“คัมไป!!!……”
หากพูดถึงร้านอาหารญี่ปุ่นที่คนไทยคุ้นเคยกันก็น่าจะมีร้านซูชิ ร้านข้าวแกงกะหรี่ ร้านราเมง อะไรทำนองนี้ที่ผุดขึ้นมาในความคิด แต่ยังมีร้านอาหารญี่ปุ่นอีกประเภทหนึ่งที่อาจจะยังไม่แพร่หลายมากนักในเมืองไทย แต่ก็สามารถหาทานได้ไม่ยากนักในกรุงเทพฯ ของเรา นั่นก็คือ อิซากายะ
ถ้าจะให้คำจำกัดความง่าย ๆ ถึงรูปแบบของร้านอิซากายะให้เข้าใจสั้น ๆ นั้นก็คือ ร้านเหล้าแบบญี่ปุ่น เป็นการผสมคำระหว่าง อิ หมายถึง การอยู่ กับ ซากายะ หมายถึง ร้านเหล้าสาเก ซึ่งเมื่อรวมคำแล้วก็หมายถึงร้านเหล้าสาเกที่สามารถนั่งได้นาน ๆ โดยเหตุที่จะต้องมีคำที่ใช้เรียกเฉพาะนั้นก็เริ่มมาจากในสมัยเอโดะ ร้านที่ขายเหล้าสาเกจะมีการเสิร์ฟเหล้าให้ชิมในร้าน ซึ่งในร้านจะไม่มีที่นั่งเป็นกิจจะลักษณะ ลูกค้าจะต้องยืนชิมสาเกที่มุมหนึ่งของร้านหรือหน้าร้านเท่านั้น จนเมื่อการดื่มสาเกได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มผู้ชายวัยทำงาน จากการยืนชิมเพียงอย่างเดียวก็เริ่มมีการพูดคุยกันนานขึ้น ทางร้านจึงเริ่มมีการจัดพื้นที่ให้ลูกค้าได้นั่งคุยกันตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป โดยการนำเอาถังเบียร์มาตั้งให้ลูกค้านั่งบ้าง แบ่งห้องหรือแบ่งพื้นที่ให้เป็นมุมพูดคุยบ้าง และก็เริ่มมีการเสิร์ฟกับแกล้มให้กับลูกค้าตามมา และพัฒนากลายมาเป็นร้านอิซากายะเพื่อการกินดื่มอย่างจริงจัง จนกลายมาเป็นสถานที่นัดพบ พูดคุยกันหลังเวลาเลิกงานกับหัวหน้างาน หรือนัดเจรจาธุรกิจกันแบบไม่เป็นทางการของกลุ่มคนวัยทำงานในญี่ปุ่นจนถึงทุกวันนี้

