สวัสดีค่ะ พูดถึงประเทศญี่ปุ่น ก็ไม่ได้มีดีแค่แหล่งช๊อปปิ้ง ถ่ายรูป ซูชิอร่อยเท่านั้น สิ่งที่เป็นหนึ่งในผู้นำทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นอีกหนึ่งอย่าางเลยก็คือ อะนิเม มังงะ นั่นเอง ต่อปีมีนักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบอะนิเมมังงะ เข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจมหาศาล และมีมีการส่งออกไปยังต่างประเทศอีกมหาศาลไม่แพ้กัน
ซึ่งเมื่อ20กว่าปีก่อน ก็มีอะนิเมสุดฮิต ที่เข้ามาฉายในไทย ทีทำให้เด็กในยุคนั้นไม่ว่าเด็กหญิงหรือเด็กชายต่างติดกันงอมแงมนั่นก็คือ "Card Captor Sakura" หรือ ในชื่อไทยคือ "ซากุระ มือปราบไพ่ทาโร่" นั่นเอง
Cr: http://ccsakura-official.com/
เรื่องราวย่อๆก็คือ สาวน้อยป.4 ที่กลายเป็นสาวน้อยเวทมนต์ตามจับไพ่ทาไร่ที่หนีไป สำหรับภาคแรกจบไปตั้งแต่เมื่อปี2000 ส่วนภาค2 ได้เขียนใหม่อีกครั้งเมื่อปี2016ค่ะ ทำเอาเด็กๆในรุ่นนั้นที่อายุเกือบสามสิบกันแล้ว กรี๊ดการ๊าดเหมือนได้ย้อนวัยกลับไปในวันวานเลยทีเดียว
ซึ่งในปี2018 ซากุระภาค2 ก็ได้กลับมาฉายอีกครั้ง เพื่อเป็นที่ระลึกในครั้งนั้น ก็ได้มีการจัดนิทรรศการ ย้อนอดีตความเป็นมาของการ์ดแคปเตอร์ซากุระตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะโมริ ที่ตั้งอยู่บนตึกRoppongi Hill ตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2018-3 มกราคม 2019 แถมยังแบ่งออกเป็นสองรอบ ครึงแรกจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน กับ ครึ่งหลังตั้งแต่เดือนธันวาคม เนื้อหาในการจัดแสดงจะเปลี่ยนไปอีกด้วย
สำหรับตั๋วเข้างาน สามารถหาซื้อได้ล่วงหน้าทางอินเตอร์เน็ตแล้วไปจ่ายเงินที่แฟมิลี่มาร์ท เซเว่น และลอว์สัน หรือจะไปซื้อที่หน้างานก็ได้ค่ะ ถ้าซื้อล่วงหน้าสามารถซื้อแบบมีของแถมพิเศษได้ด้วยนะคะ
Cr:http://ccsakura-official.com/ccsakuraten/ticket/
ซึ่งตัวเรานั้น ก็ซื้อแบบมีขอแถมไปซะแล้ว....
สำหรับตั๋ว
ผู้ใหญ่ 1800 เยน (ของแถม 3000เยน)
เด็กมัธยม 1400เยน (ของแถม 2600 เยน)
4ขวบ-ประถม 900 เยน (ของแถม 2100 เยน) นอกจากนี้ยังมีราคาแบบเพิ่มไกด์เสียง(โดยนักพากษ์ในเรื่องจะคอยอธิบายตามจุดต่างๆ)
สำหรับการเดินทาง
สามารถนั่งรถไฟใต้ดิน Hibiya Line มาลงที่สถานีRoppongi ออกทางออก Roppongi Hill ได้เลยค่ะ พิพิธภัณฑ์ศิลปะโมริ จะตั้งอยู่บนชั้น52ของอาคารค่ะ
เอาล่ะ เกริ่นมาซะยาว ขอเริ่มกับการบรรยากาศในงานเลยแล้วกันค่ะ
เริ่มจากมาถึงหน้างานเราก็เจอกับรูปหลักของงานนี้ ป้ายใหญ่สูงติดเพดานเลยทีเดียว
และยังมีภาพวาดสดๆพร้อมลายเซ็นของแคลมป์(กลุ่มผู้วาดซากุระ) ตั้งขอบคุณผู้เข้าชมอีกด้วย เห็นแค่นี้แฟนๆซากุระก็กรี๊ดและรุมถ่ายรูปแล้วล่ะค่ะหลังจากนั้น จะพบกับห้องที่มีสมุดโคลว์การ์ดใหญ่ท่วมหัว และหนังสือหน้าปกแบบอื่นๆตั้งไว้ เพราะว่าหัวด้านหน้าปกเข้าประตูทางเข้าที่ถ้าใครเดินเข้ามาก็จะเห็นแต่หน้าปก กระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็นว่า เอ้ะ ด้าน หลังของปก เขียนอะไรไว้นะ
และเมื่อเดินอ้อมมา จะพบกับ.....
