blog ท่องเที่ยวญี่ปุ่น

ฤดูใบไม้ร่วงในมานิวะ จ.โอคายามะ

my pics

ผู้ร่วมเดินทาง

| ครอบครัว |

ค่าใช้จ่ายในการเดินทางต่อหนึ่งคน

| 10000 - 19999thb |

ระยะเวลาการเดินทาง

| 2 วัน |

ยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทาง

|

รถโดยสาร | 

เที่ยวแบบไหน

| ไปด้วยตนเอง |

ชื่อสถานที่หรือภูมิภาคที่ไป

  • มานิวะ, น้ำตกคัมบะ, ยูบาระออนเซ็น

แผนที่โน้ตการเดินทางนี้

ถ้าเอ่ยถึงโอคายามะที่เที่ยวที่ดังที่สุดในหมู่นักท่องเที่ยวก็คงหนีไม่พ้นย่านเมืองเก่าริมคลองของคุราชิกิที่เปี่ยมไปด้วยบรรยากาศแบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่น ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร เพราะคุราชิกินั้นเที่ยวสนุกและทรงเสน่ห์อย่างไม่อาจพลาดได้จริงๆ แต่ที่น่าเสียดายก็คือโอคายามะยังมีความน่าค้นหาอยู่อีกมากมาย ที่ยังไม่ค่อยมีใครรู้จักเพราะไม่ค่อยมีข้อมูล เราเองขนาดบ้านอยู่ใกล้ๆ ก็ยังเคยหลงนึกว่าโอคายามะคงจะน่าเบื่อ เพราะหาข้อมูลที่เที่ยวเด็ดๆอะไรไม่ค่อยเจอเลย

แต่ในความเป็นจริงโอคายามะนั้นเป็นเมืองเกษตรกรรมเจ้าแห่งการปลูกผลไม้ ชนบทของโอคายามะจึงสงบสวยงามและมีความน่าเที่ยวเบอร์แรง สำหรับคนที่เบื่อสถานที่ยอดฮิตที่แปลว่าจะไปทำอะไรทีก็ต้องเบียดคนเป็นล้าน เราภูมิใจนำเสนอบ้านนอกของโอคายามะให้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก โดยเฉพาะสำหรับคนที่เช่ารถขับเที่ยวนะคะ

หลายวันก่อนช่วงที่อากาศดีและใบไม้เปลี่ยนสีกำลังพีค ที่เที่ยวดังๆที่ใกล้บ้านหน่อยอย่างมิยาจิม่า (ที่มีศาลเจ้าลอยน้ำและประตูแดงตระหง่านอยู่ริมทะเล) ก็อัดแน่นไปด้วยคนที่พากันไปล่าใบไม้แดง เราขับรถไปเที่ยวที่ อ.มานิวะ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของโอคายามะ เพราะได้ข่าวว่าแถวนี้มีน้ำตกสวย เราเลือกที่พักที่เซิร์จหาได้ว่าอยู่ไม่ไกลจากน้ำตกชื่อ “ฮานายาชิกิ” เพราะคะแนนรีวิวที่ดีงาม และที่นี่ก็ดีงามจริงๆ ด้วยราคาที่ไม่แรงนักก็สามารถสัมผัสบรรยากาศแบบโรงแรมออนเซ็น ได้นอนในห้องเสื่อทาทามิ กินอาหารชุดไคเซกิ (แต่ต้องลงมากินที่ห้องอาหาร แตกต่างจากโรงแรมออนเซ็นส่วนใหญ่ที่เสิร์ฟในห้อง) และแช่น้ำในออนเซ็นบนดาดฟ้าเปิดโล่งที่ใช้ระบบจัดเวลาให้ใช้เป็นกลุ่มๆไปเพื่อความเป็นส่วนตัว ซึ่งโดยภาพรวมก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ออนเซ็นที่เข้าถึงและครบเซ็ทแบบกำลังดี

สภาพโรงแรมโดยรวมคือเก่าแก่ เพราะอยู่คู่หมู่บ้านออนเซ็นแห่งนี้มานาน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นคุณลุงคุณป้าที่มาพักผ่อนหาความสงบ แต่ฟินสุดด้วยทำเลดีงามริมแม่น้ำที่อีกฟากเป็นภูเขาหลากสี สวยมากพอให้ตะลึงและดีใจที่เลือกมาเที่ยวแถวนี้

