ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

รู้จักทตโตริและเฮียวโงะ..สองจังหวัดชายฝั่งทะเลที่มีเสน่ห์ไม่ซ้ำใคร

CV_TOTHYO-0c4bcd6f

โดยปกติแล้ว นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นมักมีจุดหมายปลายทางอยู่ตามหัวเมืองใหญ่และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก อย่างเช่น โตเกียว โอซาก้า เกียวโต ฮอกไกโด ฯลฯ แต่ในบทความนี้ เราจะนำทุกท่านไปทำความรู้จักกับสองจังหวัดชายฝั่งทะเล อย่าง ทตโตริ (Tottori) และ เฮียวโงะ (Hyogo) ที่อาจจะถูกกล่าวถึงน้อยกว่าเมืองใหญ่ๆ แต่ความน่าสนใจมีเพียบจนต้องเขียนถึงเลยทีเดียว

ทำความรู้จัก ทตโตริ (Tottori) และ เฮียวโงะ (Hyogo)

"ทตโตริ" และ "เฮียวโงะ" เป็นสองจังหวัดที่อยู่ติดกันทางตะวันตกตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น มีบางส่วนของพื้นที่ติดกับชายฝั่งทะเลญี่ปุ่นและมหาสมุทรแปซิฟิก

นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางข้ามไปมาระหว่างทตโตริและเฮียวโงะ รวมไปถึงเมืองใหญ่ๆได้อย่างง่ายดาย เพราะมีเที่ยวบินตรงจากโตเกียว โอซาก้า และฟุกุโอกะ ให้บริการทุกวัน รวมไปถึงการเดินทางโดยรถไฟและรถบัสโดยสารโดยใช้บริการ Sanyo-San’in Pass และ Kansai Wide Pass ที่ครอบคลุมการเดินทาง แถมยังสะอาดสะดวกสบาย และราคาไม่แพง ทำให้ง่ายต่อการเข้าถึงพื้นที่ของเมืองเล็กๆในท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี

จังหวัดทตโตริ (Tottori Prefecture)

ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะฮอนชู ในภูมิภาคชูโงกุ ทิศเหนือติดกับทะเลญี่ปุ่น ทิศตะวันออกติดกับจังหวัดเฮียวโงะ ทิศใต้ติดกับจังหวัดโอกายามะและจังหวัดฮิโรชิมะ ทิศตะวันตกติดกับจังหวัดชิมาเนะ ประกอบด้วย 4 เมือง คือ คุราโยชิ (Kurayoshi-shi) ซาไกมินาโตะ (Sakaiminato-shi) ทตโตริ (Tottori-shi) และ โยนาโงะ (Yonago-shi) โดยมีเมืองทตโตริเป็นเหมืองหลวงของจังหวัด

การเดินทาง: ใช้เวลาประมาณ 80 นาที จากโตเกียวโดยเครื่องบิน หรือนั่งรถไฟเพียงไม่กี่ชั่วโมงจากโอซาก้าและเกียวโต

ลักษณะเด่น: ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขา ห้อมล้อมด้วยทะเลญี่ปุ่นอันกว้างใหญ่ มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และงดงาม เป็นจุดหมายในฝันสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการหาความแปลกใหม่ และสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปีเพราะทตโตริมีสถานที่ท่องเที่ยวตามฤดูกาลที่งดงามและน่าสนใจอยู่อย่างมากมาย

อาหารประจำถิ่น: เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับชายฝั่งทะเล ทำให้โดดเด่นเรื่องอาหารทะเลทั้งกุ้งหอยปูปลา เรียกว่ามีให้กินแบบสดๆไม่ขาดแคลน ไม่ว่าจะเป็น ปูมะทสึบากานิ ปูทะเลเนื้อแน่นรสหวานและเป็นอาหารประจำฤดูหนาวของทตโตริ หรือจะเป็นปูเบนิซุไว จากเมืองซาไกมินาโตะ ที่มีชื่อเสียงสุดๆจากอนิเมะชื่อดัง “GeGeGe no Kitaro” หรืออสูรน้อยคิตาโร่ นั่นเอง และนอกจากอาหารทะเลแล้ว ทตโตริยังได้ชื่อว่าเป็นแหล่งเพาะพันธุ์วัวเนื้อที่มีคุณภาพมาตังแต่สมัยเอโดะ และเนื้อวัวสายพันธุ์ทตโตรินั้นว่ากันว่าฉ่ำนุ่มละลายในปากไม่แพ้ใคร

สถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดของจังหวัดทตโตริ

1. เนินทรายทตโตริ (Tottori Sand Dunes)

เนินทรายทตโตริ (Tottori Sand Dunes) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของทตโตริและญี่ปุ่นตะวันตก สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างมากมายในแต่ละปี ตั้งอยู่ในอุทยานธรณีซานอินไคกัง มีพื้นที่กว้างใหญ่ ระยะทางวัดจากเหนือไปใต้ 2.4 กิโลเมตร จากตะวันออกไปตะวันตก 16 กิโลเมตร เป็นเนินทรายชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ไฮไลท์คือ ริ้วทรายแสนสวยที่เกิดจากการพัดทรายจากเนินทรายโดยลมทะเล ที่ต้องได้มองเห็นด้วยตาสักครั้ง และ จุดชมวิวที่เรียกว่า อิมะโนเสะ หรือ เนินหลังม้า เป็นเนินทรายสูงที่เมื่อมองจากจุดนั้นจะสามารถมองภาพของทะเลญี่ปุ่นได้สุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว

ในฤดูใบไม้ร่วง จะเป็นช่วงเวลาที่สบายและผ่อนคลายที่สุด ท้องฟ้าโปร่ง สายลมเย็นสดชื่นพัดปะทะร่างกายแผ่วเบา และช่วงปลายเดือนตุลาคมไปจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน บางส่วนของเนินทรายจะปกคลุมไปด้วยพรมสีแดงม่วงของทุ่งดอกรัคคิว ซึ่งเป็นดอกไม้ที่เกิดขึ้นเฉพาะตามเนินทรายเท่านั้น

ในฤดูหนาว ทั่วทั้งเนินทรายจะปกคลุมด้วยหิมะสีขาว และภาพของริ้วหิมะสีขาวละเอียดอันงดงาม ก็นับเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของการเที่ยวทตโตริในฤดูหนาว

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.tottori-tour.jp/th/sightseeing/125/

2. พิพิธภัณฑ์ศิลปะทราย (The Sand Museum)

พิพิธภัณฑ์ศิลปะทรายที่เนินทรายทตโตริ เป็นพิพิธภัณฑ์ในร่มแห่งเดียวในโลกที่มีการจัดแสดงศิลปะการแกะสลักทราย ซึ่งเป็นศิลปะอันงดงามที่ต้องใช้ความละเอียดและปราณีตอย่างสูง แต่สามารถพังทลายลงได้ง่ายดาย จึงเป็นที่มาว่าการแสดงนิทรรศกาลศิลปะทรายนั้น จะต้องมีการจำกัดระยะเวลาในการแสดงของแต่ละโปรเจ็คต์ ทำให้เป็นงานศิลปะที่หาชมได้ยากและมีคุณค่ามหาศาลทางจิตใจ

ข้อมูลเพิ่มเติม: http://www.sand-museum.jp/en/

3. ภูเขาไดเซน (Mount Daisen)

เป็นภูเขาที่ได้รับยกย่องว่าสวยงามเป็นอันดับสามของญี่ปุ่น รองจากภูเขาไฟฟูจิ และภูเขายาริกะตาเกะ มีจุดสูงสุดอยู่ที่ยอดเขามิเซ็นของไดเซ็น มีความสูง 1,709 เมตร จากระดับน้ำทะเล และเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในภูมิภาคชูโงกุ มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และงดงามอย่างมากในตลอดทั้งสี่ฤดู และยังเป็นจุดปีนเขาที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นตะวันตก ในสมัยเมจิ ภูเขาไดเซ็นเคยเป็นภูเขาที่ห้ามผู้ใดเข้าไปเนื่องจากเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาพุทธนิกายซังคะขุ ทำให้ธรรมชาติแทบไม่ถูกรุกล้ำทำลายจนเหลืออยู่ถึงปัจจุบัน

เนื่องจากลักษณะทางกายภาพของภูเขาที่เหมาะกับกีฬาปีนเขา ทำให้มีนักปีนเขามากมายมุ่งหน้ามายังภูเขาแห่งนี้ แต่หากนักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องการปีนเขา ก็สามารถใช้บริการนั่งกระเช้าลอยฟ้าชมวิว หรือจะเลือกกิจกรรมเดินป่าสำรวจความงามของทัศนียภาพที่รายล้อม ก็จะได้อีกอรรถรสที่อิ่มตาอิ่มใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

