ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

รู้จัก “เซ็นได” เมืองใหญ่ที่คุณต้องหลงรัก

เซ็นได (仙台市) เป็นเมืองหลวงของจังหวัดมิยางิ และเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ โดยมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณหนึ่งล้านคน อยู่ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางเหนือประมาณ 300 กม. ได้รับการบันทึกให้เป็น “นครที่จัดตั้งขึ้นโดยข้อบัญญัติแห่งรัฐ” เป็นหนึ่งใน 7 เมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ มีสภาพอากาศอบอุ่นไม่หนาวจัดเกินไป อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 12.1 องศาเซลเซียส (สูงสุดเฉลี่ย 24 องศา ต่ำสุดเฉลี่ย 1.5 องศา) ก่อตั้งขึ้นราวๆ ปี ค.ศ. 1600 โดยดาเตะ มาซามุเนะ หนึ่งในขุนนางที่มีศักดินาและอำนาจมากที่สุดของญี่ปุ่น ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวหลายต่อหลายแห่งในเซ็นได ล้วนได้รับอิทธิพลและเกี่ยวข้องกับท่านมาซามุเนะและครอบครัว

เซ็นได เป็นที่รู้จักกันดีกับฉายา “เมืองแห่งต้นไม้” โดยมีสัญลักษณ์ คือ ต้นเคยากิ หรือ ต้นเซลโคว่าญี่ปุ่น ที่ยืนต้นเรียงรายเป็นแนวทอดยาวไปตลอดเส้นทางบนถนนโจเซ็นจิและถนนอาโอบะ บวกกับภายในเมืองอันเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจีที่จะหมุนเวียนกันผลิดอกออกใบด้วยสีสันที่แตกต่างกันใน 4 ฤดูกาลตลอดปี สร้างทัศนียภาพที่งดงามจับตาจับใจ นอกจากนั้น เซ็นได ยังถือว่าเป็นอีกหนึ่งเมืองที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ร่ำรวยวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น ที่สามารถผสมผสานกับความทันสมัยของโลกยุคใหม่ได้อย่างลงตัว

เซ็นได ได้รับคำชื่นชมในแง่ของการจัดผังเมืองอย่างเป็นระเบียบ มีระบบคมนาคมขนส่งที่สะดวกสบาย สามารถเข้าถึงจุดต่างๆของเมืองได้อย่างง่ายดาย และด้วยการจัดสรรพื้นที่ได้อย่างยอดเยี่ยมนี้เอง ที่เป็นหนึ่งในสาเหตุของการฟื้นคืนจากเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติได้อย่างรวดเร็ว โดยในวันที่ 11 มีนาคม 2011 ได้เกิดสึนามิครั้งใหญ่และเซ็นไดเป็นเมืองที่อยู่ใกล้จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวมากที่สุด แรงสั่นสะเทือนได้สร้างคลื่นทะเลขนาดยักษ์พุ่งเข้าโจมตีบริเวณริมชายฝั่งของเมือง แต่กลับไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่บริเวณใจกลางเมืองใหญ่หลวงเท่าใดนัก สถานที่ท่องเที่ยวแทบทุกแห่งสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้งภายในเวลาไม่กี่เดือนหลังเกิดแผ่นดินไหว

การเดินทาง

สำหรับเมืองที่มีเส้นทางการบินตรงจากต่างประเทศมายังสนามบินเซ็นได ได้แก่ กรุงโซล กรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ ไทเป และ กรุงเทพมหานคร (สายการบินที่บินตรงจากทั้ง 5 เมือง มายังเซ็นไดยังมีจำนวนจำกัด) หรือหากไม่ต้องการบินตรง นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาลงที่สนามบินหลักของญี่ปุ่นได้ก่อน ไม่ว่าจะเป็น สนามบินนาริตะ สนามบินนาโกย่า หรือสนามบินคันไซ และสนามบินทั้งหมดใน 9 เมืองใหญ่ ที่มีตารางการเดินทางมายังสนามบินเซ็นไดทุกวัน

การเดินทางจากโตเกียวมายังเซ็นได

นอกเหนือจากการเดินทางโดยไฟลท์บินจากสนามบินนาริตะมายังสนามบินเซ็นไดแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถใช้บริการรถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็น สายโทโฮคุ ซึ่งเพื่อเป็นการใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าที่สุด แนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ใช้บริการฟรีพาสหรือบัตรโดยสารแบบเหมาเที่ยวจะดีกว่าซื้อบัตรโดยสารแบบเที่ยวเดียว

