สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนครับ กลับมาพบกันอีกแล้วครับ เห็นชื่อหัวข้อแล้วอย่าเพิ่งตกใจไปนะครับ เดี๋ยวผมจะมาเล่าเหตุการณ์ให้ฟังในบทความนี้ วันนี้ผมจะพาทุกคนไปเที่ยวกันที่ Starbucks Reserve Roastery Tokyo ครับ
เนื่องจากผมเคยทำงานเป็นพาร์ทเนอร์ของ Starbucks มากว่า 8 ปี ดังนั้นเมื่อมีโอกาสได้มาเยือนเมืองที่เป็นที่ตั้งของ Starbucks สาขาใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว มีหรือที่จะพลาด ต่อให้รอคอยแค่ไหนฉันก็จะรอ 55555
การเดินทางมายังที่นี่ไม่ยากครับ ผมเริ่มเดินทางมาจากสถานี Shibuya ให้นั่งรถสาย Tokyu-Toyoko และลงสถานี Nakameguro แล้วพอออกมาจากสถานี ฝั่งตรงข้ามถนนเป็นสตาร์บัคสาขาธรรมดาให้ข้ามไปฝั่งนั้นแล้วเดินผ่านไปจะเจอกับแม่น้ำ Meguro ก็เดินเลียบแม่น้ำเรื่อยๆ ก็จะถึงครับ
ทางเดินริมแม่น้ำ Meguro ครับ ถ้ามาช่วงต้นเมษา ระแวกนี้ซากุระจะบานเต็มเลย (ผมมาปลายเดือนเมษา อดเลย)
ต้นไม้สีเขียวๆนี่คือต้นซากุระทั้งหมดเลยครับ ลองจินตนาการดูว่าถ้าบานจะสวยแค่ไหน T^T
ถึงแล้วเราก็มารับบัตรคิวกันก่อนครับ ผมมาถึงประมาณบ่าย 2 โมง พนักงานบอกว่ารอคิวประมาณ 3 ชั่วโมง แต่ดีที่มีโปรแกรมแจ้งเตือนว่าถึงคิวที่เท่าไหร่แล้ว เราจึงเลือกที่จะไปเดินเล่นที่อื่นก่อนครับ
Starbucks Card ลายเฉพาะของที่นี่ครับ ผมได้มันมาแล้ว 2 ใบ 55555
\
บริเวณด้านข้างของ Starbucks Reserve Roastery Tokyo ครับ
ที่นี่มีขายหลายผลิตภัณฑ์ในเครือของ Starbucks นะครับ ไม่ใช่แค่กาแฟอย่างเดียว
Starbucks Reserve Roastery ในญี่ปุ่นถือเป็นร้านลำดับที่ 5 ในโลกของ Starbucks ถัดจาก ซีแอตเทิล เซี่ยงไฮ้ มิลาน และนิวยอร์ก เป็นสาขานี้มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เพราะมีพื้นที่ทั้งหมด 32,000 ตารางฟุต ใหญ่กว่าที่เซี้ยงไฮ้ แชมป์เก่าอยู่ 2,000 ตารางฟุตครับ
ผู้ออกแบบอาคารนี้คือ Kengo Kuma เปิดตัวในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2019 นี่เอง ร้านนี้ตกแต่งและออกแบบด้วยแรงบันดาลใจจากซากุระ และอีกสิ่งที่สำคัญคือ ในร้านแห่งนี้สามารถผลิตกาแฟได้มากกว่า 750 ตันต่อปี
บริเวณด้านหลังที่อยู่ติดกับถนนใหญ่ครับ จะเห็นได้ว่ามีขนาดใหญ่โตมาก
ระหว่างขอคิว ผมจึงได้เดินทางไปเที่ยวที่ Tokyo Tower เพื่อเป็นการฆ่าเวลาครับ จึงถ่ายภาพสวยๆมาให้ชมกันด้วยครับ
สักพักพอใกล้คิว เราก็ได้เดินทางกลับไปยังที่เดิม แต่ฝนเจ้ากรรมก็ตกลงมาอย่างหนัก สภาพเปียกปอนเป็นลูกหมาตกน้ำเลยครับ หนาวก็หนาว 55555
รอคิวอีกสักพัก เราก็ได้เข้าข้างในกันแล้ว เย้ๆๆ
ชั้นที่ 1 จะเป็นชั้น Main Roaster ที่จะมีเครื่องคั่วกาแฟขนาดใหญ่สำหรับใช้ชงเครื่องดื่มในร้านและบรรจุถุงจำหน่ายครับ
ครั้งหนึ่งในชีวิตในฐานะบาริสต้าเก่า ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมมากๆเลยครับ
มีบริเวณสำหรับชงกาแฟที่ทำจากเมล็ดกาแฟStarbucks Reserve โดยชงจากเครื่องชงชนิดต่างๆ อย่างที่เห็นในภาพคือเครื่องชง Black Eagle ครับ เครื่องนี้เป็นแรงดันไอน้ำแบบ Manual รสชาติกาแฟออกมาเยี่ยมมาก ประเทศไทยตอนนี้ก็มีหลายสาขาที่มีเครื่องชงแบบนี้ครับ เช่น Gaysorn , Siam Square One,Mega Bangna เป็นต้นครับ
โซนนี้จะใช้เครื่องชงแบบ Manual หรือที่เรียกว่า Experience Bar โดยจะมีเครื่องชงแบบ Siphon ,Pour Over Cone Brew และ Chemex ครับ รสชาติที่ออกมาแต่ละเครื่องชงก็จะต่างกันแล้วแต่คนชอบเลยครับ เมืองไทยก็มีแล้วหลายสาขาเหมือนกันครับ แต่เมล็ดกาแฟของที่ไทยจะไม่เหมือนของที่นี่เท่านั้นเอง