ในเมื่อเป็นร้านเหล้า ธรรมเนียมปฏิบัติก็จะมีความแตกต่างจากร้านอาหารทั่วไปเล็กน้อย เริ่มแรกเมื่อลูกค้าสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้ว ทางร้านก็จะเสิร์ฟ โอโตชิ หรือกับแกล้มจานเล็ก ๆ มาพร้อมกันกับเครื่องดื่มด้วยก่อนที่ลูกค้าจะสั่งเมนูอื่น ๆ ต่อไป ซึ่งลักษณะของอาหารที่เสิร์ฟในร้านอิซากายะนั้นจะเน้นไปทางอาหารกินเล่นจานเล็ก ๆ ราคาต่อจานไม่แพงมาก เช่น อาหารเสียบไม้ย่าง อาหารทอด เต้าหู้เย็น ยำหรือสลัด ซาชิมิ เป็นต้น เพื่อให้ลูกค้าเลือกทานเมนูได้หลากหลายระหว่างพูดคุยสังสรรค์ อาจมีบ้างบางร้านที่มีเมนูข้าวหรือยากิโซบะเพื่อทานเป็นเมนูตบท้าย แต่ก็ไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก เนื่องจากคนญี่ปุ่นมักจะไม่ทานข้าวพร้อมกับดื่มแอลกอฮอล์ไปด้วย เพราะสาเกก็ถือเป็นเครื่องดื่มที่หมักจากข้าวอยู่แล้ว จึงถือว่ามีข้าวอยู่ในมื้ออาหารนี้แล้วนั่นเองค่ะ
ส่วนเครื่องดื่มที่เสิร์ฟในร้านส่วนใหญ่จะเน้นไปที่สาเก เบียร์และเหล้าญี่ปุ่นท้องถิ่น ซึ่งมีมากมายหลายยี่ห้อให้ได้เลือกดื่มอย่างหลากหลาย แต่ก็ใช่ว่าจะนั่งดื่มกันได้ยาว ๆ จนได้เวลาเก็บโต๊ะแบบในเมืองไทย เพราะส่วนใหญ่แล้วถ้าเป็นช่วงเวลาที่ลูกค้าแน่น ๆ มีคิวยาวรออยู่หน้าร้าน ทางร้านเค้าจะมีการจำกัดเวลาให้นั่งกินดื่มได้แค่ประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้น หลังจากนั้นก็อาจจะต้องย้ายร้านถ้าหากยังอยากจะสังสรรค์ต่อ เพื่อสละโต๊ะให้ลูกค้าที่รอคิวอยู่ได้เข้ามานั่งค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าหากพนักงานมาสะกิดว่าหมดเวลาแล้วละก็ อย่าไปหงุดหงิดใส่เค้านะคะ เพราะนี่เป็นวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นค่ะ
แหล่งร้านอิซากายะในญี่ปุ่น
หากได้เดินทางไปโตเกียวเราก็สามารถหาร้านอิซากายะทานได้ไม่ยากค่ะ เพราะร้านเหล่านี้จะตั้งอยู่ตามแหล่งรวมตัวของผู้คนอยู่แล้ว เช่น สถานีรถไฟ ย่านสถานบันเทิง และห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ แต่จะเปิดให้บริการในช่วงเย็นเป็นต้นไปเท่านั้นค่ะ
ซึ่งเฉพาะในโตเกียวเองก็มีแหล่งร้านอิซากายะรวมตัวอยู่หลายมุมเมืองในบรรยากาศที่แตกต่างกันไปค่ะ เช่น ย่านชินจูกุจะเป็นร้านอิซากายะที่เป็น chain restaurant ย่านสถานีรถไฟยูราคุโชที่จะได้บรรยากาศความลึกลับนิดนึง เนื่องจากเป็นแหล่งร้านอิซากายะที่ตั้งอยู่ใต้ทางรถไฟ หรือย่านอาซากุสะก็จะเป็นบรรยากาศความย้อนยุคหน่อย ๆ เป็นต้น ส่วนในโอซาก้าก็จะมีย่านอูเมดะและย่านนัมบะซึ่งเป็นแหล่งชอปปิ้งหลักของนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว เราก็สามารถที่จะชอปปิ้งไปด้วยและเลือกทานร้านที่สะดวกได้เลยค่ะ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ด้วยความเป็นร้านกินดื่มก็อาจจะทำให้มีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น บางร้านอาจจะขอดู passport ของลูกค้าบางคนก่อนเข้าร้านเพื่อเช็คอายุว่าไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ผู้ที่ไม่สูบบุหรี่หรือแพ้ควันบุหรี่ก็อาจจะต้องมีการเช็คกับทางร้านก่อนว่ามีการแยกโซนให้หรือไม่ ซึ่งโดยมากมักเลี่ยงไม่ได้ และสุดท้ายคือความเสียงดังจากความสนุกของโต๊ะข้าง ๆ เสียงหัวเราะ เสียงตะโกนร้องเพลงต่าง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ในร้านเหล้า ดังนั้นหากใครที่ชอบความสงบในการรับประทานอาหาร ร้านอิซากายะก็อาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมของคุณ
5 เมนูที่คนญี่ปุ่นมักสั่งพร้อมแอลกอฮอล์ที่ร้านอิซากายะ
เวลาคนไทยเราทานอาหาร มักจะทานอาหารเป็นหลักและดื่มแอลกอฮอล์เล็กน้อย แต่สำหรับคนญี่ปุ่นจะชอบทานอาหารและดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่เยอะเท่ากันค่ะ
สิ่งที่คนนิยมสั่งที่บาร์อิซากายะคือ "ชูไฮ'' ซึ่งเป็นการผสมเบียร์สดหรือโชจูเข้ากับน้ำเชื่อมและน้ำอัดลม ซึ่งถือเป็นเครื่องดื่มที่เป็นเอกลักษณ์ รายการเมนูที่คนญี่ปุ่นมักจะสั่งทานคู่กับดื่มแอลกอฮอล์ มีดังนี้ค่ะ
1: เอดามาเมะ (Edamame)