ข้อมูลเพิ่มเติม: http://en.go-to-japan.jp/daisenguide/

4. วัดไดเซนจิ (Daisenji Temple)

วัดไดเซนจิเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนภูเขาไดเซน เป็นวัดในศาสนาพุทธนิกายเท็นได ถูกค้นพบตั้งแต่ ค.ศ.718 ในปี ค.ศ. 1928 เคยถูกไฟไหม้จนเกิดความเสียหายก่อนจะได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ในปี ค.ศ. 1951 ในช่วงปี ค.ศ. 794-1185 หรือในสมัยเฮอันเป็นยุคที่พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด และได้มีการสร้างวัดน้อยใหญ่บนภูเขาไดเซนมากมาย จนในปัจจุบันได้มีการค้นพบวัดบนภูเขาไดเซนถึง 100 วัด และมีนักบวชกว่า 3,000 คน

วัดภูเขาไดเซนจิได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวงจากการเคลื่อนไหวต่อต้านศาสนาพุทธหรือไฮบุทสึคิชะกุหลังการปฏิรูปเมจิเมื่อปีค.ศ. 1868 วัดแห่งนี้จำต้องปิดตัวลงในปีค.ศ. 1875 ก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้เปิดอีกครั้งเมื่อปีค.ศ. 1903 ในฐานะส่วนหนึ่งของศาสนาพุทธนิกายเท็นได

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://tourismdaisen.com/en/01/

http://www.houki-town.jp/p/15/2/1/18/#preview

5. ตามรอยโคนันที่มังงะแฟคทอรี่ (Gosho Aoyama Manga Factory)

เพราะทตโตริเป็นจังหวัดบ้านเกิดของอาจารย์อาโอยามะ นักวาดการ์ตูนเจ้าของผลงานมังงะชื่อดัง “นักสืบจิ๋วโคนัน” จึงได้มีการสร้างพิพิธภัณฑ์เพื่อรวบรวมผลงานของอาจารย์อาโอยามะก่อนจะเขียนโคนัน เพื่อบอกเล่าความเป็นมาและแรงบันดาลใจที่ก่อให้เกิดงานเขียนกระหึ่มโลก รวมทั้งยังมีโซนถ่ายรูปและของที่ระลึกที่น่าจะถูกใจสาวกโคนันอย่างแน่นอน

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.gamf.jp/english/35.html

จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo Prefecture)

จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo Prefecture): ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะญี่ปุ่น ในภูมิภาคคันไซ ทิศเหนือติดกับทะเลญี่ปุ่น ทิศตะวันออกติดกับจังหวัดโอซาก้าและเกียวโต ทิศใต้ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก ทิศตะวันตกติดกับจังหวัดทตโตริและโอกายามะ ประกอบด้วย 29 เมือง โดยมีโกเบเป็นเหมืองหลวงของจังหวัด มีความสำคัญเป็นเมืองท่าและโรงงานอุตสาหกรรม ส่วนเมืองสำคัญอื่นๆในจังหวัด ได้แก่ ทาจิมะ ทัมบะ ฮาริมะ ฮันชิน และอาวาจิ

การเดินทาง: จากสนามบินนานาชาติคันไซ (KIX) สามารถใช้บริการรถไฟหรือรถประจำทางโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ถ้ามาจากโตเกียวสามารถนั่งชินคันเซ็น ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 50 นาที และอยู่ห่างจากสถานีชินโอซาก้าเพียง 13 นาที

ลักษณะเด่น: ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบสลับหุบเขา มีภูเขาสูงพาดผ่านตรงกลางแบ่งจังหวัดออกเป็นเหนือใต้ ทำให้มีความแตกต่างของภูมิอากาศอย่างชัดเจน โดยทางใต้ฝั่งทะเลเซโตะจะแห้งและมีฝนเล็กน้อย อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีสูงกว่าโตเกียว ส่วนทางเหนือที่ติดกับทะเลญี่ปุ่นจะมีฝนตกชุก ในฤดูหนาวจะมีหิมะตกหนักและอากาศหนาวเย็น

