ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก ต้องไปที่ไหน

first time japan-c2bc8846

จากที่ค่าเงินเยนได้มีความอ่อนตัวลงมาก บวกกับการผ่อนคลายทางมาตรการต่างๆในการเดินทางต่างประเทศ ทำให้คนไทยหลายคนเลือกที่จะเดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก ใครที่เคยไปแล้วก็ไปอีกกันหลายรอบ ยิ่งกว่านั้นยังมีเฟรชชี่ นักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ที่ไม่เคยเดินทางไปญี่ปุ่นมาก่อน ก็ได้มีโอกาสไปเปิดโลกใหม่เที่ยวญี่ปุ่นในครั้งนี้ 

บทความวันนี้เลยจะเน้นการนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในประเทศญี่ปุ่นฉบับกะทัดรัด เวลาน้อย ให้กับนักท่องเที่ยวเฟรชชี่ที่ไม่เคยไปแตะดินแดนปลาดิบนี้มาก่อน เพื่อให้ได้รู้จักว่าเมื่อถึงญี่ปุ่นแล้วควรจะไปที่ไหน ไม่งั้นไม่ถือว่าได้มาถึงญี่ปุ่น

โตเกียวทาวเวอร์

Photo from https://jp.freepik.com/free-photo/traffic-and-tokyo-cityscape-at-night-japan_10695358.htm#query=tokyo%20tower&position=6&from_view=search&track=ais4

ลำดับแรกเมื่อมาถึงเมืองโตเกียวต้องไปที่จุดศูนย์กลางหลักที่โดดเด่นที่สุดของเมืองนี้นั่นคือโตเกียวทาวเวอร์ ถึงแม้ว่าจะมีโตเกียวสกายทรีที่มีความสูงกว่า โตเกียวทาวเวอร์ยังคงยืนหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญที่ทุกคนให้ความสำคัญว่าเป็นเอกลักษณ์ของเมืองโตเกียวอยู่เสมอ ด้วยสีแดงออกส้มตัดกับสีขาวคล้ายคลึงกับสีธงชาติของประเทศญี่ปุ่น ทำให้เราได้รู้สึกถึงจิตวิญญาณของชนชาติญี่ปุ่นอย่างแท้จริง 

บรรยากาศโดยรอบก็เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล ช่วงฤดูใบไม้ผลิที่สามารถถ่ายรูปคู่โตเกียวทาวเวอร์กับดอกซากุระที่บานอยู่รอบๆในบริเวณนั้น เมื่อมาถึงฤดูใบไม้ร่วงก็จะให้บรรยากาศที่อบอุ่นด้วยใบไม้เปลี่ยนสี ส้ม แดง เหลืองล้อมรอบกลมกลืนกับสีของตัวทาวเวอร์เอง และด้วยความสูง 333 เมตร ทำให้มองเห็นวิวได้สวยกว่าหอไอเฟลที่เมืองปารีสและได้บรรยากาศดีกว่าโตเกียวสกายทรีอีกด้วย 

tower
ไปขึ้น Tower ดูวิวมุมสูงของแต่ละเมืองใครที่กำลังมองหากิจกรรมหรือสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ขอแนะนำหอดูวิวกลาง...

ถนนทาเกชิตะ(Takeshita) 

Photo from https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Takeshita_Street_in_December_2018.jpg

ถัดมาคือถนนที่รู้จักในนาม “ถนนแห่งแฟชั่นของประเทศญี่ปุ่น” ถนนทาเกชิตะตั้งอยู่ที่สถานีฮาราจูกุ(Harajuku) เป็นถนนที่ไม่กว้างด้วยซ้ำ เป็นเพียงแค่ตรอกซอยทางเดินระยะทาง 400 เมตรเท่านั้น แต่มีร้านค้าแฟชั่นและร้านอาหารต่างๆเรียงรายกันอย่างครบถ้วน นอกจากแบรนด์เสื้อผ้าและแฟชั่นยอดนิยมต่างๆยังมีร้านเสื้อผ้าท้องถิ่นของประเทศญี่ปุ่นมากมายเช่นกัน 

