ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

พาเที่ยวธรรมชาติชิซุโอกะ พบแพนด้าแดง ลิ้มรสปลาไท

ภูมิภาค
หัวข้อที่เกี่ยว
พาเที่ยวธรรมชาติชิซุโอกะ พบแพนด้าแดง ลิ้มรสปลาไท

สวัสดีค่ะวันนี้เราจะพาไปไกลจากโตเกียวนิดนึงแต่ก็ไม่ไกลมากนั่นก็คือจังหวัดชิซุโอกะ นั่นเองค่ะ ซึ่งวันนี้เราจะเดินทางด้วยรถยนต์ก็คือเช่ารถไปขับนี้ล่ะค่ะเดี๋ยวนี้การเช่ารถขับก็เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติเพราะสามารถไปสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ไกลได้โดย ไม่ต้องกังวลกับเวลารถไฟและมีความเป็นส่วนตัว เพราะฉะนั้นถ้าใครสนใจจะมาเช่ารถขับที่ญี่ปุ่นก็อย่าลืมเตรียมใบขับขี่สากลไว้ให้พร้อมด้วยนะคะ แล้วที่สำคัญคือใบขับขี่สากลนั้นจะใช้ในญี่ปุ่นได้จะต้องมีอายุเกินสองเดือนนวันที่ออกในประเทศแม่ค่ะ เช่นเราออกใบขับขี่สากลวันที่หนึ่งตุลาคม ใบขับขี่นั้นจะใช้ได้ อย่างถูกกฎหมายในญี่ปุ่นก็เมื่อเลยวันที่ 1 ธันวาคมไปค่ะ โอเคพูดถึงใบขับขี่กันซะยืดยาวเรามาเข้าเรื่องเที่ยวของเราดีกว่าค่ะ

จังหวัดชิซุโอกะถ้าใครจินตนาการไม่ออกว่าอยู่ส่วนไหนของญี่ปุ่นให้นึกภาพว่าโตเกียวอยู่ตรงกลางและชิซุโอกะอยู่ทางด้านซ้ายของโตเกียวระหว่างโตเกียวกับนาโกย่านะคะ ก็คือจังหวัดที่เป็นที่ตั้งของ ภูเขาไฟฟูจิ นั้นเองแหละค่ะแต่ว่าวันนี้เราจะไม่พาไปฟูจิเพราะยังไงทุกคนก็รู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เราจะพาไปเที่ยวธรรมชาติทางตอนใต้ของจังหวัดชิซุโอกะ ที่มีธรรมชาติสวยงาม ปลาไทรสเลิศ อันดับหนึ่งของญี่ปุ่น พาชมสวนจระเข้และแพนด้าแดงขนปุยกันค่ะ โดยที่ที่เราจะพาไปคือเมืองชิโมดะกันค่ะ จริงๆแล้วที่นี่เป็นที่ขึ้นชื่อเรื่องสตอเบอรี่และออนเซ็นเป็นอย่างมากค่ะแต่ด้วยเรื่องเวลาเราจึงไม่สามารถพาไปชมได้ครบ แต่ที่ที่เราจะพาไปในคราวนี้คนที่รักธรรมชาติพลาดไม่ได้แน่นอนค่ะ

เดินทางโดยรถหรือรถไฟเวลาไม่ค่อยต่างกันมากค่ะคือใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งจากโตเกียว ค่าทางด่วนไปกลับประมาณ 5000 เยนค่ะ

สำหรับทริปคราวนี้เราไปแบบสองวันหนึ่งคืนเรื่องการเดินทางเนื่องจากเราใช้รถยนต์ก็ขับตาม เนวิเกเตอร์ไปได้เลยค่ะ เพราะฉะนั้นเราก็จะมารีวิวสถานที่ท่องเที่ยวล้วนล้วนเลยนะคะเริ่มจากที่แรก