หนังสือแต่ละเล่มจะประวัติของการ์ดแคปเตอร์ซากุระ แนะนำเรื่องราว ตัวละคร การออกแบบชุดสวยๆของซากุระ จนไปถึงซากุระออกไปโด่งดังยังต่างประเทศในรูปแบบไหน มีภาษาอังกฤษประกอบตลอด อ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออกก็สนุกได้แน่นอนค่ะ แต่ถึงอ่านไม่ออก แค่ได้ดูภาพสวยๆ แฟนๆซากุระก็ฟินแล้วอย่างแน่นอน
หลังจากนั้นจะโดนต้อนเข้าห้องชมวิดีโอ(ห้ามถ่ายภาพ)ซึ่งจะมีเคโระจังโผล่ออกมาเกริ่นว่าในนิทรรศการนี้จะเจอกับอะไรบ้าง ประมาณ2-3นาทีได้
และเมื่ออกมาจากห้อง จะมีสต๊าฟแจกสติ๊กเกอร์ลายดอกไม้หลายๆชนิดให้เรา เราก็งงๆ เมื่อเดินเข้าไปในห้องถัดไปถึงกับต้องกรี๊ด
เพราะห้องนี้เป็นห้องที่มีการจัดภาพวาดดอกไม้ต่างๆฝีมือแคลมป์ที่มักปรากฎในเรื่อง และสติ๊กเกอร์ที่ได้รับการแจกนั้น คือให้ผู้เข้าชมติดได้ตามใจชอบเลยในห้องนี้ เหมือนให้ผู้ชมได้มีส่วนรวมในงานด้วยนั่นเอง สติ๊กเกอร์ถูกแจกให้คนละ1รูปเท่านั้น แต่ห้องนี้ถูกติดสติ๊กเกอร์ทั่วทั้งผนังและเพดาน น่าจะมีการติดอยู่ก่อนแล้วองผู้จัดงานจำนวนหนึ่ง แต่ก็เยอะมากแสดงให้เห็นว่ามีแฟนๆของซากุระมาเยี่ยมมากขนาดไหน
เมื่อเดินมาในห้องถัดไปก็พบกับสิ่งที่ขาดไม่ได้ของเรื่่องนี้คือเสื้อผ้าสวยๆที่ซากุระใช้ใส่ตอนไล่จับไพ่ที่หนีไป โดยการตัดเย็บของโมโมโยะจัง เด็กป.4 ที่มีฝีมือระดับดีไซน์เนอร์ชื่อดัง
ซึ่งจะตั้งชุดไว้ในห้องนี้ประมาณ4-5ชุด โดยแต่ละชุดจะเป็นชุดที่ใส่ในช่วงเด่นๆของเรื่อง โดยชุดด้านบนคือตอนแรกสุดที่ใช้ใส่จับไพ่
ในห้องต่อจากนี้ จะเป็นห้องที่ห้ามถ่ายภาพแล้วค่ะ น่าเสียดังจริงๆ แต่รวมๆคือ นำเสนอตัวละครต่างๆในเรื่องทั้งภาคแรกและภาคสอง พร้อมนำต้นฉบับมาจัดแสดงให้ชมกันค่ะ ต้นฉบับจริงๆ ดังนั้น เห็นเลยว่ากรวาดการ์ตูนแต่ละหน้า มีการแก้ไขตรงไหน มีส่วนประกอบอย่างไร ประทับใจมากๆค่ะ
หลังจากห้องแสดงต้นฉบับห้ามถ่ายแล้ว จะเจอกับซากุระจังขนาดเท่าตัวจริง เทียบกับป้ายงานนี้ค่ะ
ตัวเล็กๆจริงๆ สมกับเป็นเด็กม.1ล่ะนะคะ มุมนี้พลาดไม่ได้เลยนะคะ
ส่วนห้องนี้จะจัดแสดงสินค้าของซากุระตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และหนังสือทุกเล่มที่ถูกตีพิมพ์ออกมาแล้วตั้งไว้ หนังสือที่ตั้งไว้นี้มีกิจกรรมให้แอดไลน์ของทางนิทรรศการ และเลือกหาฉากที่ชอบในหนังสือพร้อมเขียนความประทับใจ เมื่อกดอัพขึ้น ก็จะได้แชร์ความประทับใจกับคนอื่นๆค่ะ