ในช่วงวันสุดสัปดาห์ก็จะมีวัยรุ่นชาวญี่ปุ่นแต่งคอสเพลย์เป็นตัวการ์ตูนต่างๆมาเดินช็อปปิ้งกันที่ตรอกซอยนี้ ซึ่งเราจะเห็นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุก ความน่ารักและสีสันตลอดทาง เราสามารถขอถ่ายรูปกับกลุ่มคนที่แต่งคอสเพลย์ได้ แต่ลืมขออย่างสุภาพนะครับ ส่วนคาเฟ่ละร้านอาหารต่างๆที่นี่ก็เสิร์ฟอาหารที่น่ารักสไตล์ญี่ปุ่นคิคุคิคุ ไม่ว่าจะเป็นเครปญี่ปุ่นหรือขนมสายไหมหลากสีที่เมื่อมาถึงถนนทาเคชิตะแล้ว ไม่ลองไม่ได้เลยนะ 

Photo from https://jp.freepik.com/premium-photo/woman-holding-a-crape-cake-at-street_40122378.htm#query=%E6%97%A5%E6%9C%AC%E3%82%AF%E3%83%AC%E3%83%BC%E3%83%97&position=17&from_view=search&track=sph

สี่แยกชิบูย่า(Shibuya) 

Photo from https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Shibuya-Crossing-Evening-01.jpg

เราไปต่อกันที่สถานีชิบูย่า สถานีชื่อดังที่ใครมาเมืองโตเกียวก็ต้องมาเดินข้ามสี่แยกที่จัดว่าเป็นสี่แยกที่ยุ่งวุ่นเวิ้งและคนเดินข้ามเยอะที่สุดในโลก มีทางม้าลายข้ามถนนอยู่ 5 จุด เมื่อถึงเวลาที่ไฟเขียวสว่างขึ้น เราก็จะเห็นผู้คนเดินข้ามกันอย่างยั้วเยี้ยมากกว่า 1,000 คนในเวลาเดียวกัน และเคยทำประวัติการสูงสุดในปี 2016 คือกว่า 3,000 คนในช่วงเวลาหนึ่งไฟเขียว 

สี่แยกชิบูย่าจะมีป้ายโฆษณาต่างๆขนาดเล็กและใหญ่รอบบริเวณ เหมือนกับ Time Square ที่ new york ประเทศสหรัฐอเมริกา จึงเป็นจุดศูนย์รวมทั้งการค้า แฟชั่น ร้านอาหารและการคมนาคมสำคัญของเมืองโตเกียว เราจะเห็นทั้งพนักงานบริษัทจำนวนมาก นักเรียน นักท่องเที่ยวหลายคนที่สี่แยกนี้ ทางด้านหน้าของสถานีชิบูย่าก็จะมีรูปปั้นของน้องหมาที่ชื่อว่า “ฮาจิโกะ(Hachiko)” ซึ่งเป็นน้องหมาในตำนานที่รอคอยเจ้าของผู้เสียชีวิตไปแล้วกลับมาตลอดจนตัวเองก็ได้แก่ตายจากไป ณ ที่หน้าสถานีนี้ นักท่องเที่ยวอย่าลืมมาถ่ายรูปกับน้องหมาผู้แสนซื่อสัตย์นี้กันเป็นที่ระลึกนะ 

ศาลเจ้าเมจิ

Photo from https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Meiji-Jingu-Shrine-01.jpg

เดินต่อมาไม่ไกลจากสถานีชิบูย่า เราก็จะมาถึงศาลเจ้าแห่งเดียวที่อยู่ใจกลางเมืองในโตเกียวนั่นคือศาลเจ้าเมจิ(Meiji) จะมีประตูศาลเจ้าหรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า “โทริ” ขนาดมโหฬารตั้งอยู่ทางด้านทางเข้า เมื่อเราเดินผ่านเข้ามาเราก็จะเห็นบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง จากการที่เดินมาในเมืองเต็มไปด้วยตึกสูงใหญ่มากมาย พอมาถึงศาลเจ้าเมจิแล้ว บรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นพื้นที่สีเขียวด้วยต้นไม้ในบริเวณกว่า 120,000 ต้น ให้ความสงบและร่มรื่นต่างจากเมืองโตเกียวปกติ ที่สำคัญเป็นสถานที่ที่มีสปิริตของสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญของประเทศญี่ปุ่นสถิตอยู่บริเวณนี้ด้วย 

