blog ท่องเที่ยวญี่ปุ่น

สัมผัสพลังธรรมชาติในวันฝนตกที่โอดาวาระ

OhhoTrip_Odawara_Cover

ผู้ร่วมเดินทาง

| เพื่อน |

ค่าใช้จ่ายในการเดินทางต่อหนึ่งคน

| 20000 - 34999thb |

ระยะเวลาการเดินทาง

| 2 วัน |

ยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทาง

|

รถไฟ | 

รถโดยสาร | 

เที่ยวแบบไหน

| ไปด้วยตนเอง |

ชื่อสถานที่หรือภูมิภาคที่ไป

  • โอดาวาระ
  • ปราสาทโอดาวาระ
  • ทะเลสาบอาชิ
  • Hakone Shrine

โอดาวาระ ชื่อนี้อาจไม่คุ้นหูคนไทยนัก เพราะไม่ใช่จุดท่องเที่ยวยอดนิยม แต่นี่คือเมืองหน้าด่านที่เป็นประตูสู่ทะเลสาบฮาโกเน่และภูเขาไฟฟูจิที่ทุกคนรู้จักเป็นอย่างดีนั่นเอง ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความตั้งใจแรกนั้นเราอยากเดินทางไปให้ถึงที่ภูเขาไฟฟูจิ แต่เพราะฝนฟ้าไม่เป็นใจ มีพายุเข้าในวันที่เราไปถึงพอดี ทำให้เราต้องเที่ยวอยู่ในเมืองโอดาวาระแทน

เราวางแผนกันว่าจะพักกันที่โอดาวาระ 3 วัน 2 คืน แล้วจึงกลับเข้าโตเกียวอีกครั้ง พวกเรา 3 คนจึงฝากกระเป๋าใบใหญ่ไว้ที่ล็อกเกอร์ในสถานีชินจูกุ และเอาแค่เสื้อผ้ากับของใช้ไปแค่ค้าง 2 คืนก็พอ ซึ่งเราก็ได้เตรียมแยกกระเป๋ามาตั้งแต่เมืองไทยแล้ว ทุกอย่างจึงเป็นไปด้วยความรวดเร็ว จากนั้นก็ไปซื้อตั๋วรถไฟ

 Odakyu Romancecar พวกเราซื้อ Romancecar แบบพาส 3 วัน จากนั้นก็กระโดดขึ้นรถไฟและหลับยาว หมดไปแล้วค่อนวันกับการเดินทาง…

กว่าจะถึงโอดาวาระและเดินลากกระเป๋ามาถึงเรียวกัง (Hinode Ryokan) ที่จองไว้ได้ก็ประมาณสี่โมงกว่า แถมด้วยฝนที่ตกลงมาเบาๆ ให้เราได้ทำใจไปด้วยว่า หาข้าวเย็นกินแล้วนอนเก็บแรงไว้สำหรับพรุ่งนี้ดีกว่า


แล้วฝนก็ตก!

อย่างที่เล่าไปตอนต้น แผนที่วางไว้เป็นอันต้องรื้อใหม่หมด เพราะวันที่สองนี้เราตื่นมาก็เจอฝนตกจั้ก ๆ แล้ว พยากรณ์อากาศจากแอปก็บอกว่าฝนตก 100% จนถึงบ่ายสาม ประกอบกับวันนั้นมีข่าวออกว่ามีหลายแหล่งท่องเที่ยวปิดเนื่องจากฝนตกหนักมาก แล้วเราจะไปไหนกันได้บ้างล่ะ พวกเราเริ่มวางแผนกันใหม่ จนสรุปได้ว่าจะเริ่มไปที่ใกล้ๆ ก่อน คือ ปราสาทโอดาวาระ เพราะสามารถเดินไปได้จากเรียวกังที่เราพักอยู่ประมาณ 10 นาทีก็ถึง และรอว่าหลังบ่ายสามฝนจะหยุดตกจริง ๆ

ปราสาทโอดาวาระ ถูกสร้างขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 15 โดยนายโอโมริ ผู้ปกครองเขตนิชิ ซากามิ ในยุคมูโรมาจิ ต่อมาบริเวณปราสาทมีการต่อเติมขยับขยายพื้นที่อย่างมากในช่วงปลายศตวรรษที่ 15 ซึ่งเป็นช่วงที่ทายาทรุ่นที่ 5 คือ นายโฮโจ มีอิทธิพลกว้างขวาง เขาขยายพื้นที่จนมีพื้นที่กว้าง 9 กิโลเมตรโดยรอบตัวปราสาทเพื่อเป็นศูนย์กลางของเขตคันโต และป้องกันการบุกโจมตีจากไดเมียว โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ แต่ในปี ค.ศ. 1590 ปราสาทโอดาวาระก็ถูกโจมตีทำลายโดยไดเมียว โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ จนได้ และถูกครอบครองโดย นายโอคุโบะ ผู้ที่ร่วมโจมตีในครั้งนั้น

ในเวลาต่อมา ปราสาทโอดาวาระ ก็ถูกสร้างใหม่ ถูกทำลาย และปล่อยทิ้งร้างหลายครั้งหลายคราจนในที่สุดก็ได้เริ่มรับการบูรณะอีกครั้งในปี ค.ศ. 1934 และถูกตั้งให้เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งชาติในปี ค.ศ. 1938