อาหารประจำถิ่น: เนื้อโกเบ คือเนื้อวัวเกรดดีเยี่ยมที่สุดในโลก ซึ่งที่โกเบก็มีร้านที่ปรุงอาหารจากเนื้อแทรกไขมันกลมกล่อมละมุนลิ้นนี้อยู่มากมาย พร้อมให้คุณได้มาสัมผัสรสชาติชั้นสูงนี้ได้ทุกวัน แต่ไม่เพียงแค่เนื้อโกเบเท่านั้นที่ขึ้นชื่อ เพราะด้วยภูมิประเทศที่อยู่ติดชายฝั่งทะเล ทำให้อาหารทะเลสดๆก็เป็นอีกหนึ่งอาหารประจำถิ่นของเฮียวโงะ ไม่ว่าจะเป็น ปูซุไว ปลาอาคาชิ หอยนางรม ปลาฟุกุ ล้วนแล้วแต่พร้อมเสิร์ฟสดๆแบบยกมาจากทะเลตรงนั้นเลยทีเดียว นอกจากนั้น อาหารท้องถิ่นจำพวกขนมหวาน หรือหม้อไฟ ก็เป็นที่นิยมและพูดถึงมากเช่นกัน

สถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดของจังหวัดเฮียวโงะ

1. ปราสาทฮิเมจิ (Himeiji Castle)

ปราสาทแห่งแรกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่นโดยองค์การยูเนสโก และได้รับการยกย่องจากทั่วโลกว่าเป็นปราสาทที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ด้วยตัวปราสาทสีขาวสะอาดตาเนื่องจากมีการฉาบด้วยปูนสีขาว จนมักถูกเรียกว่า “ชิราซากิโจ” หรือ ปราสาทนกกระสาขาว

ปราสาทฮิเมจิ เป็นปราสาทเก่าแก่ที่กลับมาอยู่ในสถาพสมบูรณ์และกลับมาเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ในปี 2015 หลังจากที่ใช้เวลาในการบูรณปฏิสังขรณ์ยาวนานถึง 5 ปี โดยไฮไลท์อยู่ที่การมองของทั้งเมืองฮิเมจิจากหอคอยปราสาท หรือส่วนที่เรียกว่า “เทนชูคาคุ” ซึ่งถูกพูดถึงอยู่เสมอว่างดงามมาก

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.city.himeji.lg.jp/castle/index.html

2. ซากปราสาททาเคดะ (Takeda Castle Ruins)

ปราสาททาเคดะถูกสร้างขึ้นบนเนินเขาโคโจยามะที่ความสูง 354 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ตั้งอยู่ในเขตเมืองอาซาโกะ โดยซากที่เหลือให้เห็นจะเป็นกำแพงหินขนาดใหญ่และซากปรักหักพังรูปร่างคล้ายเสือหมอบวางอยู่บนยอดเขา ทำให้ได้รับสมญานามว่า “มาชูปิกชูญี่ปุ่น”

ในช่วงเช้าตรู่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น หรือในช่วงเช้าของฤดูใบไม้ร่วง บรรยากาศของปราสาททาเคดะมักจะมีหมอกขาวหนาแน่นปกคลุมตรงเนินเขา ทำให้ดูเหมือนว่าปราสาทกำลังลอยอยู่บนก้อนเมฆ ซึ่งภาพที่เห็นนั้นสวยงามน่าประทับใจเป็นอย่างมาก จนได้รับสมญานามอีกอย่างว่า “ปราสาทลอยฟ้า”

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.city.asago.hyogo.jp/kankou/eng/TakedaCastle.html

3. โกเบฮาร์เบอร์แลนด์ (Kobe Harborland)

สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ตั้งอยู่ที่ท่าเรือโกเบโดย เปิดบริการครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม ปี 1992 และได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักของโกเบในปัจจุบัน ภายในโกเบฮาร์เบอร์แลนด์ จะประกอบไปด้วยร้านรวงต่างๆมากมายๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านเสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่น ร้านอาหารกูร์เมต์ ร้านขายสินค้าเบ็ดเตล็ด และร้านค้าที่วางขายสินค้าเฉพาะทางมากกว่า 200 ร้าน ให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับการช้อปปิ้ง พร้อมทิวทัศน์ริมแม่น้ำที่สวยที่สุดในเมืองโดยเฉพาะในยามค่ำคืนที่จะมีแสงไฟส่องสว่างระยิบระยับให้บรรยากาศสุดแสนโรแมนติก