นอกจากเราจะได้มาชมความสวยงามทางสถาปัตยกรรมโบราณของวัฒนธรรมญี่ปุ่น เรายังจะได้ชมสวนญี่ปุ่นที่สวยงามภายในบริเวณศาลเจ้า อีกทั้ง ยังได้มีโอกาสมานมัสการขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตอยู่ที่นี่เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางและความโชคดีของเราในอนาคตอีกด้วย

ภูเขาไฟฟูจิ

Photo from https://www.maxpixel.net/Mount-Fuji-Tourism-Cars-Street-Japan-Road-Travel-6749840

ภูเขาไฟฟูจิ ภูเขาชื่อดังที่ถูกบันทึกเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2013 ด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรมที่เปรียบเสมือนตัวแทนของคนญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณ รวมกับความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ ณ บริเวณโดยรอบของภูเขาไฟ จนได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติให้เป็นมรดกสำคัญของโลก ภูเขาไฟฟูจิมีความสูงทั้งหมด 3776 เมตรเหนือน้ำทะเล ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับสนิท แต่เราสามารถชมความสวยงามของภูเขาไฟนี้ได้ตลอดปี จุดเด่นที่สุดคือ ในช่วงฤดูหนาว ที่มากกว่าครึ่งของภูเขาไฟปกคลุมด้วยหิมะสีขาว เป็นภาพถ่ายที่ทุกคนพูดถึง เมื่อนึกถึงประเทศญี่ปุ่น ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายนในช่วงฤดูร้อน เราสามารถปีนขึ้นไปบนยอดภูเขาไฟฟูจิ เพื่อชมแสงแรกของพระอาทิตย์ญี่ปุ่นได้ 

การเดินทางไปภูเขาไฟฟูจิจากเมืองโตเกียวก็ไม่ยาก สามารถใช้บริการรถทัวร์ไปกลับในวันเดียวได้ หรือถ้าใครชอบช้อปปิ้งก็ใช้บริการรถบัสจากสถานีใหญ่ต่างๆทั้ง ชินจุกุ(Shinjuku) ชิบุย่า(Shibuya) และสถานีโตเกียว(Tokyo) ไปที่ Outlet Gotemba ซึ่งอยู่ในจังหวัดชิซูโอกะ ที่นั่นเราก็สามารถชมความงามของภูเขาไฟฟูจิพร้อมกับสนุกไปกับการช้อปปิ้งได้ในตัวเลย 

shopping
Shop กระจายที่ 5 Outlet parks ใหญ่ในญี่ปุ่นเที่ยวญี่ปุ่นทั้งที ใครจะพลาดแวะช้อปปิ้งกระหน่ำที่ Outlet Park ก่อนแ...
fuji
มีอะไรบนยอดภูเขาไฟฟูจิ ?ทุกคนรู้จักภูเขาไฟฟูจิ landmark สำคัญของประเทศญี่ปุ่นกันดี และอีกหลา...

รถไฟหัวจรวดชิงคันเซ็น

Photo from https://www.maxpixel.net/Tokaido-And-Sanyo-Shinkansen-Bullet-Train-Hiroshima-1918480

มาถึงญี่ปุ่นไม่นั่งรถไฟหัวจรวดชิงคันเซ็นถือว่ามาไม่ถึงจริงๆ รถไฟชิงคังเซนเป็นรถไฟความเร็วสูงที่สามารถวิ่งได้เร็วถึง 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเราสามารถเดินทางจากโตเกียวไปโอซาก้าได้ภายในเวลา 2 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น เร็วกว่าหลายเท่ากับการนั่งรถบัสที่ใช้เวลาเกินกว่า 8 ชั่วโมง จากโตเกียวสามารถขึ้นได้ 2 สถานีคือสถานีหลักโตเกียวและสถานีชินากาว่า (shinakawa)  

