่วมกับ ปราสาทมัตสึโมโตะ และปราสาทคุมาโมโตะ และมีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดในญี่ปุ่น ในด้านสถาปัตยกรรม ปราสาทฮิเมจิ มีความโดดเด่นด้วยภายนอกของตัวอาคารที่เป็นสีขาวทั้งหลัง จนถูกเรียกว่า “ปราสาทนกกระสาขาว” เป็นสิ่งปลูกสร้างที่งดงามสมบูรณ์แบบทั้งลักษณะโครงสร้างและการออกแบบระบบคุ้มกันภัย ตั้งอยู่บนฐานหินสูงแข็งแกร่ง กำแพงสีขาวแน่นหนา มีทางเดินวนแบบก้นหอยและทางเดินภายในอาคารสลับซับซ้อนเพื่อไม่ให้ศัตรูเข้าถึงได้ง่าย ปราสาทฮิเมจิ ตั้งอยู่ในเมืองฮิเมจิ จังหวัดเฮียวโงะ ภูมิภาคคันไซ

รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.himejicastle.jp/en/

6. ศาลาว่าการกรุงโตเกียว (Tokyo Metropolitan Government Building)

เป็นอาคารศูนย์ราชการการที่มีอำนาจการปกครองดูแลทุกเมืองในโตเกียว เป็นตึกคู่หรืออาคารแฝดที่สูงเด่นเป็นสง่า ด้วยความสูง 242.9 เมตร ใจกลางย่านชินจูกุอันพลุกพล่าน ลักษณะภายนอกออกแบบให้ดูคล้ายศิลปกรรมแบบโกธิคผสมผสานกับความงดงามร่วมสมัย โดยอาคารแรกมีทั้งหมด 48 ชั้น ภายในประกอบด้วยสำนักงานและร้านค้า รวมไปถึงยังมีพิพิธภัณฑ์ตลอดจนศูนย์การเรียนรู้ ถือเป็นอาคารศูนย์ราชการที่สูงที่สุดในโลก ส่วนอาคารหลังที่สองมีทั้งหมด 37 ชั้น โดยอาคารศูนย์ราชการนี้ สร้างแล้วเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1990 ด้วยเม็ดเงินประมาณ 157 ล้านเยน

รายละเอียดเพิ่มเติม: https://en.wikipedia.org/wiki/Tokyo_Metropolitan_Government_Building

7. โยโกฮาม่าแลนด์มาร์คทาวเวอร์ (Yokohama Landmark Tower)

โยโกฮาม่าแลนด์มาร์คทาวเวอร์ เคยเป็นอาคารที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1993 ก่อนจะเสียตำแหน่งให้กับตึก Abeno Harukas ในโอซาก้าไปในเมื่อปี ค.ศ. 2012 และปัจจุบันกลายเป็นสิ่งปลูกสร้างที่สูงเป็นอันดับสี่ของประเทศ ด้วยความสูง 296.3 เมตร ตั้งอยู่ในย่าน Minato Miraj 21 ในเมืองโยโกฮาม่า ภายในตัวอาคารประกอบด้วยโรงแรมห้าดาวซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 49-70 มีห้องพักให้บริการ 603 ห้อง ชั้นล่างประกอบด้วยร้านค้า ร้านอาหาร คลินิก สำนักงาน ฯลฯ โดยจุดไฮไลท์อยู่ที่จุดชมวิว Sky Garden บนชั้น 69 ซึ่งสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของทั้งเมืองได้แบบ 360 องศา และในวันที่อากาศแจ่มใส ยังสามารถมองเห็นวิวไกลๆ ของภูเขาไฟฟูจิได้อีกด้วย โดยโครงสร้างของอาคารมีการสร้างระบบรองรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวที่มีมาตรฐานสูงมาก

รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.yokohamajapan.com/

8. วัดโทไดจิ (Todaiji Temple)