หลังจากที่เราออกรถกันตั้งแต่ เกือบเกือบ 9 โมงเช้าประมาณเที่ยงเราก็เดินทางมาถึงชิโมดะแล้วค่ะ
โดยที่แรกที่เราจะไปก็คือ โจคาซากิไคคัง(城ヶ崎海岸) ค่ะ ที่นี่เราจะมาชมวิวทะเลชายขอบญี่ปุ่นพร้อมกับถ่ายรูปคู่กับสะพานแขวนคาโดวากิค่ะ (門脇吊り橋) โดยสะพานแขวนแห่งนี้เป็นสะพานเชื่อมระหว่างภูเขามีความยาว 48 เมตรและสูงจากน้ำทะเล 23 เมตรคือถ้าตกไปก็น่าจะไหลไปกับน้ำทะเลเลยล่ะค่ะ ฮา

ซึ่งกว่าจะเดินมาถึงตรงสะพานนี้ก็ต้องไต่ พวกเขาขึ้นมาประมาณ 10 นาที ทางไม่ชันมากเดินได้เรื่อยเรื่อยค่ะ. แต่ว่าถ้าใครไม่ค่อยได้ออกกำลังกายก็เตรียมยาแก้ปวด ไว้ก็ดีนะคะ;] และสำหรับที่จอดรถก็มีไว้บริการค่ะโดยเสียค่าจอดคันละ 500 เยน

ภาพจริงสวยกว่าในรูปมากค่ะผู้เขียนถ่ายรูปไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่อาจจะถ่ายทอดความงามของธรรมชาติออกมาได้ไม่หมด แต่ที่นี่สายตากล้องสายธรรมชาติต้องมาเที่ยวชมให้ได้สักครั้งนะคะ

และเนื่องด้วยจากเป็นขอบชายฝั่งที่มีการกัดเซาะมานาน ทำให้โขดหินกัดเซาะสวยงามและน่าปีนไปถ่ายรูปมากๆเลยค่ะอันนี้ผู้เขียนเองก็ไม่เกรงใจกระโปรงตัวเองปีนลงโคดหินไปถ่ายรูปเหมือนกัน TvT

หลังจากดื่มด่ำธรรมชาติเรียบร้อยแล้วเราก็เดินทางไปสู่ที่ที่สองนั่นก็คือสวนเขตร้อนบานาน่าวานิ ชื่อสวนนางก็มีความแปลกแยกแนวแต่ก็แปลตรงตัวตามภาษา ปุ่นว่าสวนกล้วยจระเข้ (วานิ แปลว่าจระเข้) บางทีเราก็ไม่เข้าใจเซนต์การตั้งชื่อของคนญี่ปุ่นเหมือนกันเนอะ สำหรับที่นี่เป็นสวนเขตร้อนที่มีทั้งหมดสามส่วนให้เยี่ยมชม ได้แก่ บ่อจระเข้และตะโขง หลากหลายสายพันธุ์ สวนป่าเขตร้อนและแพนด้าแดง และสวนดอกไม้เขตร้อนกับพยูนยักษ์ โดยสำหรับที่นี่เราจะต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 1800 เยนสำหรับผู้ใหญ่และสำหรับเด็กประถมลงไป 900 เยนค่ะ

สำหรับอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติเขาก็มียูอาร์โค้ดรายละเอียดของสวนให้สแกนอ่านได้ด้วยค่ะ

โดยสวนแห่งนี้มีอาคารแยกหลายอาคารก็คืออาคารหลักที่มีบ่อจระเข้และอาคารแยกซึ่งจะเป็นที่อยู่ของแพนด้าแดงและสัตว์ชนิดอื่นๆแต่ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะต้องเดินไปนะคะเพราะทั้งสวนมีรถบัสให้บริการไปกลับโดยเวลาที่นั่งก็ไม่ถึง 5 นาทีเท่านั้นเองค่ะ

สำหรับรูปจระเข้เราจะไม่พรีเซนต์มากแล้ว เพราะคล้ายกับของบ้านเราค่ะแต่ว่าทางสวนที่นี่จะรวบรวมสายพันธุ์หายากของแต่ละทวีปมาไว้รวมกันทำให้เราสามารถชมจระเข้หลากสายพันธุ์ได้ในทีเดียว

