ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

คู่มือเที่ยวญี่ปุ่นหน้าฝน..เที่ยวยังไงให้สนุกเท่าฤดูอื่น

Japan Rainy Cover_use

ฤดูฝน หรือ 梅雨 (Tsuyu = สึยุ)ในประเทศญี่ปุ่น โดยทั่วไปแล้วจะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมหรือต้นเดือนมิถุนายน และจะไปสิ้นสุดราวๆเดือนกรกฎาคม แตกต่างกันไปตามภูมิภาคแต่มักจะเริ่มที่โอกินาว่าเป็นที่แรก มีเพียงภูมิภาคทางตอนเหนือของญี่ปุ่นอย่างเกาะฮอกไกโดและโองาซาวาระเท่านั้นที่แทบไม่ได้รับอิทธิพลจากความกดอากาศจนเกิดพายุฝน พูดง่ายๆคือแทบไม่มีฝนตกเลยนั่นเอง

เนื่องจากสภาพอากาศโดยทั่วไปอาจจะไม่แจ่มใส ท้องฟ้าอึมครึม พื้นดินเปียกชื้น จึงทำให้หน้าฝนนั้นไม่ใช่ช่วงเวลาอันน่าพิศมัยนักสำหรับการท่องเที่ยว

แต่ในข้อเสียก็ยังพอมองเห็นข้อดี เช่น

  • ฤดูฝนมักจจะเกิดหลังจากช่วง Golden Week ทำให้ราคาที่พัก การเดินทาง และสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ กลับมาอยู่ในสภาวะปกติ หรืออาจจะมีราคาที่ลดลงกว่าปกติด้วย
  • ถึงแม้จะเป็นฤดูแห่งสายฝนพรำ ก็ไม่ใช่ว่าฝนจะตกทุกวันเสียเมื่อไหร่ ที่สำคัญ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งที่เปี่ยมล้นด้วยมนต์เสน่ห์ท่ามกลางสายฝนรอให้คุณแวะไปเยี่ยมชมอยู่นะ
  • สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่เคยมีนักท่องเที่ยวหนาแน่นในฤดูกาลอื่น ก็จะมีปริมาณนักท่องเที่ยวลดลงอย่างฮวบฮาบในหน้าฝน ทำให้เราสามารถเที่ยวได้โดยไม่รู้สึกอึดอัดเหมือนช่วงเวลาอื่น
  • มีการประดับตุ๊กตากันฝน โซ่หรือกระดิ่งกันฝนรูปแบบต่างๆ ทั้งสวยงามและเปี่ยมด้วยความเชื่อเกี่ยวกับฝน แขวนรายล้อมไปทั่วบริเวณวัดวาอาราม ศาลเจ้า รวมไปถึงบ้านพักอาศัยของคนทั่วไปด้วย ซึ่งไม่มีให้เห็นในฤดูอื่น
  • เป็นฤดูกาลแห่งการผลิดอกออกใบของดอกไม้นานาชนิด และเป็นฤดูดอกไฮเดรนเยียบาน รวมไปถึงพืชพรรณธรรมชาติที่เขียวขจี
  • แม้ท้องฟ้าอาจจะขมุกขมัวไปบ้าง แต่ก็จะทำให้รูปถ่ายของคุณมีกิมมิคและโทนสีที่แปลกตาน่าสนใจไปอีกแบบ
  • อย่าลืมแสงแดดอ่อนๆจากฟ้าหลังฝน ที่จะทำให้คุณรู้สึกอบอุ่นละมุนกว่าแดดปกติเสียอีก
  • เป็นข้ออ้างให้คุณซื้อร่มแฟชั่นสีสันสดใสได้โดยไม่ต้องกลัวใครจะว่าสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยสำหรับเที่ยวญี่ปุ่นฤดูฝน

  • พกร่มหรือเสื้อกันฝนติดตัวเสมอแม้ในวันที่ฝนไม่ตก และอย่าชะล่าใจเรื่องลักเล็กขโมยน้อย เพราะถึงแม้ว่าญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่ปลอดภัยเรื่องขโมยขโจร แต่บางทีร่มที่วางไว้ก็มีหายไปง่ายๆได้เหมือนกัน
  • ด้วยสภาพอากาศชื้นแฉะ อาจจะทำให้เสื้อผ้าและอุปกรณ์ต่างๆของคุณเปียกปอน ซึ่งการจะทำให้กลับมาแห้งได้นั้นเป็นเรื่องยากมากๆ ดังนั้นควรหาที่พักที่มีไดร์เป่าผมหรือเครื่องทำความร้อน หรือมองหาร้านซักอบแห้งไว้แต่เนิ่นๆเพื่อความสะดวก
  • ถ้ารองเท้าเปียก ให้ถอดไว้นอกตู้เก็บรองเท้าแล้วหาพวกกระดาษหนังสือพิมพ์แห้งๆมายัดไว้ จะทำให้รองเท้าแห้งเร็วขึ้นและช่วยดูดซับกลิ่นอับได้ด้วย หรือหากห้องพักของคุณมีระเบียงก็ถอดรองเท้าตากที่ระเบียงช่วงที่ฝนหยุดก็ได้
  • ในฤดูฝนจะมีกิจกรรมในร่มให้ทำมากมาย แต่บางครั้งอาจจะต้องจ่ายเงินในราคาแพง ดังนั้น แนะนำให้คุณศึกษารายละเอียดและเช็คราคาให้ชัดเจนก่อนไปใช้บริการ
  • และถึงแม้จะเป็นญี่ปุ่น (ไม่ใช่เมืองไทย) เมื่อหน้าฝนคืบคลาน คุณก็ต้องระวังสัตว์เลื้อยคลานตัวเล็กๆ เช่น ตะขาบ กิ้งกือ รวมไปถึงพวกสัตว์มีพิษต่างๆ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง


กิจกรรมและสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำสำหรับเที่ยวญี่ปุ่นฤดูฝน

1. เอนจอยกิจกรรมในร่ม (Indoor Activities)

ที่ญี่ปุ่นมีกิจกรรมในร่มให้คุณร่วมสนุกมากมายโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ เช่น

  • เที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ทั้ง Museum และ Aquarium
  • ช้อปปิ้งในห้างให้จุใจ แล้วต่อด้วยโบว์ลิ่ง คาราโอเกะ
  • เล่นเกม VR (Virtual Reality) ซึ่งเล่นที่ญี่ปุ่นรับรองว่าสนุกสะใจคุณแน่นอน
  • เข้าชมการแข่งขันซูโม่ กีฬาประจำชาติของญี่ปุ่น
  • แช่ออนเซ็น (Indoor Onzen) ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายทั้งตามเรียวกังและแหล่งออนเซ็นโดยเฉพาะ

2. ชมดอกไฮเดรนเยียบานสะพรั่ง (Hydrangea Season)

ฤดูฝนคือฤดูแห่งการผลิบานของดอกไฮเดรนเยีย (Hydrangea) หรือ ดอกอะจิไซ (Ajisai) ในภาษาญี่ปุ่น ช่วงเวลาที่คุณจะได้เห็นดอกไฮเดรนเยียสีสวยชุ่มฉ่ำด้วยหยาดฝน เป็นภาพที่งดงามอย่างยิ่ง โดยสถานที่ยอดนิยมในการชมดอกไฮเดรนเยียบาน ได้แก่

2.1. ศาลเจ้าฮาคุซัน (Hakusan Shrine) และสวนสาธารณะฮาคุซัน (Hakusan Park)

กรุงโตเกียว: จะมีการจัดงาน “เทศกาลชมดอกไฮเดรนเยียเขตบุงเคียว” (Bunkyu Hydrangea Festival / Bunkyu Ajisai Matsuri) ในเดือนมิถุนายนของทุกปี (ไม่เสียค่าเข้าชม)

**รายละเอียดเพื่มเติม: https://www.gotokyo.org/en/spot/EV031/

2.2. วัดเมเง็ทสึอิน (Meigetsu-in Temple)

จังหวัดคานางาวะ: เกือบทั้งหมดเป็นดอกไฮเดรนเยียสายพันธุ์ “ฮิเมะอะจิไซ” ซึ่งเป็นสายพันธ์ที่มีเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น (มีค่าเข้าชม 300-500 เยน)

**รายละเอียดเพื่มเติม: https://www.japan.travel/en/spot/1583/

2.3. สวนดอกไฮเดรนเยียภายใน Tokyo Summer Land

ตั้งอยู่ใน Tokyo Summer Land ในกรุงโตเกียว มีดอกไฮเดรนเยียหลากหลายสายพันธุ์มานำแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ตื่นตาตื่นใจ ที่เป็นเอกลักษณ์และได้รับความนิมที่สุดคงจะเป็นสายพันธุ์ “แอนนาเบล (Annabelle)” ที่มีดอกสีขาวสวยงาม

**รายละเอียดเพิ่มเติม: http://www.summerland.co.jp/english/

2.4. สวนสาธารณะอุทสึบุนะ (Utsubuna Park)

จังหวัดยามานาชิ: ประกอบด้วยดอกไฮเดรนเยียบานสะพรั่งกว่าสองหมื่นดอกจาก 60 สายพันธุ์ เมื่อชมจากเนินสูงจะเห็นภาพดอกไฮเดรนเยียละลานตาควรค่าแก่การเยี่ยมชม (ไม่เสียค่าเข้าชม ยกเว้นในเทศกาลชมดอกไฮเดรนเยีย)

**รายละเอียดเพิ่มเติม: http://www.yamanashi-kankou.jp/foreign/english/topics/topics007.html

2.5. วัดโยชิมิเนะ (Yoshimine Temple)