วิธีการใช้บริการก็ง่ายมาก แค่เราไปซื้อตั๋วจากเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติหรือสามารถซื้อที่เคาน์เตอร์ขายตั๋วตามสถานีใหญ่ได้ ขบวนรถไฟจะแบ่งเป็น 3 ประเภทหลักๆคือรถไฟตู้สำหรับที่นั่งอิสระซึ่งจะมีราคาที่ถูกที่สุดแต่ไม่สามารถระบุที่นั่งได้ประเภทที่ 2 คือรถไฟตู้สำหรับบัตรที่มีระบุที่นั่งซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการกำหนดที่นั่งที่ต้องการและประเภทตู้ที่ 3 คือ Green Car หรือตู้ที่ให้ความสะดวกสบายมากขึ้น มีพื้นที่กว้างขวางมากขึ้นและที่นั่งที่ดีกว่าตู้อื่นๆ ซึ่งแน่นอนราคาตั๋วก็จะแพงขึ้น 

train
รู้จักทุกประเภทรถไฟในญี่ปุ่นการเดินทางด้วยตัวเองในประเทศญี่ปุ่นอาจจะเป็น challeage ใหญ่สำหรับใคร...

ถนนโดตงบุริ (Do-tonburi)

Photo from https://jp.freepik.com/premium-photo/elegant-asian-girl-using-phone-checking-the-right-direction-finding-hotel-while-having-business-trip-in-japan-young-lady-holding-cellphone-using-online-map-app-dotonbori-osaka-on-sunny-day-outdoor_32704319.htm#query=%E9%81%93%E9%A0%93%E5%A0%80%E3%80%80%E3%82%AB%E3%83%8B&position=0&from_view=search&track=sph

พอมาถึงโอซาก้า สถานที่แรกที่ต้องไปนั่นคือถนนโดยตรงบุริซึ่งสามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจากสถานีชินโอซาก้า(Shin-Osaka)ซึ่งเป็นสถานีรถไฟชิงคันเซ็นมายังสถานีนัมบะ(Namba)หรือจะใช้รถไฟใต้ดินมาที่สถานีชินไซบะชิ (Shinsaibashi) ก็ได้ ที่ถนนโดตงบุริเป็นถนนที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองโอซาก้าซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางรวมร้านอาหาร ของอร่อย ของดังของจังหวัดนี้ตัวอย่างเช่นขนมทาโกะยากิและขนมโอโคโนมิยากิ และยังเป็นถนน shopping ที่มีทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากได้และราคาถูกกว่าโตเกียวอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นของแบรนด์ ของใช้ทั่วไปหรือสินค้าแฟชั่นและของเบ็ดเตล็ดน่ารักเป็นอื่นๆแบบญี่ปุ่นก็มีให้เลือกซื้อจนสามารถเดินช็อปปิ้งได้ทั้งวันจริงๆ 

Photo from https://jp.freepik.com/premium-photo/osaka-japan-june-14-2017-osaka-cityscape-at-night-full-of-shining-billboards-dotonbori-area-is-one-of-tourist-attraction-with-a-lot-of-restaurants-shopping-stores-and-entertainments_18676037.htm#query=%E9%81%93%E9%A0%93%E5%A0%80&position=2&from_view=search&track=sph

เมื่อมาถึงที่นี่แล้วทุกคนก็จะถ่ายรูปคู่กับปูยักษ์แดงขยับได้ที่ตรงหน้าปากทางซึ่งเป็นร้านอาหารที่เสิร์ฟทุกเมนูที่เกี่ยวกับปูยักษ์กล้ามใหญ่ และอีก 1 จุดนั่นคือถ่ายรูปคู่กับกูลิโกะซึ่งเป็นป้ายโฆษณาติดอยู่บนตึกริมน้ำในบริเวณใกล้เคียงด้วย ถ้าเดินริมน้ำไปต่อก็จะเห็นห้างดองกี้โฮเต็ล ซึ่งจะมีเป็นเหมือนชิงช้าสวรรค์สีเหลืองอยู่ด้านหน้า ร้านนี้ขายทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่อาหาร เครื่องสำอาง แบรนด์เนม ของใช้ในบ้านเครื่องใช้ไฟฟ้า กระเป๋าเดินทางและของเล่นสำหรับผู้ใหญ่ เอาเป็นว่า ถ้ามาที่ถนนโดยตรงบุรินี้คุมกระเป๋าตังให้อยู่ก็แล้วกัน 