แล้วเราก็ขึ้นบัส ชมอีกอาคารกันค่ะ. แล้วสิ่งที่รอเราอยู่ก็คือแตนแต๊นนน

น้องแพนด้าแดงเองจ้า เหมือนแร็กคูนสีส้มเลยคือน้องน้องน่ารักมากแล้วก็น่าจะคุ้นชินกับคนตื่นตัวตลอดเวลา โดยเฉพาะห่างน้องนะคะปุยมาก 55555. แล้วนอกจากน้องน้องที่อยู่ในกรงแล้วก็จะมีบางส่วนที่เค้าปล่อยให้อยู่ตามธรรมชาติค่ะ

ไม่ใช่แค่น้องน้องสองตัวนี้นะคะมีประมาณสี่ถึงห้าตัวเลยที่เค้าปล่อยให้อยู่ตามต้นไม้แบบนี้โดยจะเป็นคล้ายๆเกาะเล็กๆ กันน้องหลุดออกมาและกันคนเข้าไปใกล้น้องเกินสมควร

ในช่วงที่เรามานี้อยู่ในช่วงต้นกุมภาพันธ์จึงยังอยู่ในฤดูหนาวแต่ทว่าคุณรู้มั้ยคะว่าซากุระที่ชิสุโอกะได้ชื่อว่าเป็นซากุระที่บานเร็วที่สุดในญี่ปุ่น. โดยจะบ้านพร้อมพร้อมกับดอกบ๊วย ซึ่งก็เป็นโชคดีของเราที่เรามาคราวนี้ต้นซากุระกำลังบานเต็มที่สีชมพูสดเลยล่ะค่ะ ทั่วไปแล้วนั้นดอกซากุระจะเริ่มบานตั้งแต่ช่วงต้นเมษาเป็นต้นไปแต่ว่าถ้าใครมาเที่ยวช่วงกุมภาแต่ก็ยังอยากชมความงามของซากุระก็แนะนำที่นี่จังหวัดนี้เลยค่ะ. ด้วยเวลาที่มีจำกัดพวกเราเลยไม่ได้ไปที่ที่สำหรับชมดอกซากุระโดยเฉพาะแต่ดอกซากุระที่สวนบานาน่าวานิแห่งนี้ก็สวยมากๆเลย

รู้มั้ยคะนี่ตัวอะไรเอ่ยตัวนี้คือซาลาแมนเดอร์ญี่ปุ่นค่ะ ปัจจุบันหาชมได้ยากแล้วแต่ที่นี่ก็มีน้องตัวเบอเริ่มหนึ่งตัวให้เราได้ชมกันด้วยค่ะถ้าใครเคยอ่านอินุยาฉะ น่าจะเคยเห็นเจ้าตัวนี้กันบ้างเนอะที่อยู่ในตอนเมืองลับแล

จริงๆแล้วเรายังมีที่ที่อยากพาไปอีกมากเลยค่ะเอสท้ายนี้เราขอตบท้ายด้วยธรรมชาติสวยสวยอีกซักที่ นั่นก็คือถ้ำริวกู ที่เป็นรูปหัวใจและสกีทราย ธรรมชาติค่ะ

สำหรับวิธีชมถ้ำรูปหัวใจนะคะเค้าก็จะมีรูทการเดินคือ เราต้องปีนขึ้นไปดูข้างบนก่อนเพราะฉะนั้นเราก็ต้องไต่ บันไดกันขึ้นไปก่อนค่ะ

เพราะเราปีนขึ้นมาถึงแล้ววิวข้างบนสวยมากอากาศดีมาก

พระเอกของที่นี้ค่ะเพราะมองจากข้างบนเราก็จะเห็นเป็นรูปหัวใจได้ชัดเลยธรรมชาติมหัศจรรย์จริงๆเลยค่ะน่ารักด้วย แล้วด้วยความที่ มีรูปเหมือนรูปหัวใจนี่แหละค่ะทำให้ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นพาวเวอร์สปอร์ทอ๊อฟเลิฟ
พอเราเดินชมมุมบนเสร็จแล้วต่อไปเราก็จะมุดไปใต้ทำกันค่ะถึงจะพูดว่ามุดไปใต้ทำแต่ก็เดินบันไดลงไปไม่เยอะไม่ต้องตกใจนะคะ ;]