เดินไปจากโรงแรมไม่ไกลจะเจอ “สึนาบะ” ชายหาดริมแม่น้ำที่มีการทำบ่อแช่ออนเซ็นเอาไว้กลางแจ้งอย่างโล่งโจ้งมาก และที่เร้าใจกว่านั้นคือได้ข่าวบ่อน้ำแร่ตรงนี้เป็นบ่อรวมหญิงชาย ซึ่งถ้าใจถึงจะโป๊ลงไปอาบเลยก็ไม่มีใครว่า แต่ถ้ายังเกรงใจฟ้าดินอยู่บ้างสำหรับคุณผู้หญิงก็สามารถเช่ากระโจมอกนุ่งได้ ส่วนผู้ชายนั้นเห็นป้ายบอกว่ากรุณาเอาผ้าขนหนูปิดไว้เอง อย่าได้เดินโทงเทงลงไปเป็นอันขาดเดี๋ยวจะผิดกฎหมายอนาจาร ดูจากในรูปถ่ายก็ดูมีคนนิยมแช่กันไม่ใช่น้อยและเค้าแช่รวมกันจริงๆทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่น่าเสียดายที่วันนั้นเราคงจะเดินไปเช้าเกินไปหน่อย ก็เลยยังไม่เห็นมีใครมาใช้บริการเลยซักคน

ละแวกยูบาระออนเซ็นไม่ได้มีอะไรหวือหวาให้เที่ยวมาก แต่สำหรับสายชิลการเดินเล่นเลียบริมแม่น้ำในบรรยากาศสบายๆสวยงามของฤดูใบไม้ร่วงน่าจะทำให้เพลิดเพลินได้ไม่น้อย

เราใช้เวลาช่วงเช้าแช่น้ำแร่ในโรงแรมและออกมาเดินเล่นริมน้ำนิดหน่อย พอใกล้ๆเที่ยงก็ขับรถต่อไปที่น้ำตกคัมบะ กะกันว่าจะหาอะไรกินก่อนไปถึงน้ำตก แต่ด้วยความบ้านนอก 555 จึงไม่เจอร้านรวงอะไรซักเท่าไหร่ จนกระทั่งขับรถเข้าไปตามทางที่ขึ้นสู่น้ำตกจึงได้เจอป้ายร้าน “เคนโคโบะ” ซึ่งเราก็จอดทันทีเหมือนกันเพราะดูทรงแล้วข้างหน้าคงไม่มีอะไรให้กินอีก

และการแวะที่ร้านนี้ก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง คุณพี่เจ้าของร้าน (ก็ชื่อพี่เคนนี่แหละ) หรือที่คนญี่ปุ่นเค้าเรียกกันว่ามาสเตอร์รีบออกจากเคาน์เตอร์มาต้อนรับพร้อมกันออกตัวว่า พี่ทำคนเดียว ถ้าจะสั่งอาหารก็ช้าหน่อยนะ แต่สายชิลอย่างเราย่อมรอได้ ร้านของพี่เคนมีอยู่ไม่กี่เมนู และทุกอย่างทำโดยพี่เคนคนเดียวถ้วน คนก็เต็มร้านเพราะไม่มีที่อื่นให้ไป 555 แต่การนั่งรอในร้านที่มีแสงไฟวอมแวมจากโคมไฟหน้าตาแปลกๆ (พี่เคนเป็นศิลปินทำโคมไฟ) มีฮีตเตอร์อุ่นๆ แล้วยังมีผ้าห่มนุ่มนิ่มให้ยืมมาคลุมขา มีหนังสือให้เปิดดูเล่นถือเป็นการรอที่คุ้มค่า พี่เคนก็น่ารักมาก เพราะหลังจากลูกค้าอิ่มแล้วทยอยจากไปกันหมด พี่เคนก็ออกมาบรรเลงกีตาร์ให้เราฟัง พร้อมทั้งเล่าว่าที่นี่ให้บริการดินเนอร์ด้วย เฉพาะกรุ๊ปจองเท่านั้นและเปิดรับอาทิตย์ละแค่ไม่กี่ครั้ง ตอนแรกเรานึกว่าพี่เคนคงอยู่ในเมืองแล้วขับรถมาทำงานที่ร้าน แต่ถามไปถามมา พี่เคนอยู่ที่นี่เลยกับภรรยาที่เป็นศิลปินทำงานสเตนกลาส ฟังแล้วก็ต้องเหลียวมองไปรอบๆที่มีแต่ป่าและป่า มันก็บรรยากาศดีอยู่หรอกนะ แต่กลางคืนคงจะมืดและน่ากลัวมากทีเดียวเพราะในรัศมีหลายๆกิโลรอบตัวจะไม่มีผู้คนเลย