"เอดามาเมะ" คือเมนูมาตรฐานที่เกือบทุกโต๊ะจะต้องสั่งมาทานคู่กับเบียร์ เอดามาเมะคือถั่วแระญี่ปุ่นที่นำไปลวกในน้ำเดือด จากนั้นนำมาพักให้เย็นลงเล็กน้อย ตอนนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะถั่วจะยังอุ่นๆอยู่และโรยเกลือเล็กน้อยก่อนรับประทานค่ะ
หากคุณไปที่ร้านอิซากายะแล้วสั่งเอดามาเมะเป็นอย่างแรก คนญี่ปุ่นจะแปลกใจและคิดว่า"คุณเหมือนคนญี่ปุ่นเลย"!
2: ซูรูเมะ (Surume)

"ซูรูเมะ" คือปลาหมึกย่างที่คนไทยคุ้นเคย ในญี่ปุ่นมักรับประทานกับซอสที่ทำจากซีอิ๊วขาวและมายองเนสกับพริกค่ะ เข้ากันได้ดีกับเบียร์ แต่มักจะสั่งพร้อมสาเกหรือโชจูด้วยเช่นกันค่ะ
3: อะสึยากิทามาโกะ (ไข่หวาน / Atsuyaki Tamago)

"อะสึยากิทามาโกะ" คือไข่หวานที่ทำโดยการผสมไข่กับน้ำซุปดาชิและน้ำตาลค่ะ สูตรของบางร้านอาจมีสาหร่ายหรือเมนไทโกะผสมอยู่ในเนื้อไข่หวานด้วย นี่เป็นหนึ่งในเมนูที่คนญี่ปุ่นมักสั่งที่ร้านอิซากายะค่ะ
4: ยากิโทริ (ไก่ย่าง / Yakitori)

ยากิโทริเป็นเมนูหลักที่มีขายที่ร้านอิซากายะทุกที่ แม้ว่าจะไม่ใช่ร้านยากิโทริก็ตามค่ะ เรามักนิยมทานยากิโทริในส่วนของไก่ที่เป็นเนื้อสันในและเนื้ออก แต่คนญี่ปุ่นยังนิยมทานยากิโทริในส่วนอื่นๆ ได้แก่ หนังไก่ย่างหรือตูดไก่ย่าง
5: ไก่ทอด (Karaage)

เมนูนี้เหมาะกับเบียร์ที่สุด! เมนูนี้เป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นชาวญี่ปุ่นค่ะ คนญี่ปุ่นมักไม่ค่อยรับประทานไก่ทอดกับซอส และมักรับประทานกับน้ำมะนาวคั้นสดและมายองเนสค่ะ
รายการดังกล่าวข้างต้นเป็นเหมือนกับแกล้มเบียร์มากกว่ามื้ออาหารค่ะ แน่นอนหากคุณต้องการอาหารมื้อหลัก คุณสามารถสั่งอาหาร เช่น บะหมี่และข้าว ทานพร้อมแอลกอฮอล์ได้เช่นกันค่ะ
ร้านอิซากายะชื่อดัง 3 แห่งที่คนญี่ปุ่นมักไป
ว่ากันว่ามีร้านอิซากายะสาขาหลักประมาณ 6,000 แห่งในญี่ปุ่น (ข้อมูล ณ สิ้นปี 2564) แต่ที่นี่เราจะแนะนำร้านอิซากายะสาขาหลัก 3 แห่งซึ่งมีสาขาจำนวนมากที่เปิดให้บริการทั่วประเทศญี่ปุ่นค่ะ
1: โทริกิโซกุ (Tori kizoku)
"โทริกิโซกุ'' คือร้านอาหารในเครืออิซากายะที่ให้บริการอาหารที่มีเมนูยากิโทริเป็นหลักค่ะ ไก่ที่ใช้ทำยากิโทริล้วนผลิตในญี่ปุ่น ร้านให้ความสำคัญกับความสดใหม่ของวัตถุดิบเป็นพิเศษค่ะ
ซอสที่ยังคงรสชาติดั้งเดิมตั้งแต่ก่อตั้งร้าน เป็นซอสที่ทำด้วยมือ ด้วยสูตรเฉพาะของทางร้านค่ะ นอกจากการใช้เกลือหินแทนซอสเพื่อดึงรสชาติของส่วนผสมแล้ว ยังสามารถลองไก่ที่มีรสชาติหลากหลาย เช่น วาซาบิและสมุนไพรค่ะ ในเรื่องของราคา เข้าใจง่ายเพียง 360 เยนสำหรับทุกรายการ
มีร้านค้าประมาณ 620 แห่งในญี่ปุ่นค่ะ ส่วนใหญ่อยู่ในเขตคันไซและเขตมหานครโตเกียว มีเมนูภาษาอังกฤษด้วยค่ะ