Princi Blend คั่วเองที่โรงนี้เลยครับ ซื้อมาทาน 1 ถุง รสชาติดีอยู่ครับ ได้ดื่มแก้วเดียวเองที่เหลือเพื่อนขโมยไปหมดเลย
ภาพกระสอบที่บรรสุเมล็ดกาแฟสดที่เตรียมนำมาคั่วครับ
โซนนี้จะเป็นโซนที่ทำเบเกอรี่สด รวมถึงมีพาสต้าและสลัดขายด้วยนะครับ
กาแฟเมื่อคั่วแล้วจะถูกส่งตามท่อมาที่ Hopper เพื่อเตรียมชงเครื่องดื่มขายให้ลูกค้าครับ
ฝั่งนี้จะเป็นเครื่องชงแบบ Clover ครับ เป็นเครื่องชงแบบจุ่มแช่กึ่งอัตโนมัติที่รสชาติดีอีกเครื่องชงนึงครับ เมืองไทยก็มีอยู่ไม่กี่สาขาครับ
คั่วกันให้เห็นชัดๆเลย
เครื่องดื่มที่สั่งมาลองครับ จำชื่อไม่ได้ครับแฟนสั่งให้ ราคาเอาเรื่องอยู่ 555 เครื่องดื่มทำจากเมล็ดกาแฟ Starbucks Reserve Colombia Pedregal ครับ ซึ่งเป็น Small Lot ด้วยครับ
ชมวิวเพลินๆ
ที่รองแก้วเป็นโลโก้ Reserve ครับ สวยมาก
จากนั้นเราเดินทางไปที่ชั่น 2 ที่เป็นโซนของ Teavana ครับ
ตกแต่งกำแพงด้วยแก้วชาครับ เก๋มากเลย
Teavana ก่อตั้งขึ้นในปี 1997 ที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ดำเนินธุรกิจร้าน Teavana จำหน่ายเครื่องดื่มชา และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับชา โดยต้องการเป็น “Heaven of Tea” สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดื่มชา หลงใหลเรื่องราวเกี่ยวกับชา
Starbucks ซื้อกิจการ Teavana เมื่อปี คศ 2012 เพื่อปลดล็อคธุรกิจให้เป็นมากกว่าร้านกาแฟ ทำให้มีความยืดหยุ่นในการนำเสนอสินค้าทั้งกลุ่มเครื่องดื่ม อาหาร นวัตกรรม และการพัฒนาช่องทางการขายใหม่
มีชา และเครื่องดื่มที่ทำจากชาให้เลือกมากมาย อย่างที่ไม่มีในสาขาอื่นๆ ครับ
สาขานี้ได้นำเอาวัตถุดิบท้องถิ่นในญี่ปุ่นมาผสมผสานและดึงเป็นจุดขายที่น่าสนใจ
มีขาย Merchandise ของ Teavana ด้วยครับ น่าเก็บสะสมหลายแบบเลย
ภาพมุมมองเมื่อมองจากชั้น 2 ลงไปด้านล่างครับ สวยงามและดูกว้างขวางมาก
ขึ้นมาชั้น 3 เราก็จะเจอป้ายสัญลักษณ์ ว่าเรามาถึงร้าน Starbucks Reserve แล้วจริงๆนะ
ภาพมุมไฮไลท์ที่ทุกคนมาถึงต้องถ่ายรูปด้วยคือมุมนี้ครับ เค้าได้เอาป้ายกาแฟแต่ละชนิดของ Starbucks Reserve ที่มีขายทั่วโลกเอามาติดกำแพงและทำเป็นลวดลาย สวยงามมากเลยครับ ^^
ชั้นที่ 3 Arriviamo ค็อกเทลบาร์ โดยจะมีการรังสรรค์กาแฟผสมกับค็อกเทล มีรสชาติต่างๆมากมาย ขอบอกว่ามันอร่อยมากครับ ต้องมาลองให้ได้สักครั้งหนึ่ง อยากให้ที่เมืองไทยมีแบบนี้เหมือนกันนะ ผมจะกินทุกวันเลย 5555
มีโซนด้านนอกให้ดื่มกาแฟด้วยครับ แต่ฝนตกครับ อดเลย
สวยทุกมุมเลยครับ
ชั้น 4 Inspiration Lounge กับพื้นที่ขนาดใหญ่ เป็นพื้นที่ในการจัดกิจกรรมต่างๆ และอบรมพูดคุยกับลูกค้าเรื่องเกี่ยวกับกาแฟครับ
Starbucks Reserve Roastery ที่มิลาน มีขายรถเวสป้า แต่ที่โตเกียว ขายจักรยานครับ แสดงความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่นมาก
ก่อนกลับก็ต้องซื้อของที่ระลึก คงหนีไม่พ้น Collection ที่เป็นของที่นี่โดยเฉพาะ ผมเองก็จัดมาหลายใบอยู่เหมือนกันครับ ถ้าใครสะสมบัตร Starbucks Card สามารถเปิดบัตรขั้นต่ำ 5,000 เยนและใช้ซื้อสินค้าได้เลยครับ
หวังว่าเพื่อนๆจะชอบกระทู้นี้กันนะครับ ไว้ถ้าไปเที่ยวโตเกียวอย่าลืมแวะไปที่นี่กันเยอะๆนะครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบนะครับ บายๆ