ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

เทพเจ้าแห่ง‘ศาลเจ้าอิซุโมะไทฉะ’ ดลให้พบพานเนื้อคู่และสานสัมพันธ์รัก

ภูมิภาค
หัวข้อที่เกี่ยว
|
ปก-94c40db4

เมืองอิซุโมะ (Izumo) ในจังหวัดชิมะเนะ (Shimane) เป็นดินแดนที่มีทัศนียภาพงดงามและมีเสน่ห์ ดินแดงแห่งนี้ถูกขนานนามว่าเป็น “ดินแดนแห่งเทพเจ้า” ซึ่งที่แห่งนี้มีศาลเจ้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติแห่งชาติของญี่ปุ่นในฐานะที่เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมศาลเจ้าชินโตที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศ อีกทั้งยังเป็นศาลเจ้าที่สร้างด้วยไม้ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย นั่นคือ “ศาลเจ้าอิซุโมะไทฉะ (Izumo Taisha Shrine)” ศาลเจ้าแห่งเทพโอคุนินุชิ (Okuninushi) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งพรหมลิขิตและความสัมพันธ์  ที่ขึ้นชื่อในด้านการผูกดวงชะตาต่างๆทั้งเรื่องครอบครัว คนรัก เพื่อนฝูง รวมถึงการงาน ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้คนจากทั่วประเทศเดินทางมาสักการะกันเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะเหล่าบรรดาสาวๆ นอกจากนี้ยังมีการเล่าขานกันว่าในเดือนตุลาคมตามปฏิทินจันทรคติของทุกปี เหล่าทวยเทพทั่วญี่ปุ่นจะมาชุมนุมกันที่ศาลเจ้าแห่งนี้

เรื่องราวของศาลเจ้าอิซุโมะไทฉะ (Izumo Taisha)

ศาลเจ้าอิซุโมะ ไทชะ(Izumo Taisha) ตั้งอยู่ในเมืองอิซุโมะ(Izumo) ในจังหวัดชิมาเนะ แม้ว่าจะไม่มีการบันทึกอย่างแน่ชัดว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่จากที่มีการประมาณการเชื่อว่าเป็นศาลเจ้าที่ก่อสร้างเมื่อ 700 ปีก่อนคริสต์ศักราช เมื่อนับแล้วมีอายุพันกว่าปีเลยทีเดียวค่ะ  อีกทั้งยังการมีพูดถึงศาลเจ้าแห่งนี้ในพงศาวดารและตำนานเรื่องเล่าของชาวญี่ปุ่นอีกด้วย 

ศาลเจ้าแห่งนี้จึงได้รับการยอมรับให้เป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่และมีความสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น 

เมื่อสมัยก่อนเมืองอิซุโมะ ได้ถูกปกครองโดยตระกูลที่มีอิทธิพลในช่วงก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นภูมิภาคที่มีบทบาทสำคัญในประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ จุดที่ทำให้ผู้คนล้วนมีความศรัทธาอันแรงกล้าต่อศาลเจ้านี้ส่วนสำคัญก็ตรงที่มีเทพเจ้าโอคุนินุชิ ประดิษฐานอยู่นั่นเอง ซึ่งถ้าว่ากันตามตำนานแล้วนั้นมีการเล่าขานต่อๆกันมาว่า เทพโอคุนินุชิองค์นี้เป็นผู้ที่ผู้สร้างพื้นที่ประเทศญี่ปุ่น และปกครองโดยอิซุโมะ รวมทั้งยังเป็นเทพเจ้าแห่งความสัมพันธ์ และการสมรสอันดี จึงทำให้มีผู้คนหลั่งใหลมาสักการะขอพรอย่างแน่นหนาในทุกปี 

ช่วงหนึ่งที่นับว่ามีความสำคัญก็คือในทุกๆปี วันที่ 10-17 ของเดือนตุลาคม ตามปฎิทินจันทรคติ จะมีการรวมตัวกันของ เทพเจ้าชินโตทั้ง 8 ล้านองค์ทั่วแผ่นดินที่ศาลเจ้าแห่งนี้ ประเทศญี่ปุ่นนั้นเชื่อว่าเดือน10 ตามปฎิทินจันทรคติ เป็นเดือนแห่งเทพ และเดือนที่เหลือเป็นเดือนที่ปราศจากเทพ ตามประเพณีคามิอะริ(Kamiari) อีกทั้งยังจะมีการจัดเทศกาลขึ้นที่ศาลเจ้าในช่วงเดือนแห่งเทพ จึงทำให้ช่วงเวลานี้มีผู้คนจากทั่วประเทศมาเยือนศาลเจ้าแห่งนี้อย่างล้นหลาม