ภายในบริเวณปราสาทไม่ไได้มีแค่ปราสาทให้เดินดูนะ ยังมี “พิพิธภัณฑ์ซามูไรโทคิวากิมง” และ “พิพิธภัณฑ์นินจา” อีกด้วย ถ้าใครสนใจเกี่ยวกับพวกซามูไร นินจาละก็ขอให้มาเลยค่ะ : )

พอถึงหลังบ่ายสาม ฝนก็หยุดตกจริงๆ อย่างที่พยากรณ์อากาศว่าไว้ เราจึงออกเดินทางด้วยรถบัส (ใช้ตั๋วพาส 3 วัน) ขึ้นไปยัง Hakone shrine ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ให้ลงที่ป้าย Motohakone แล้วเดินข้ามถนนไปและเดินย้อนลงไปนิดนึง จะเจอทางเดินลงไปเจอกับทะเลสาบอาชิทางซ้ายมือ

บรรยากาศชื้น ๆ เย็น ๆ ในเวลาประมาณสี่โมงเย็นทำให้พวกเราต้องหยุดยืนมองวิวอยู่ริมทะเลสาบ และถ่ายรูปซักหน่อย มันเป็นภาพที่ไม่ได้วางแผนไว้ว่าจะได้เจอ กลุ่มไอหมอกขนาดใหญ่ที่ลอยมาจากอีกฝั่งของทะเลสาบเข้ามาหาพวกเรา เป็นอะไรที่ตื่นเต้นมาก ทำให้พวกเราต้องรีบผลัดกันถ่ายผลัดกันโพสต์ให้เร็วที่สุด ก่อนที่ไอหมอกกลุ่มนั้นจะลอยผ่านพวกเราไป จากตรงที่เรายืน สามารถมองเห็นเสาแดงริมทะเลสาบที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของ Hakone Shrine ได้ค่ะ

หลังจากที่มวลหมอกจางหาย พวกเราก็เดินเลาะทะเลสาบอาชิเพื่อขึ้นไปยัง Hakone Shrine ระหว่างสองของทางที่เดินขึ้นไปนั้นเต็มไปด้วยต้นสนซีดาร์อายุหลายร้อยปีปกคลุมตลอดทาง พร้อมกับกลิ่นดินหลังฝนตก ยิ่งทำให้รู้สึกสดชื่นมาก ๆ ค่ะ เมื่อขึ้นมาถึงบริเวณทางเข้าศาลเจ้า เราก็เริ่มมองหาเจ้าเสาแดงที่ตั้งอยู่ริมน้ำว่าต้องเดินไปทางไหน จนเพื่อนเราเห็นคนแรกว่ามันมีบันไดลงไปทางซ้าย และที่ปลายสุดบันไดนั้นก็คือสิ่งที่เราตามหากันนั่นเอง

พวกเราไม่รอช้า รีบวิ่งลงไปทันที ที่บริเวณนั้นก็มีนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งยืนเข้าแถวเป็นระเบียบเพื่อรอถ่ายรูปกับเจ้าเสานี้ ส่วนพวกเรามากันสามคน เลยใช้วิธีการต่อแถววนเอาหลายๆ รอบ เพื่อให้ได้รูปที่แต่ละคนพอใจ เพราะถ้าถ่ายไปด้วยเช็ครูปไปด้วยจนครบทุกคนในรอบเดียว จะเสียเวลานาน เกรงใจคนข้างหลังค่ะ ; )

หลังจากได้รูปที่ทุกคนพอใจแล้ว พวกเราก็เดินกลับขึ้นไปที่ศาลเจ้าและพบว่าศาลเจ้าปิดไปตั้งแต่ห้าโมงแล้ว พวกเราจึงทำได้แค่ไหว้และอธิษฐานจากด้านนอกแทน และก็เดินกลับออกมาตรงป้ายรถบัสอีกครั้งตอนหกโมงนิดๆ แวะหาอะไรกินใน Lawson แล้วก็นั่งรถบัสกลับรอบก่อนสุดท้ายประมาณทุ่มกว่าๆ ค่ะ

เป็น 1 วัน ที่เปลี่ยนอารมณ์จากที่ไม่ชอบฝน แต่เพราะฝนนี่แหละกลับทำให้พวกเราได้รับพลังธรรมชาติแบบเต็มปอด จากที่คิดว่าโชคไม่ดีที่เจอฝน เรากลับคิดว่า ดีจังเลยที่วันนี้ฝนตก : )

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
ABOUT ME
Amornsri Anutrakulchai
เป็นคนที่รักการเที่ยวคนเดียวมาก ๆ และอยากเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนลองเดินทางด้วยตัวเอง แต่แปลกมาก ๆ ที่เราไม่เคยเดินทางในญี่ปุ่นคนเดียวเลย อาจเป็นเพราะเป็นประเทศที่ทุกคนมีความผูกพัน ใฝ่ฝันและเอื้อมถึงได้ ก็เลยมักจะมีเพื่อนร่วมทางด้วยเสมอ สิ่งที่เราสนใจในญี่ปุ่นมากที่สุดคืองานออกแบบในทุก ๆ มิติ ทั้งสถาปัตยกรรม ของใช้ อาหาร แฟชั่น การ์ตูน ชอบในความละเอียดกับที่มาที่ไปของทุก ๆ สิ่งรอบตัวค่ะ

ค้นหากิจกรรมบน Klook ได้เลยจากด้านล่างนี้!

ค้นหากิจกรรมบน Klook ได้เลยจากด้านล่างนี้!

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!

RELATED POST