ออกจากร้านพี่เคนขับรถขึ้นมาอีกแค่ราวๆ 200 เมตรก็ถึงลานจอดรถหน้าน้ำตก จากจุดนั้นต้องไปซื้อบัตรผ่านประตูคนละ 300 เยนแล้วเดินเข้าไปอีกประมาณนึงไม่ไกลมากและเป็นทางปูนราบๆไม่ต้องกลัวเหนื่อยเลย เพราะแค่เดินเลียบลำธารเข้าไปนิดเดียวก็จะเริ่มมองเห็นน้ำตกสีขาวสว่าง ไหลดิ่งลงมาจากหน้าผาโดดเด่นอยู่ท่ามกลางใบไม้สีเหลือง สีแดง สีเขียวที่ผสมกลมกลืนกันอย่างสวยงามราวกับภาพวาด ที่เด็ดสุดคือคนน้อยมาก ไม่ต้องเบียดใคร จะถ่ายรูปก็ไม่ต้องคอยหลบคน ในขณะที่ความงามแม้จะเทียบไม่ได้กับที่ดังๆอย่างแถวนิกโก แต่ก็เป็นธรรมชาติที่สวยจับใจ ทางเดินสามารถเดินเข้าไปได้จนถึงแอ่งน้ำตก แต่น้ำตกญี่ปุ่นส่วนใหญ่แล้วไม่ให้ลงไปเล่น (ถึงให้ก็ไม่ลงจ้า น้ำเย็นเบอร์นั้น) น้ำตกที่นี่เค้ามีไว้ดูนะคะ ไม่ลงว่ายและไม่ปาร์ตี้ส้มตำ 5555

หลังจากดื่มด่ำกับความงามของน้ำตกคัมบะจนหนำใจแล้ว เราก็ขับรถไปที่เมืองคัทสึยามะต่อ ที่นี่เป็นย่านการค้าสำคัญในอดีตที่ยังหลงเหลืออยู่ เสียดายที่ไปถึงตอนเย็นมากแล้ว ร้านรวงปิดกันหมด แต่ก็ยังเดินดูสนุกเพราะร้านในเมืองนี้พร้อมใจกันทำม่านสั้นหน้าร้าน (โนเร็ง) ให้เป็นลวดลายที่สวยงามมีเอกลักษณ์ จนสามารถเดินดูได้ไม่เบื่อหน่ายเหมือนการเดินชมแกลเลอรี ขนาดร้านปิดกันเกือบหมดยังเดินสนุกขนาดนี้ เราจึงอาฆาตไว้ทันทีว่าโอกาสหน้าเรากับคัทสึยามะจะต้องเจอกันอีกแน่นอน โอกาสหน้าตั้งใจไว้ว่าจะมาใช้เวลาแถวคัทสึยามะและมานิวะให้นานขึ้นอีกนิดเพราะติดใจบรรยากาศเก่าๆและความสงบเงียบ ใครสนใจอยากลองเที่ยวที่แปลกๆยังไม่ช้ำบ้างแนะนำว่าอย่าพลาด ถ้ามาเที่ยวโอคายามะอยู่แล้วก็ขับรถต่อขึ้นเหนือมาทางทตโทริอีกแค่ราวๆ ชม.ครึ่งเท่านั้น

ค้นหารถเช่าราคาถูกที่ฮิโรชิม่า / โอคายามะใน Klook

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
ABOUT ME
kaguya
นักเขียนและนักเดินทางที่มีบ้านอยู่บนเส้นทางจักรยานชิมานามิไคโดในฮิโรชิมา
RELATED POST

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!