ที่จริงแล้วถ่ายรูปไว้เยอะมากแต่ว่าธรรมชาติการได้ซึมซับความรู้สึกด้วยตาคงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสายผจญภัยสายถ่ายรูปห้ามพลาดนะคะ เป็นจุดขายจุดสุดท้ายที่เราจะแนะนำสำหรับที่แห่งนี้ค่ะนั่นก็คือเนินทรายธรรมชาติที่บอกว่าเนินทรายเนี่ยไม่ใช่แค่เป็นภูเขาเล็กๆขึ้นมานะคะแต่คือเป็นเนินทรายที่มีความสูงมากพอที่จะให้เราเล่นสกีทรายได้เลยล่ะค่ะซึ่งจะสูงขนาดไหนนั้นก็ตามไปดูรูปข้างล่างกันเลยนะคะ

ไปอธิบายการเกิดสกีทราย

บอกแล้วว่ามันขนาดมหึมามากซึ่งขึ้นชื่อว่าสกีทรายนะคะมันเล่นได้แน่นอนด้วยเค้าจะมีเป็นเก้าอี้สกีเรียกว่าโซริ ให้เช่ามาเล่นได้ค่ะ

ฮึบแล้วก่อนที่เราจะจากกันขาดไม่ได้เลยคือเราจะแนะนำของกินที่มีชื่อของที่นี่ค่ะนั่นก็คือปลาไท หรือก็คือเจ้าปลาตัวสีแดงตาโตโตที่มักจะเห็นในเมนูอาหารญี่ปุ่นนั่นแหละค่ะโดยปลาไทยถือว่าเป็นปลาที่มีราคาแพงขึ้นมานิดนึงแต่เนื้อสัมผัสหวานนุ่มสมราคาค่ะเพราะฉะนั้นถ้ามาชิสุโอกะ โดยเฉพาะเมืองชิโมดะอย่าลืมรับประทานปลาไท ให้เป็น ลาภปากสักมื้อนะคะ

สำหรับร้านที่ผู้เขียนแวะทานก็ไม่ได้เป็นกรูเม่ อะไรแต่ว่ารสชาติอร่อยมากจริงๆค่ะ

เอาละค่ะพาไปเที่ยวสถานที่น่าสนใจที่คิดว่าหลายหลายท่านอาจจะยังไม่เคยได้ยินเลยคิดเพียงแค่ว่าจังหวัดชิสุโอกะ จะมี. ขายเพียงแค่ภูเขาไฟฟูจิเท่านั้นแต่จริงๆแล้วจังหวัดนี้ยังมีธรรมชาติที่สวยงามมากมายที่รอให้คุณมาเยี่ยมชมอยู่นะคะสำหรับคราวนี้เราต้องลา ไปก่อนสำหรับบทความหน้าเราจะพาไปเที่ยวที่ไหนพาไปกินอะไรฝากติดตามด้วยนะคะ


ข้อมูลการท่องเที่ยว

1. Jogasaki kaikan and Kadowakitsuri Bridge
เวลาเปิดทำการ: เปิดตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุด
วิธีการเดินทาง: แนะนำให้เดินทางโดยรถยนต์
ค่าใช้จ่าย: ค่าจอดรถ 500 เยน

2. Bananawani park
เวลาเปิดทำการ: 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น
วิธีการเดินทาง: ทางรถยนต์หรือรถไฟสถานีอิซุอาตากาวะเดิน 1 นาที (Izu-atagawa station)
ค่าใช้จ่าย: ค่าเข้าผู้ใหญ่ 1800 เยนและค่าเข้าสำหรับเด็ก 900 เยน

3. Ryugu Cave
เวลาเปิดทำการ: เปิดตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุด
วิธีการเดินทาง: แนะนำให้เดินทางโดยรถยนต์
ค่าใช้จ่าย: ค่าจอดรถ 500 เยน