ปราสาทโอซาก้า 

Photo from https://jp.freepik.com/free-photo/osaka-castle_3985227.htm#query=%E5%A4%A7%E9%98%AA&position=1&from_view=search&track=sph

เมื่อมาถึงเมืองโอซาก้าแล้วก็พลาดไม่ได้ที่จะต้องไปเยี่ยมชมความสวยงามและความอลังการของปราสาทโอซาก้า ปราสาทนี้เป็นหนึ่งในประสาทสำคัญของประเทศญี่ปุ่นที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 16 มีบริเวณกว้างขวางมากกว่า 61,000 ตารางเมตร มีบ่อน้ำล้อมรอบตัวประสาทซึ่งแสดงถึงการป้องกันข้าศึกที่จะมาโจมตีตัวประสาทในอดีตกาล ตัวปราสาทโอซาก้าเองถูกสร้างด้วยหินขนาดใหญ่ซึ่งบ่งบอกถึงการพัฒนาทางด้านวิศวกรรมในสมัยนั้นได้อย่างชัดเจน

นอกเหนือจากตัวประสาทที่มีความสวยงามและความสำคัญแล้ว บริเวณรอบข้างก็มีสวนญี่ปุ่นที่ความรู้สึกถึงจิตวิญญาณของคนญี่ปุ่นอย่างแท้จริง ในช่วงเทศกาลก็จะมีการจัด Event ต่างๆ ตัวอย่างเช่น ถ้านักท่องเที่ยวมาในช่วงฤดูใบไม้ผลิก็จะได้ชมเทศกาลดอกซากุระณที่บริเวณตัวประสาทเอง หรือถ้าเป็นช่วงหน้าร้อนก็อาจจะมีการแสดงหรือการออกร้านอาหารร้านขายของหน้าร้อนก็ได้


 

แค่นี้เพียงเวลา 4 วัน 3 คืนก็สามารถเก็บทุกเม็ดที่จัดว่าเป็นสิ่งสำคัญเมื่อมาเยือนประเทศญี่ปุ่นได้ครบหมดแล้ว แน่นอน ถ้ามีเวลามากกว่านี้ก็สามารถเดินทางต่อไปเมืองอื่นๆได้อีกซึ่งก็จะเน้นไปทางด้านประวัติศาสตร์ ช้อปปิ้ง การกินและท่องเที่ยวธรรมชาติในหลายๆแบบแผนแตกต่างกันไป แต่สำหรับคนที่ไม่เคยมาญี่ปุ่นเลยต้องเก็บและเช็คอินสถานที่เหล่านี้ให้หมดนะครับ 

Tokyo vs osaka
เปรียบเทียบ 2 เมืองใหญ่ โตเกียว และ โอซาก้า ในด้านต่างๆ2 เมืองใหญ่ในญี่ปุ่น สุดยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทย “โตเกียว และโอ...
ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
ABOUT ME
Ammer
สวัสดีครับ ผมแอมเมอร์ ครับ จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัย Nanzan University ที่ประเทศญี่ปุ่นและใช้ชีวิตอยู่ญี่ปุ่นกว่า 7 ปี อดีต เป็นพนักงานต้อนรับบนเรื่องบินและบินเส้นทางญี่ปุ่นอยู่บ่อยๆ ทำให้มีความคุ้นเคยกับญี่ปุ่นตั้งแต่เหนือจดใต้ ประเทศญี่ปุ่นเปรียบเสมือนบ้านหลังที่ 2 ปัจจุบันทำงานเป็นให้กับบริษัทเอกชนชื่อดัง นอกเหนือจากงานเขียนบน OhHoTrip ยังมีผบงานเขียนหนังสือออนไลน์ เรียน"ญี่ปุ่น" ยังไงให้รอด และช่อง Youtube เกี่ยวกับการเรียนภาษาญี่ปุ่นและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ถ้าชอบ Blog ที่ผมเขียน ช่วยกด LIKE กดแชร์ด้วยนะครับ :) https://www.youtube.com/c/Ammerkongtangjitt-japan
RELATED POST

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!