และสำหรับห้องถัดไปจะเจอกับเคโระจังใหญ่เท่าเพดานค่ะ
มีสต๊าฟยืนอยู่ช่วยถ่ายรูปเราคู่กับเคโระจังให้ด้วยล่ะค่ะ
ซึ่งในห้องเคโระจังนี้จะแนะนำไพ่ทั้งหมดที่โผล่มาในเรื่องให้เราได้ชมกันค่ะ
ไพ่ในภาคแรก ทั้งโคลว์การ์ด และซากุระการ์ด จะตั้งไว้สองข้างทาง และสุดทางจะมีเคลียร์การ์ดในภาคสอง ที่ยังเพิ่งปรากฏตัวออกมาไม่ครบตั้งอยู่ค่ะ
แถมยังมีการ์ดซากุระจังขอบคุณผู้ร่วมงานตั้งเอาไว้ปลายทางด้วย ซึ่งภาพนี้เราจะได้เป็นของที่ระลึกคนละใบก่อนออกจากงานด้วยค่ะ
พอออกมาจากห้องนี้ก็จะเป็นโซนขายของที่ระลึกแล้วค่ะ มีทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถนำมาทำสินค้าได้ตั้งหลอกล่อให้สาวกหมดตัวกัน ทั้งปฏิทิน กระดาษโน๊ต ลูกอม
และมีการตั้งผลงานการประกวดออกแบบชุดของซากุระจังไว้ในโซนขายของที่ระลึกด้วยค่ะ ชุดนี้เป็นชุดที่ชนะการประกวดค่ะ
เมื่ออกมาจะพบกับวิวสวยๆจากชั้น52ของรปปงงิค่ะ ให้ความรู้สึก อา...หมดเวลาสนุกแล้วสินิดหน่อย แต่!ไม่จบหรอกนะ เพราะหลังจากนี้เราจะเข้าไปคาเฟ่ซากุระที่ตั้งอยู่ด้านหน้าก่อนเข้าชมนิทรรศการค่ะ
บรรกาศของคาเฟ่ก็จะประมาณนี้ค่ะ ทางเข้าร้านจะมีสปิเนลคุงกับเคโระจังตั้งไว้ เหมือนรูปปั้นหมาจิ้งจอกที่ตั้งไว้ปกป้องศาลเจ้ายังไงยังงั้น ต่อแถวประมาณครึ่งชม.ก็ได้เข้าแล้ว พอดีไปในช่วงบ่ายแก่ๆไปแล้ว ถ้าวันเสาร์อาทิตย์ตอนเที่ยงคงต่อยาวไปหลายชั่วโมงแน่ๆค่ะ
สำหรับเมนูในร้านมีทั้งของคาวของหวาน ที่ออกแบบให้มีคาแรกเตอร์ในเรื่องไว้ในจาน
เนื่องจากกินข้าวเที่ยงซะเต็มพุงแล้ว สำหรับคาเฟ่ซากุระเลยขอเป็นของหวานแทนค่ะ ในภาพแรกคือน้ำหวานรสพีชที่ให้เทใส่ในแก้วที่มีไข่มุกสีแดงอยุ่ค่ะ ไพ่ฟลาวเวอร์ที่ติดแก้วไส่น้ำหวานนั้นก็กินได้นะคะ
ส่วนภาพที่สองคือพุดดิ้งสามสหายค่ะ จำได้ว่าเคโระจังคือรสมะม่วงอย่างเดียว (ฮา) ถ้าอยากรู้ว่ารสอื่นเป็นยังไง และเมนูอื่นมีอะไรบ้าง ลองไปโดนกันเองนะคะ
สำหรับนิทรรศการซากุระในครั้งนี้ ขอเสนอแต่เพียงแค่นี้
เอาล่ะ ขอไปหนีความจริง ย้อนอดีตในวัยเยาว์ของตัวเองอีกครั้งก่อนนะคะ (ฮา)