สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านที่หลงใหลในการท่องเที่ยวเจแปน วันนี้เราจะพาท่านมาเยือนฮาโกเน่ เมืองแห่งออนเซ็นและธรรมชาติอันงดงาม ซึ่งในบทความนี้ เราจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆนอกเหนือจากออนเซ็น แต่ละที่นั้นบอกเลยว่าพลาดไม่ได้เลยที่จะต้องมาเชคอิน เช่น หุบเขาโอวากุดานิ (Owakudani) ทะเลสาบอาชิ (Lake Ashi) พิพิธภัณฑ์สวนเครื่องแก้ว(Hakone Glass no Mori) และพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งฮาโกเน่(Hakone Open Air Museum)
ซึ่งในการเดินทางครั้งนี้เราไม่ใช้รถยนต์ แต่จะไปด้วยตั๋ว “ฮาโกเน่ ฟรีพาส (Hakone Freepass)” ที่สุดแสนจะคุ้มค่าคุ้มราคามากมาย
- ก่อนเที่ยวมาทำความรู้จักเมืองฮาโกเน่สักนิด
- เมื่อพร้อมเที่ยวแล้ว ก็ซื้อตั๋วฮาโกเน่ ฟรีพาสได้เลย
- สถานีฮาโกเน่ยุโมโตะ (Hakone-Yumoto)
- นั่งเรือชมฟูจิซังและทะเลสาบอาชิ
- นั่งกระเช้าลอยฟ้าชมวิว และกินไข่ดำที่หุบเขาโอวาคุดานิ
- พิพิธภัณฑ์สวนเครื่องแก้วอันงดงามราวสวนสวรรค์
- ดื่มด่ำกับผลงานศิลปะใกล้ชิดกับธรรมชาติที่พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งฮาโกเนะ
ก่อนเที่ยวมาทำความรู้จักเมืองฮาโกเน่สักนิด
ฮาโกเน่ แหล่งท่องเที่ยวที่สามารถเพลิดเพลินไปกับออนเซ็นและธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ เพียบพร้อมไปด้วยทัศนียภาพงดงามที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นอย่างภูเขาไฟฟูจิ ด้วยความที่เมืองฮาโกเน่ห่างจากตัวเมืองโตเกียวเพียงประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น จึงเป็นที่เที่ยวยอดนิยมของทั้งนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นและต่างชาติ
ฮาโกเน่มักจะอยู่ในอันดับต้นๆ ของการจัดอันดับบ่อน้ำพุร้อน(ออนเซ็น) ยอดนิยมในเวปไซต์และนิตยสารมากมาย มีตั้งแต่เรียวกังสไตล์ญี่ปุ่นที่มีบ่อน้ำพุร้อนจนถึงโรงแรมขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวได้จำนวนมาก ไม่ว่าจะไปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับหรือพักค้างคืน รับรองเลยว่าคุณจะประทับใจในเมืองแห่งนี้อย่างแน่นอน!!
CR : https://www.odakyu.jp/english/passes/hakone/
เมื่อพร้อมเที่ยวแล้ว ก็ซื้อตั๋วฮาโกเน่ ฟรีพาสได้เลย
“ฮาโกเน่ ฟรีพาส (Hakone Freepass)” แค่มีตั๋วใบนี้ใบเดียวก็สามารถท่องเที่ยวได้ทั่วเมืองฮาโกเน่เลยแหละ!