2: อูโอตามิ (Uotami)
"อูโอตามิ'' เป็นหนึ่งในร้านอาหารในเครืออิซากายะชั้นนำของญี่ปุ่น ที่สามารถเพลิดเพลินกับอาหารญี่ปุ่นและอาหารสร้างสรรค์ที่เน้นอาหารทะเลเป็นหลักค่ะ มีหลายคอร์สที่สามารถเพลิดเพลินกับอาหารได้หลากหลาย ดังนั้นจึงเป็นที่นิยมในลูกค้าหลายกลุ่มไม่ว่าจะอายุหรือเพศใดก็ตามค่ะ เราสามารถเพลิดเพลินกับอาหารญี่ปุ่นได้ทุกประเภท รวมถึงซาซิมิ ปลาย่าง อาหารหม้อไฟ และซูชิ เราขอแนะนำ "ซาชิมิไทเรียวโมริ'' และ "คอร์สกุ้งย่าง" ค่ะ
อีกอย่างที่เป็นจุดขายของร้านนี้คือ "กุ้งทอดหัวใหญ่พิเศษ" ขนาดยาวประมาณถึง 30 ซม. คุณจะประหลาดใจทันทีที่ได้เห็นค่ะ
มีสาขาอยู่ในเกือบทุกจังหวัดในญี่ปุ่นค่ะ ดังนั้นคุณจึงหาร้านได้ง่ายเมื่ออยู่ในตัวเมือง เมนูถึงแม้จะเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่ส่วนใหญ่มีรูปภาพด้วยดังนั้นคุณสามารถสั่งอาหารโดยการชี้นิ้วสั่งได้ค่ะ
3: โยโระ โนะ ทากิ (Yoronotaki)
Yoronotaki เป็นร้านเครืออิซากายะที่มีประวัติยาวนานกว่า 60 ปีค่ะ มีอาหารหลากหลายประเภท ตั้งแต่อาหารจานเล็กๆ ที่สั่งง่ายไปจนถึงอาหารหลากหลายที่รับประทานเป็นกลุ่มใหญ่ได้ ที่ตั้งของสาขาหลายแห่งมีบรรยากาศแบบญี่ปุ่นในอดีตตั้งแต่สมัยโชวะ (ค.ศ. 1926-1989) และด้วยเคาน์เตอร์และห้องขนาดใหญ่ สามารถตอบสนองความต้องการได้หลากหลาย ตั้งแต่การดื่มคนเดียวไปจนถึงงานเลี้ยงเป็นกลุ่มค่ะ
มีสาขามากกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ เมนูเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่ส่วนใหญ่มีรูปภาพ ดังนั้นคุณสามารถสั่งโดยการชี้นิ้วสั่งได้ค่ะ

-----
อย่างไรก็ดี การรับประทานอิซากายะ ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีการที่เราจะได้เรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นในมุมของการใช้ชีวิตจริง ๆ ของคนญี่ปุ่นในปัจจุบัน นอกเหนือไปจากวัฒนธรรมดั้งเดิมรูปแบบต่าง ๆ ที่เราเคยสัมผัส ดังนั้นถ้าหากมีโอกาส เราอยากให้คุณลองไปสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ดูสักครั้งกันนะคะ : )