นอกจากนั้น การใช้บริการรถทัวร์ ก็เป็นอีกรูปแบบการเดินทางจากโตเกียวไปยังเซ็นไดที่นอกจากจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ยังมีให้เลือกหลากหลายบริษัทและช่วงเวลา ที่สำคัญมีบริการรถทัวร์จากสนามบินนาริตะและฮาเนดะไปยังเซ็นได้ด้วย

การเดินทางภายในเซ็นได

ตามที่กล่าวข้างต้นว่า เซ็นได เป็นเมืองที่มีการจัดวางผังเมืองอย่างเป็นระเบียบ ระบบการคมนาคมขนส่งเป็นที่ได้รับชื่นชมเป็นอย่างมาก ดังนั้น นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆในเซ็นไดได้อย่างง่ายดาย 

- รถไฟใต้ดิน (Sendai City Subways) ซึ่งมีอยู่ 2 สาย คือ “นัมโบคุ” กับ “โทไซ” สามารถใช้บริการด้วยบัตรซุยกะ (SUICA) ที่ใช้ร่วมกับรถไฟ JR Eastern Pass ได้

- รถบัสรอบเมือง (Loople Sendai) เป็นโดยสายขนาดกลางที่จะวิ่งวนรอบเมืองเซ็นได โดยแวะจอดตามจุดท่องเที่ยวสำคัญใจกลางเมือง เหมาะสำหรับผู้มาเยือนเซ็นไดเป็นครั้งแรก แนะนำให้ซื้อตั๋ว one day pass เพราะสามารถขึ้นลงรถบัสรอบเมืองนี้ได้ไม่จำกัดเที่ยวตลอกทั้งวัน

- รถบัสโดยสารประจำทาง (City Bus) มี 2 สาย คือ “เซ็นไดชิ บัส” และ “มิยากิโคซึ บัส” สามารถชำระค่าโดยสารด้วยบัตรซุยกะ

- รถบัสทางด่วน (Expressway Bus) มี 2 สาย คือ สายที่เดินทางจากสถานี Sendai ไปยังสถานี Yamagata ใช้เวลาเดินทาง 1 ชม. และสายที่เดินทางจากสถานี Sendai ไปยังสถานี Fukushima ใช้เวลาเดินทาง 1 ชม.

- รถบัสรับส่ง (Route Bus) เป็นรถบัสที่เดินทางจากใจกลางเมืองเซ็นได ไปยังเมืองรายรอบใน 48 สายทาง ผ่านเส้นทางที่แตกต่างกันถึง 242 เส้นทาง ค่าเดินทางเริ่มต้นที่ 120 เยน 

- รถแท็กซี่ (Taxi) ซึ่งเป็นหนึ่งในการบริการที่มีความปลอดภัยสูงในญี่ปุ่น แต่คนขับจะพูดเฉพาะภาษาญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 670 เยน

- บริการรถเช่า (Rental Car) มีบริษัทให้เช่าหลากหลาย ไม่ว่าจะรถยนต์ธรรมดา รถยนต์/รถตู้ พร้อมคนขับ หรือรถจักรยาน ฯลฯ

สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในเซ็นได

• ปราสาทเซ็นได (Site of Sendai Castle) หรือที่รู้จักกันในชื่อปราสาทอาโอบะ (Aoba Castle) ก่อสร้างขึ้นโดยแนวคิดของดาเตะ มาซามุเนะ ผู้ก่อตั้งเมืองเซ็นได มีสัญลักษณ์เป็นรูปปั้นหินของท่านมาซามุเนะขณะทรงม้า เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม

• ศาลเจ้าโอซากิฮาจิมังงู (Osaki Hachimangu Shrine) เป็นศาลเจ้าที่ก่อสร้างขึ้นตามดำริของดาเตะ มาซามุเนะ ผู้ก่อตั้งเมืองเซ็นได ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของประเทศ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมตลอดทั้งปีไม่คิดค่าบริการ

• หมู่บ้านจิ้งจอกซาโอะ (Zao Fox Village) เป็นสวนสัตว์ที่เน้นดูแลสุนัขจิ้งจอก โดยปัจจุบันมีสุนัขจิ้งจอกในความดูแลแบบปล่อยตามธรรมชาติมากกว่า 100 ตัว โดยสุนัขจิ้งจอกทุกตัวได้รับวัคซีนและการตรวจกำจัดหมัดเห็บเป็นอย่างดี ทำให้คุณสามารถสัมผัสตัวซุปเปอร์สตาร์เหล่านี้ได้อย่างวางใจ

