ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

The top of Tohoku เที่ยวอาโอโมริ ไม่มีรถก็เที่ยวได้

The top of Tohoku เที่ยวอาโอโมริ ไม่มีรถก็เที่ยวได้

สวัสดีค่า เมื่อพูดถึงโทโฮกุ (Tohoku) หรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น หลายคนอาจนึกภาพโทโฮกุหน้าหนาว แช่ออนเซนร้อน ๆ ท่ามกลางอากาศหนาว พลางดูหิมะฟิน ๆ ใช่ไหมคะ แต่ว่าวันนี้เราจะพาไปดูอีกมุมหนึ่งของโทโฮกุกันบ้าง นั่นก็คือ โทโฮกุฤดูใบไม้ผลิย่างเข้าฤดูร้อน นั่งชิลริมทะเล ดูพระอาทิตย์ตก พร้อมรับประทานอาหารทะเลสด ๆ ต่อด้วยแอปเปิ้ลหวานกรอบของขึ้นชื่อของเมืองอาโอโมริ ก่อนออกเดินทางเรามาทำความรู้จักกับเมืองอาโอโมริกันเถอะ

เมืองอาโอโมริ (Aomori) ตั้งอยู่เหนือสุดของเกาะฮอนชู หรือเกาะหลักของญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ตอนล่างของเกาะฮอกไกโด ชื่อที่หลาย ๆ คนคุ้นหูกันดี โดยมีทะเลกั้นระหว่างกลาง จุดเด่นของเมืองอาโอโมริอยู่ที่ความเรียบง่าย ไม่ค่อยมีคนพลุ่กพล่าน เหมาะสำหรับใครที่ต้องการหนีความวุ่นวายในเมืองใหญ่อย่างโตเกียว มาพักผ่อนหย่อนใจเป็นอย่างมากค่ะ อีกทั้งในอดีตก่อนที่จะมีรถไฟชิงกันเซนวิ่งผ่านอุโมงค์ใต้ทะเลจากเกาะฮอนชูไปยังเกาะฮอกไกโด  อาโอโมริเคยเป็นเมืองท่าที่สำคัญเวลาเดินทางไปเกาะฮอกไกโดอีกด้วย

CR:https://th.wikipedia.org

  ครั้งนี้เราจะพาไปยังสถานที่ท่องเที่ยวรอบ ๆ สถานีอาโอโมริ (Aomori station) กันค่ะ~ ก่อนอื่นเรามาดูวิธีการเดินทางกันเถอะ

หากจุดเริ่มต้นการเดินทางของเราคือ โตเกียว เพื่อน ๆ สามารถซื้อตั๋วรถไฟชิงกันซันจากสถานีโตเกียวไปยังสถานีชินอาโอโมริ (Shinaomori station) ได้เลยค่ะ จากนั้นก็นั่งรถไฟต่อไปยังสถานีอาโอโมริ (Aomori station) ใช้เวลาเดินทางไม่นาน เพียง 3 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ไวมาก ๆ ค่าเดินทางอยู่ที่ราว ๆ สองหมื่นเยนค่ะ

สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากประหยัดงบการเดินทาง สามารถเดินทางด้วยรถบัสได้ค่ะ ขึ้นรถบัสจากสถานีชินจูกุ (Shinjuku) ตรงไปยังสถานีอาโอโมริ (Aomori station) ได้เลยค่ะ ใช้เวลาเดินทางนานสักหน่อยราว ๆ 11 ชั่วโมง ค่าเดินทางอยู่ที่ประมาน 5000 เยนค่ะ ตั๋วรถบัสสามารถจองได้จากเว็ปไซต์ข้างล่างนี้เลยค่ะ

bushikaku.net/search/tokyo_aomori/ (ภาษาญี่ปุ่น)

เมื่อเดินทางมาถึงสถานีอาโอโมริ (Aomori station) กันเรียบร้อยแล้ว ที่แรกที่เราจะพาเพื่อนๆ ไปก็คือ พิพิธภัณฑ์หุ่นโคมไฟเนบูตะ(Nebuta Warasse Museum) ลักษณะเด่นของที่นี่คือ ตัวตึกมีลักษณะเป็นเส้น ๆ สีแดง โชคดีที่วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส สีของตัวตึกตัดกับท้องฟ้า สวยมากๆเลยค่ะ


ฮึบ ถ่ายรูปข้างนอกเสร็จแล้วก็ไปซื้อตั๋วเข้าพิพิทธภัณฑ์กันเถอะ


ภายในมีการจัดแสดงหุ่นโคมเนบูตะมากมาย แต่ละโคมไฟสีสันสดใส สวยตระการตามาก และหากเพื่อน ๆ มาเที่ยวอาโอโมริช่วงวันที่ 2 - 7 สิงหาคมของทุก ๆ ปี ก็จะได้ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลเนบูตะ โดยจะมีขบวนพาเหรดแห่หุ่นโคมเนบูตะไปรอบ ๆ เมืองอย่างยิ่งใหญ่เลยค่ะ

นอกจากนี้ที่นี่ยังมีมุมสำหรับให้ออกแบบหุ่นโคมเนบูตะของตัวเองด้วยนะคะ รูปถ่ายด้านล่างเป็นเนบูตะที่เราออกแบบ เป็นยังไงบ้างเอ่ย ><

เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจที่พิพิธภัณฑ์หุ่นโคมไฟเนบูตะ เราก็เดินทางไปยัง A-Factory กันต่อเลยค่ะ ที่นี่เป็นแหล่งขายของฝากต่าง ๆ มีให้เลือกหลากหลาย ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ใช้เวลาเดินเท้าจากพิพิธภัณฑ์แค่ 10 นาทีเท่านั้นเอง รูปทรงของตึกน่ารักมาก เหมือนโรงงานจริง ๆ เลย  มีวิวสะพานอยู่ด้านหลังด้วย