ดูรถเช่าที่ญี่ปุ่นราคาถูกใน Klook

ดูรถเช่าที่ญี่ปุ่นใน Klook จากที่นี่ >>

ดูรถเช่าในญี่ปุ่นพร้อม klook

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
ABOUT ME
Karuru
Karuru
สวัสดีค่ะKaruru นะคะ ขอแนะนำตัวให้รู้จักกันสักนิดหนึ่งน้า Karuru เป็นสาวน้อยตัวเล็กๆในโตเกียวค่ะ(เอาจริงๆก็ตัวไม่น้อยหรอกTvT) ตอนแรกก็แค่ได้ทุนมาเรียนมหาลัยที่ญี่ปุ่นแต่แล้วจับพลัดจับผลูเรียนจบทำงานต่อ ล่วงเลยมาก7-8ปีเข้าไปแล้วค่ะ. สำหรับเรื่องท่องเที่ยวก็ถือเป็นงานอดิเรกอย่างนึงเลย ตอนแรกๆก็ตามเที่ยวตามกินตามสถานที่แนะนำในเน็ตนี่แหละค่ะ แต่พอเวลาผ่านไป ก็อยากจะแชร์ประสบการณ์เที่ยวของตัวเองบ้างก็เลย รวบรวมเนื้อหาประสบการณ์ที่น่าสนใจ มาแนะนำต่อให้ทุกคนได้เป็นเกร็ดในการวางแผนเที่ยว. หวังว่าทุกคนจะได้รับข้อมูลไว้อ้างอิงไม่มาก ก็น้อยนะคะ. ผู้เขียนจะดีใจมาๆเลยค่ะ <3
RELATED POST
il-1-f4509171
ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

ซัปโปโร ดินแดนเมืองหนาว กับเทศกาล SAPPORO WHITE ILLUMINATION ครั้งที่ 41

เมื่อพูดถึงซัปโปโรแล้ว แวบแรกที่ทุก ๆ ท่านนึกถึงคงจะเป็นหิมะขาว ๆ กับ … 20/11/2021
คำแนะนำสไตล์การท่องเที่ยวญี่ปุ่น 100 แบบ
ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

สวมวิญญาณซามูไร ถ่ายรูปให้หนำใจที่ Samurai Armor

สวมวิญญาณซามูไร ถ่ายรูปให้หนำใจที่ Samurai Armor เมื่อมาถึงญี่ … 22/12/2023
คำแนะนำสไตล์การท่องเที่ยวญี่ปุ่น 100 แบบ
Craft Class
ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

เวิร์กช็อปงานฝีมือในญี่ปุ่น คลาสไหนที่คุณต้องลอง

ด้วยมรดกทางวัฒนธรรมอันยาวนานของญี่ปุ่นที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ทำใ … 17/06/2024
คำแนะนำสไตล์การท่องเที่ยวญี่ปุ่น 100 แบบ
Cover-Snow Winter
ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

11 ที่เที่ยวแนบชิดหิมะในญี่ปุ่น...สัมผัสความขาวละมุนสุดยะเยือก

กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศให้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ ในว … 19/11/2021
คำแนะนำสไตล์การท่องเที่ยวญี่ปุ่น 100 แบบ
IMG_2023-08-01-154419-51bf7e8e
ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

เที่ยวเกาะโอชิมะ..โตเกียวอีกแห่งที่ลอยอยู่กลางมหาสมุทร!?

เกาะอิซุโอชิมะหรือโอชิมะ ห่างจากใจกลางเมืองโตเกียวไปทางใต้ ประมาณ 129  … 02/08/2023
คำแนะนำสไตล์การท่องเที่ยวญี่ปุ่น 100 แบบ
TPATN_cv
ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

เที่ยววัดญี่ปุ่นยามค่ำคืน (Best Temples to visit at Night)

แน่นอนว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักใช้เวลาในยามค่ำคืนไปกับความคึกคักใน … 01/12/2023
คำแนะนำสไตล์การท่องเที่ยวญี่ปุ่น 100 แบบ

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!

OhHotrip.com icon
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.