จังหวัดเกียวโต: ภายในวัดจะมีสวนดอกไฮเดรนเยีย ซึ่งเมื่อเดินตามขั้นบันไดหิยสู่ด้านบน จะพบกัยภาพของดอกไฮเดรนเยียสีฟ้าและชมพูบานสะพรั่งไปทั่วบริเวณ เป็นสถานที่แนะนำที่ไม่อยากให้พลาดเลยจริงๆ (มีค่าเข้าชม 500 เยน)

**รายละเอียดเพิ่มเติม: http://kyoto.travel/th/shrine_temple/195

3. ชมดอกไม้บานที่เกาะฮอกไกโด (Loving Hokkaido)

ในฤดูกาลที่ทั่วทั้งญี่ปุ่นถูกปกคลุมด้วยสายฝนเย็นฉ่ำ ตัดภาพไปที่ฮอกไกโด เกาะทางเหนือของญี่ปุ่นผู้ซึ่งแทบไม่รู้จักฤดูฝน (ฝนแทบจะไม่ตกที่เกาะทางเหนือของญี่ปุ่น) เป็นช่วงเวลาที่เกาะฮอกไกโดถูกโอบล้อมด้วยสายลมบริสุทธิ์ พื้นดินแห้งและอากาศเย็นสบาย มีการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเดินป่าและปีนเขา ขณะที่ทั่วทั้งทุ่งกว้างเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ต่างออกดอกอวดสีสันสดใสบานสะพรั่งตระการตายิ่งนัก

- ดอกทิวลิป: เริ่มบานตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมจนถึงกลางเดือนมิถุนายน สามารถชมได้ที่สวนสาธารณะทิวลิปคามิยูเบซึ ที่เมืองมอนเบ็ทสึ

- ดอกนาโนะฮานะ: ดอกไม้สีเหลืองอร่ามคลายดอกดาวเรือง เริ่มบานตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมจนถึงกลางเดือนมิถุนายน หาชมได้ในเขตเมืองทาคิกาวะ

- ดอกชิบะซากุระ: ทุ่งดอกไม้สีชมพูหวานๆแต่อลังการงานสร้างอย่างยิ่ง เริ่มบานตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมจนถึงกลางเดือนมิถุนายน สถานที่เหมาะสำหรับชมดอกชิบะซากุระ ได้แก่ สวนทาคิโนะอุเอะ เมืองมอนเบ็ทสึ และ สวนฮิงาชิโมโกโตะ (Higashi Mokoto Shibazakura Park)

- ดอกลาเวนเดอร์: เริ่มบานตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมจนถึงกลางเดือนสิงหาคม สถานที่แนะนำสำหรับชมคือ ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ในเมืองฟุราโนะ ซึ่งมีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมอย่างมาก

- ดอกทานตะวัน: ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการชมดอกทานตะวัน คือ ทั้งเดือนกรกฎาคม โดยสถานที่แนะนำ คือเมืองโฮคุริว

**รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.japan.travel/en/destinations/hokkaido/hokkaido/

4. ต้องมนต์ศักดิ์สิทธิ์ที่ภูเขาโคยะ (Stay Overnight at Mount Koya)

ภูเขาโคยะ ในจังหวัดวาคายามะ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งพุทธศาสนา หรือที่รู้จักกันในนาม โคยะซัง มีประวัติศาสตร์เก่าแก่นับพันปีและมีวัดอยู่มากกว่าร้อยแห่ง ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.2004 โดยมี “วัดคงโงบุจิ (Kongobu-ji Temple)” เป็นสถานที่ขึ้นชื่อ ด้วยทางเดินบนเขาที่สะดวกและเดินง่าย รายล้อมด้วยดอกไม้และพืชไม้นานาพันธุ์ จึงไม่แปลกเลยที่จะมีนักท่องเที่ยวหลายต่อหลายคนหลงมนต์เสน่ห์ของภูเขาลูกนี้ สำหรับการท่องเที่ยวในฤดูฝน แนะนำให้หาที่พักค้างคืนจะดีที่สุด เพราะนอกจากคุณจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศงดงามแต่ลึกลับของหมอกบางอันเกิดจากสายฝนที่ตกกระทบแมกไม้และพื้นดิน คุณยังจะได้ลิ้มรสอาหารเจสไตล์ญี่ปุ่นและร่วมพิธีทำวัตรเช้าได้อีกด้วย

**รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.koyasan.or.jp/en/


By Pok Safin

ขอบคุณข้อมูลจาก:

https://www.jnto.or.th/newsletter/ajisai-2/

https://www.jrailpass.com/blog/rainy-season-japan

https://www.japan-guide.com/e/e2277.html

https://www.jnto.or.th/newsletter/wakayama-attraction/

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
RELATED POST

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!