บนถนนเส้นหลักที่มุ่งหน้าไปยังบริเวณริมแม่น้ำ จะมี “เร็งงะ โซโกะ” หรือคลังสินค้าอิฐแดง เป็นอาคารที่ใหญ่โตกว้างขวาง ประกอบไปด้วยพื้นที่จัดแสดงและร้านค้าปลีกจำนวนมาก สิ่งที่โดดเด่นคือตัวอาคารที่สร้างด้วยอิฐแดง เป็นการผสมผสานความงามในการออกแบบของญี่ปุ่นและความอบอุ่นแบบตะวันตกเข้าด้วยกันอย่างมีเอกลักษณ์ที่ลงตัว

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.harborland.co.jp.e.abt.hp.transer.com/harborland-night/

4. ทะเลน้ำวนนารุโตะ (Naruto Whirlpool)

สะพานโอนารุโตะ คือสะพานที่เชื่อมระหว่างภูมิภาคชิโกกุและเกาะอาวาจิในทะเลเซโตะไนไค และ ณ เบื้องล่างนั้น คือช่องแคบนารุโตะ ซึ่งมีกระแสน้ำวนที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่เคยวัดได้อยู่ที่ 20 เมตร เกิดจากการเคลื่อนตัวอย่างรุนแรงเหนือผิวน้ำของกระแสน้ำขึ้นน้ำลง ซึ่งกระแสน้ำวนที่ช่องแคบนารุโตะนั้นมีความรุนแรงและรวดเร็วเป็นอันดับสามของโลก และจะหมุนวนอย่างดุเดือดในคืนพระจันทร์เต็มดวงและคืนเดือนมืดของทุกเดือน และจะส่งเสียงคำรามกึกก้องอย่างมากในฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง

ในการเที่ยวชมกระแสน้ำวนนี้ จะมีเรือเดินสมุทรและเรือท่องเที่ยว Uzushimo คอยให้บริการ โดยจะพาคุณเข้าไปพอให้เห็นกระแสน้ำวนในระยะที่ปลอดภัย เพื่อให้คุณได้ดื่มด่ำความทรงพลังของกระแสน้ำหมุนวนนี้อย่างใกล้ชิด

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.travelhyogo.org.e.aas.hp.transer.com/things/activities/a-037.html

https://www.chushikokuandtokyo.org/spot_42/?language=th

5. ปราสาทซาซายามะแห่งพระราชวังโอโชอิน (Sasayama Castle O-shoin)

ปราสาทซาซายามะ คือหนึ่งในตัวอย่างสถาปัตยกรรมปราสาทที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1609 ตามคำสั่งของ “โชกุนโทกุกาวะ อิเอยาสุ” ที่ทัมบะซาซายามะ โดยโครงสร้างปราสาทมีความคล้ายกับปราสาทนิโจในเกียวโตอย่างมาก ซึ่งไม่สามารถพบเห็นได้บ่อยนักกับสถานที่นอกเมืองเกียวโต

ในปี ค.ศ. 1944 อาคารหลักของปราสาทซาซายามะถูกไฟไหม้อย่างหนักจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิมเนื่องจากสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง ซึ่งต่อมาได้รับการซ่อมแซมและบูรณะขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 2000 ในปัจจุบันมีเพียงกำแพงหินขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบปราสาทเท่านั้น ที่หลงเหลืออย่างสมบูรณ์จากปราสาทดั้งเดิม ปราสาทซาซายามะเป็นที่รู้จักในฐานะจุดชมดอกซากุระที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นที่มีลำน้ำล้อมรอบสร้างบรรยากาศที่ไม่ซ้ำใคร

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.travelhyogo.org.e.aas.hp.transer.com/things/historical/h-055.html

https://www.jcastle.info/view/Sasayama_Castle

------------------------------- END -------------------------------

By PokSafin

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
RELATED POST
お台場
ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

เปลี่ยนบรรยากาศจากอาซากุสะ นั่งเรือไปเที่ยวสวนโอไดบะริมหาด เพลินไปกับช้อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่และร้านอาหารมากมาย

15/04/2020
คำแนะนำสไตล์การท่องเที่ยวญี่ปุ่น 100 แบบ

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!