มีอีกชื่อเรียกคือ “วัดหลวงพ่อโตแห่งนาระ” (Daibutsu of Nara) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 728 เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่หล่อด้วยทองสัทฤทธิ์ทั้งองค์ มีความสูงถึง 14.98 เมตร อันมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้พระพุทธองค์ทรงปกป้องคุ้มครอบประชาชนจากภัยพิบัติและภยันตรายทั้งปวง ตั้งอยู่ในจังหวัดนาระ ภูมิภาคคันไซ เป็นวัดในศาสนาพุทธ ประกอบด้วยอาคารสักการหลายหลังและเจดีย์อีกสององค์ โดยอาคารหลัก (อันเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโต) เคยได้รับการบันทึกว่าเป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อนจะถูกอาคารไม้สมัยใหม่หลังอื่นแย่งตำแหน่งไปในปี ค.ศ. 1998

รายละเอียดเพิ่มเติม: http://www.todaiji.or.jp/english/

9. ตึกระฟ้าอุเมดะสกาย (Umeda Sky Building)

หนึ่งในแลนด์มาร์คย่านอุเมดะ ในจังหวัดโอซาก้า สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1993 ประกอบด้วยอาคารหลัก 2 อาคาร มีทั้งหมด 40 ชั้น โดยทั้งสองอาคารถูกเชื่อมด้วยส่วนเชื่อมต่อด้านบนที่ชั้น 40 อันมีจุดไฮไลท์ที่จุดชมวิว “Kuchu-Teien Observatory” ซึ่งสามารถชมทิวทัศน์ของโอซาก้าทั้งเมืองได้พร้อมๆ กับสูดอากาศอันสดชื่นเนื่องจากเป็นชั้นดาดฟ้า ภายในตัวอาคารประกอบด้วย สำนักงาน ร้านค้า ร้านอาหาร โชว์รูม โรงภาพยนตร์ ไนต์คลับ และฮอลล์สำหรับจัดอีเว้นท์และกิจกรรมทั่วไป ออกแบบโดย ศาสตราจารย์ ฮิโรชิ ฮาระ ให้มีความโดดเด่นสำหรับเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของโอซาก้า โดยอาคารทั้งสองมีโครงสร้างทั้งภายในและภายนอกคล้ายกันแทบจะทุกจุด

รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.skybldg.co.jp/en/

10. วัดเบียวโดอิน (Byodo-in Temple)

วัดเบียวโดอิน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก โดยเป็นหนึ่งในอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ของเกียวโตโบราณ และได้ชื่อว่าเป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ตั้งอยู่ในเมืองอุจิ จังหวัดเกียวโต สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 998 โดยมีอาคารหลักคือ ศาลาหงส์ ประกอบด้วยโถงกลางอันเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปอมิตาพุทธะ ขนาบข้างด้วยปีกระเบียงทั้งสองด้านและระเบียงด้านหลังของศาลา บนหลังคามีรูปปั้นหงส์ โดยศาลาหงส์นี้เองที่ได้รับการยกย่องว่างดงามด้วยสถาปัตยกรรมของตัวมันเองบวกกับทัศนียภาพของสวนโบราณที่อยู่ใกล้เคียง โดยแนวคิดดั้งเดิมในการออกแบบศาลาและสวนแห่งนี้คือ การจำลองดินแดนสุขาวดีมาไว้บนโลกนี้

รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.kintetsu.co.jp/foreign/thai/sightseeing/kyoto/spot02.html


จบไปแล้วกับ 10 อาคารในญี่ปุ่น ที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ด้านสถาปัตยกรรม และเปรียบเสมือนเป็นแลนด์มาร์คของย่านที่แต่ละอาคารเหล่านี้ได้ตั้งอยู่ แน่นอนว่านี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีอาคาร สถานที่ และโครงสร้างต่างๆ ที่งดงาม โดดเด่น และเปี่ยมด้วยเรื่องราวที่น่าจดจำ อยู่อีกมากมายในประเทศญี่ปุ่น ถ้ามีโอกาสและเวลา ทางผู้เขียนสัญญาว่าจะพยายามรวบรวมสถาปัตยกรรมอื่นๆ มาแบ่งปันให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันในบทความต่อๆ ไป

♦ END ♦

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
RELATED POST

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!