หากพูดถึงอาโอโมริ แน่นอนว่าคนญี่ปุ่นต้องนึกถึง ‘แอปเปิ้ล’ สำหรับใครที่มาเยือนถึงถิ่นอาโอโมริแล้ว ขาดไม่ได้เลยที่จะต้องลองชิมนำแอปเปิ้ลแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ ตัวกระป๋องจะมีลายเนบูตะที่ไม่ว่าใครเห็นเป็นต้องร้องอ๋อ ว่าเป็นของที่นี่แน่ ๆ รสชาติหวาน หอม อร่อยเหมือนทานแอปเปิ้ลแท้ทั้งลูกเลยค่ะ

ภายในอาคารไม่ได้มีแค่ของฝากเท่านั้น ยังมีร้านเจลาโต้ และพื้นที่สำหรับนั่งรับประทานอาหารอีกด้วยค่า บรรยากาศดีมากๆค่ะ

พอดีเดินไปเดินมาแถวนี้หลายรอบจนถึงเย็น เลยได้ถ่ายวิวตอนกลางคืนมาด้วย สวยไม่แพ้ตอนกลางวันเลยค่ะ

รูปนี้เป็นวิวฝั่งร้านอาหารตอนกลางคืนค่ะ

และแน่นอนว่า เมืองท่าจะขาดวิวทะเลไปได้อย่างไร หลังจากที่เราแวะดูของที่ร้านขายของฝากเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ได้เดินไปดูวิวทะเลยามพระอาทิตย์ตกมาค่ะ โรแมนติกไปอีก ><

เที่ยวกันมาเยอะแล้ว มาแวะดูแหล่งของกินกันบ้างค่า ที่ที่เราจะพาไปเป็นตลาดปลาขึ้นชื่อของเมืองอาโอโมริ นั่นก็คือ ตลาดปลาฟุรุกาว่า Aomori Gyosai Center (furugawa ichiba) พอดีตอนนั้นอยากทานอาหารทะเลมาก ๆ เลยลืมถ่ายรูปสถานที่ไปเลย

CR : https://nokkedon.jp/

  ที่นี่ไม่ได้ขายแค่ปลาเป็นตัว ๆ แต่มีขายเป็นไคเซนด้ง (kaisen-don) หรือที่นี่จะเรียกว่า นคเคะด้ง (nokke-don) จุดเด่นก็คือ สามารถซื้อปลาแต่ละชนิดจากคนขายปลาโดยตรงได้เลย

CR : https://nokkedon.jp/

  ขั้นแรกก่อนเข้าไปถึงด้านในของตลาด ต้องตรงไปยังจุด Information เพื่อซื้อคูปองหน้าตาแบบนี้

CR : https://nokkedon.jp/

  มีคูปองให้เลือกสองแบบคือ คูปองอาหาร 5 ใบ และ 10 ใบ ซึ่งมีราคา 750 เยน และ 1500 เยนตามลำดับ เมื่อซื้อคูปองอาหารเสร็จแล้ว ก่อนอื่นเลย เราจะต้องแลกคูปองอาหารหนึ่งใบกับข้าวสวยร้อน ๆ ก่อน เมื่อได้ข้าวมาแล้วก็สามารถเดินวนรอบตลาดเพื่อใช้คูปองแลกซื้อกุ้ง หอย ปู ปลา มาโปะบนหน้าข้าวของเราได้เลย ในภาษาญี่ปุ่นการโปะเราจะเรียกว่าのっける(nokkeru) ข้าวเป็นชาม ๆ เราจะเรียกว่า 丼(don) เมื่อเอาสองคำนี้มารวมกันจะกลายเป็น のっけ丼(nokke-don) ที่เราพูดถึงก่อนหน้านี้นี่เอง อาหารแต่ละชนิดจะใช้จำนวนคูปองที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความแพงของอาหารชนิดนั้น และนี่ก็คือนคเคะด้งของเราเอง น่ากินใช่ไหมคะ นั่งดูรูปแล้วอยากจะกลับไปทานอีกรอบเลยค่ะ

นอกจากที่เห็นในชามแล้ว ยังมีหอยหน้าตาแปลก ๆ ขายด้วยนะคะ หอยชนิดนี้เรียกว่าโฮยะ (Hoya) หรือภาษาไทยเราเรียกกันว่าสัปปะรดทะเล หลายคนอาจคงไม่ค่อยคุ้นหูสักเท่าไหร่ รสชาติจะก็เป็นกลิ่นแบบทะเล ๆ เลยค่ะ

การไปอาโอโมริทริปนี้เป็นทริปที่น่าประทับใจมาก ๆ เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม วัฒนธรรมที่ส่งทอดต่อกันมารุ่นต่อรุ่นของเนบูตะ อาหารทะเลที่ทั้งสดและอร่อย ชาวเมืองอาโอโมริที่ใจดี ถ้ามีโอกาสจะต้องไปเที่ยวอาโอโมริอีกรอบอย่างแน่นอนค่ะ

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
RELATED POST
s-0000
ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

เที่ยวโทจิงิเพียงนั่งรถไฟ 50 นาทีจากโตเกียว เพื่อมาสัมผัส 7 สถานที่ท่องเที่ยวและอาหารที่โด่งดังในฤดูใบไม้ผลิในโทจิงิ

15/04/2020
คำแนะนำสไตล์การท่องเที่ยวญี่ปุ่น 100 แบบ

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!