• ทิวแถวซากุระพันต้น (Hitome Zembonzakura) อยู่ในแถบตัวเมืองโอกาวาระริมแม่น้ำชิราอิชิ ห่างจากตัวเมืองเซ็นไดประมาณ 30 นาที (เดินทางด้วยรถยนต์) เป็นทางเดินริมน้ำยาวกว่า 8 กม. พร้อมทิวแถวซากุระกว่า 1,200 ต้น มีการจัดงานเทศกาลในฤดูดอกซากุระบานเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนเมษายน

• เทวรูปใหญ่เจ้าแม่กวนอิม (Huge Statue of The Goddess of Kannon) เทวรูปองค์ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก สีขาวบริสุทธิ์ตั้งตระหง่านโดดเด่นด้วยความสูง 100 เมตรเหนือพื้นดินและฝังลึกลงไป 21 เมตรใต้พื้นดิน ภายในมีโถงแสดงรูปปั้นขององค์เจ้าแม่ในขนาดแตกต่างกัน

อาหารและของฝากขึ้นชื่อของเซ็นได

• ลิ้นวัวย่าง (Grilled Beef Tongue) เมืองเซ็นไดเป็นเมืองต้นกำเนิดลิ้นวัวย่างมาตั้งแต่ ค.ศ. 1948 จนแพร่หลายทั่วประเทศและกลายเป็นเมนูรสเลิศอันขึ้นชื่อของเซ็นได โดยมีร้านขายลิ้นวัวย่างถึง 100 แห่งทั่วเมือง

• ขนมอะคิวโอฮากิ (Akiu Ohagi / Bean Cakes) ขนมที่ทำมาจากข้าวเหนียวนึ่งบดหยาบแล้วนำมาปั้นเป็นก้อนกลม ห่อด้วยถั่วแดงกวนปั้นเป็นแผ่นหนา โดยโอฮากิที่ได้รับความนิยมทั้งรับประทานและซื้อเป็นของฝากเป็นของร้านซาอิจิ (Saichi Supermarket)

• ซาซะคามาโบโกะ (Sasa-Kamaboko) ลูกชิ้นปลาย่างทางใบไผ่ อาหารประจำถิ่นของเซนได ภายในเมืองมีร้านขายลูกชิ้นปลาคามาโบโกะมากมายหลายร้าน รวมทั้งร้านที่ให้นักท่องเที่ยวทดลองย่างเองด้วย

• ไวน์ชั้นดีจากโรงกลั่นไวน์เซ็นไดอะคิว (Wines from Akiu Winery) เป็นโรงกลั่นไวน์ของชาวเมืองที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 ผลิตไวน์  4 ชนิด ได้แก่ ไวน์แดงค่อนข้างไม่หวาน ไวน์โรเซ่ค่อนข้างไม่หวาน ไวน์แอปเปิ้ลไซเดอร์แบบหวานและไม่หวาน ซึ่งทั้งหมดกลั่นจากองุ่นที่ปลูกโดยโรงกลั่นเอง

• ผ้าไหม (Sendai Hira) เป็นของดีของฝากประจำเมืองเซ็นได ที่ได้รับการจัดให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติ ด้วยศิลปะการทอผ้าไหมที่สืบต่อกันมากว่า 400 ปี โดยจุดเด่นอยู่ที่เป็นผ้าไหมที่ไม่ยับ และถูกนำแปรรูปเป็นของใช้อีกหลากหลาย

• พู่กันเซ็นได (Sendai Ofude) เป็นอุปกรณ์ทางการศึกษาที่ประดิษฐ์ขึ้นตามนโยบายขยายการศึกษาและอุตสาหกรรมในสมัยที่ดาเตะ มาซามุเนะ ได้เปิดเซ็นไดสู่โลกภายนอก อีกทั้งยังใช้เพื่อเป็นเครื่องบรรณาการต่อโชกุนในสมัยนั้นด้วย

----------

ขอบคุณข้อมูล:

https://th.discoversendai.travel/travel-info/getting-to-sendai/

https://www.japan-guide.com/e/e5150.html

https://travel.trueid.net/detail/v5y7NWveYY1K

https://discoversendai.travel/search/?check=must-do

https://wikitravel.org/en/Sendai

https://en.wikipedia.org/wiki/Sendai

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
RELATED POST

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!