ตั๋วใบนี้ทำให้เราจะสามารถใช้บริการยานพาหนะต่างๆ ในฮาโกเน่ได้อย่างไม่จำกัด! อย่างเช่น รถไฟสายฮาโกเน่โทซัง รถประจำทาง กระเช้าลอยฟ้าสายฮาโกเน่ หรือนั่งเรือกินลมชมบรรยากาศทะเลสาบและฟูจิซัง
สำหรับท่านที่มีแพลนตระเวนเที่ยวบริเวณโอวากุดานิไปจนถึงทะเลสาบอาชิ ถ้ามีตั๋วนี้คือคุ้มค่ามากจริงๆ
นอกจากนี้ยังใช้เป็นส่วนลดค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวอย่างพิพิธภัณฑ์ และออนเซ็นต่างๆในเมืองฮาโกเน่อีกด้วย
เรียกว่า คุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว สำหรับช่องทางซื้อตั๋วสามารถดูรายละเอียดได้ที่เวปไซต์นี้ได้เลยค่ะ
https://www.odakyu.jp/english/passes/hakone/
(ทิวทัศน์หน้าสถานีฮาโกเน่ยุโมโตะ สวยจนต้องเก็บภาพไว้ก่อนเลย)
สถานีฮาโกเน่ยุโมโตะ (Hakone-Yumoto)
เมื่อเราซื้อตั๋วฮาโกเน่ ฟรีพาสแล้ว เราสามารถใช้ตั๋วนี้สำหรับนั่งรถไฟโอดะคิวด่วนพิเศษ จากสถานีชินจูกุ มาลงที่สถานีฮาโกเน่ยุโมโตะ แบบไม่ต้องเปลี่ยนขบวนให้ยุ่งยากได้เลย โดยใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงครึ่งเท่านั้นเอง
เราซื้อตั๋วฮาโกเน่ ฟรีพาสจากในเวปเป็นแบบ Online Ticket ตอนที่จะเข้าไปยังจุดขึ้นรถไฟ ก็เปิดหน้าตั๋วจากในเวปยื่นโชว์ให้นายสถานีดูได้เลย รวมถึงตอนที่ใช้บริการรถประจำทางในฮาโกเน่ก็ยื่นหน้าตั๋วในโทรศัพท์ให้คนขับดู สะดวกง่ายๆแบบไม่ต้องกลัวหาย เพราะถ้าหายก็หายไปทั้งโทรศัพท์เลย แหะๆ
นั่งเรือชมฟูจิซังและทะเลสาบอาชิ
ทะเลสาบอาชิเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยทิวทัศน์ธรรมชาติของน้ำทะเลสีฟ้าใสและความงดงามของภูเขาไฟฟูจิที่ดึงดูดผู้คนมากมายให้เข้ามาเยี่ยมชม และจากที่นี่ยังสามารถเดินเท้าไปยังศาลเจ้าฮาโกเน่ได้อีกด้วย เรียกได้ว่านั่งรถบัสมาลงจุดเดียวแต่ได้รูปเกินร้อยแน่ๆ ช่างคุ้มค่าสำหรับการเดินทาง.. เรานั่งรถประจำทางสายฮาโกเน่โทซังจากสถานีฮาโกเน่ยุโมโตะมาลงป้ายท่าเรือฮาโกเน่มาจิ
จุดเช็คอินที่ไม่ว่าใครก็ตามที่มาศาลเจ้าฮาโกเน่ จะต้องถ่ายรูปมุมนี้กันแทบจะทุกคน เสียดายวันที่เราไป เขากั้นเชือกไม่ให้เดินลงไปจนถึงด้านล่าง ก็เลยเก็บภาพจากด้านบนมาแทน
เมื่อถ่ายรูปจนเป็นที่พอใจแล้ว ก็ถึงเวลานั่งเรือไปยังที่พักในวันนี้ เราสามารถใช้ตั๋วฮาโกเน่ ฟรีพาสนั่งเรือได้เลยโดยไม่ต้องจ่ายเงินอีกแล้ว
ภาพบรรยากาศภายในเรือ ถ้าใช้ตั๋วฮาโกเน่ ฟรีพาสจะไม่สามารถใช้บริการห้องพิเศษนี้ได้ เราเลยจ่ายเงินเพิ่มนิดหน่อยค่ะ
พอมาถึงท่าเรือ เราก็ต่อรถประจำทางเพื่อไปยังเรียวกัง วันนี้ขอกลับไปแช่ออนเซ็นให้สบายตัวก่อนจะเที่ยวต่อในวันพรุ่งนี้ บอกเลยว่าในแต่ละจุดเราใช้เวลาถ่ายรูปนานมาก จึง ไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวแบบวันเดย์ทริปเหมือนคนอื่นๆได้ อิอิ
นั่งกระเช้าลอยฟ้าชมวิว และกินไข่ดำที่หุบเขาโอวาคุดานิ
หุบเขาโอวาคุดานิเป็นปล่องภูเขาไฟที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟฮาโกเน่ เมื่อประมาณ 3,000 ปีที่แล้ว
โอวาคุดานิเป็นพื้นที่ที่มีความร้อนใต้พิภพที่ยังคุกรุ่นอยู่ และยังคงปล่อยควันภูเขาไฟกำมะถันสีขาวออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนกลิ่นนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ เหม็นจนเวียนหัวจนหายเวียนและก็ชินในที่สุด
นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาที่นี่ต่างก็มากินไข่ดำ ที่เปลือกไข่มีสีดำก็เนื่องจากว่า มันถูกนำไปต้มในน้ำแร่กำมะถันนั่นเอง และคนญี่ปุ่นยังมีความเชื่อว่า กินไข่ดำหนึ่งฟองจะทำให้มีอายุยืนไปอีกเจ็ดปีเลยทีเดียว
นั่งกระเช้าลอยฟ้าชมวิวภูเขาไฟฟูจิและหุบเขาโอวาคุดานิแบบ 360 องศา
บริเวณโดยรอบหุบเขาโอวาคุดานิที่ปกคลุมไปด้วยกำมะถัน ช่างเป็นทัศนียภาพที่มีเอกลักษณ์ เมื่อก่อนคนญี่ปุ่นเรียกที่นี่ว่า “จิโกกุดานิหรือหุบเขานรก” ชื่อช่างมีความน่ากลัวเสียจริง
พิพิธภัณฑ์สวนเครื่องแก้วอันงดงามราวสวนสวรรค์
ภายในบริเวณพิพิธภัณฑ์สวนเครื่องแก้ว ทุกพื้นที่ต่างถูกตกแต่งไปด้วยเครื่องแก้วหลากสีหลากรูปแบบ ช่างดูเหมือนป่าคริสตัลที่มีแสงระยิบระยับเมื่อแสงแดดกระทบ บอกเลยว่ามองด้วยตาเปล่าสวยตะลึงจริงๆค่ะ
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่จัดแสดงผลงานของ Livio Seguso ศิลปินแก้วชื่อดังจากอิตาลีที่เป็นเหมือนผู้บุกเบิกงานแก้วเวนิสให้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
ต้นไม้แก้วกับบ้านหลังน้อย ชอบบรรยากาศแบบนี้จริงๆ
ขอเก็บภาพในสวนสวรรค์แห่งนี้สักนิด ตอนถ่ายภาพต้องระวังอย่าให้มือไปปัดโดนแก้วที่ประดับไว้นะคะ เดี๋ยวทำแก้วเขาแตกขึ้นมา คงหมดสนุกเลยทีเดียว
ดื่มด่ำกับผลงานศิลปะใกล้ชิดกับธรรมชาติที่พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งฮาโกเนะ
ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งแรกของญี่ปุ่นที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1969 โดยจัดแสดงผลงานขึ้นชื่อของนักประติมากรรมยุคใหม่และร่วมสมัยชื่อดังอย่างโอกุสต์ รอแด็ง (Auguste Rodin) เฮนรี่ มัวร์ (Henry Moore) และศิลปินท่านอื่นๆ
มีคอนเซ็ปต์หลักเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเปิดโล่งบนเนินเขากว้างโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ ในพื้นที่อันกว้างใหญ่กว่า 70,000 ตารางเมตร (43 ไร่) ทำให้เราสามารถดื่มด่ำกับผลงานศิลปะได้อย่างเพลิดเพลินใจ เรียกว่าเดินเพลินจนเมื่อยจนอยากไปแช่ออนเซ็นอีกรอบเลย
หอคอย "ประติมากรรมซิมโฟนีเรียกความสุข" ที่ติดกระจกสีทั้งหลัง
"อาคารปีกัสโซ" ที่เก็บรวบรวมคอลเลคชันของปาโบล ปีกัสโซ (Pablo Picasso) ได้มีการรวบรวมตั้งแต่เครื่องเซรามิกส์และชิ้นงานอื่นๆ เอาไว้มากกว่า 300 ชิ้น
เรารู้สึกว่าที่พิธภัณฑ์แห่งนี้เหมาะกับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ทุกเพศทุกวัยเลย เพราะมีผลงานศิลปะมากมายที่อัดแน่นไปด้วยความคิดและจินตนาการของเจ้าของผลงาน ทำให้ผู้เข้าชมไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับผลงานได้อย่างอิสระ
จบแล้วค่ะสำหรับทริปฮาโกเน่ 2วัน1คืนของเรา ความจริงเราเคยมาเที่ยวฮาโกเน่หลายครั้งมาก มีสถานที่ท่องเที่ยวที่อยากแนะนำอีกหลายแห่งเลย แต่เกรงว่าบทความจะยาวเกินไป ผู้อ่านจะเบื่อกันซะก่อน แหะๆ
เอาไว้ผ่านไปสักระยะ จะวนกลับมาเขียนสถานที่อื่นๆในฮาโกเน่อีกนะคะ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้บรรเทาความคิดถึงญี่ปุ่นบ้างนะคะ หรือจะทำให้คิดถึงญี่ปุ่นหนักกว่าเดิมก็ไม่รู้สินะ อิอิ