สักการระขอพรอย่างไรให้สมหวัง

การขอพรในศาลเจ้าอิซุโมะไทฉะแห่งนี้มีขั้นตอนด้วยนะคะ บอกเลยว่าควรทำให้ถูกต้อง มิเช่นนั้นพรที่ขออาจไม่เป็นจริงก็ได้นะ ซึ่งขั้นตอนที่ว่านั่นก็คือ โค้งคำนับ 2ครั้ง ปรบมือ 4 ครั้ง (ซึ่งการสักการะศาลเจ้าทั่วไปจะปรบมือเพียง2 ครั้ง)  การที่ปรบมือ 4ครั้งมีความหมายคือ 2 ครั้งสำหรับตนเอง และอีก 2 ครั้งสำหรับคนรักของตน หรือคนทีเรากำลังแอบหลงรัก และปิดท้ายด้วยการโค้งคำนับอีก 1ครั้ง

จุดน่าสนใจ..เมื่อมาเยือนศาลเจ้าแห่งนี้

บอกเลยว่าศาลเจ้าแห่งนี้มีจุดน่าสนใจมากมายให้หลายคนได้เข้าไปค้นหาและสัมผัสกัน ไม่ว่าจะเป็น หลังห้องโถงบูชา คือห้องโถงหลัก(Honden)  ที่มีความสูง 24 เมตร และมีชิกิ(ไม้รูปตัว X วางอยู่บนหลังคาศาลเจ้าหรือปลายจั่วตัดและยื่นออกมา เป็นหนึ่งของสถาปัตยกรรมศาลเจ้า) ที่มีความยาว 7.9เมตร 

นับเป็นอาคารที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น โครงสร้างปัจจุบันสร้างขึ้นเมื่อปี 1744 ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมเรียกว่า ไทชะซุกูริ(Taisha-zukuri) ซึ่งมาจากพุทธศาสนาที่เข้ามาสู่ประเทศญี่ปุ่น 

โดยเราสามารถเห็นได้ชัดผ่านสถาปัตยกรรม ห้องโถงใหญ่ และศาลเจ้าเล็กๆ ในส่วนตรงนี้จะถูกล้อมรอบด้วยรั้ว 2 ชั้น ซึ่งเป็นเขตรักษาพันธุ์ไม้ ที่ไม่เปิดให้ประชาชนเข้าชมนะคะ แต่เราสามารถเดินชมไปรอบๆรั้วด้านนอกได้อยู่ อีกทั้งยังมีโครงสร้างอาคารที่ทำด้วยไม้ยาวขนาบสองข้างของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เรียกว่า จูกุชะ(Jukusha) เป็นที่พักของเหล่าเทพเจ้าทั้ง 8 ล้านองค์ที่มารวมตัวกันในทุกๆปี

 ต่อไปจะห้องนมัสการที่สร้างขึ้นในปี 1963 กล่าวกันว่าเป็นอาคารไม้สักการะหลังสงครามที่ใหญ่ที่สุด  ด้วยความสูง 12.9 เมตร เป็นลักษณะผสมผสานระหว่างไทฉะซุคุริและหน้าจั่วซุคุริ  มีการสวดมนต์และพิธีอุทิศที่นี่ด้วย  

คางุระเด็นสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1981ใช้สำหรับทำพิธี สวดมนต์ และพิธีแต่งงาน  ห้องโถงมีขนาด 270 เสื่อทาทามิ และใช้กระจกสีประดับหน้าจั่วด้านหน้า ซึ่งหาได้ยากในสถาปัตยกรรมศาลเจ้า

ที่ด้านหน้าคือเชือกชิเมนาวะที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น  โดยมีความยาว 13.6 ม. และมีน้ำหนักถึง 5.2 ตัน(ชิเมะนาวะ คือพู่ห้อยศักดิ์สิทธิ์ทำจากฟางข้าว)

รูปปั้นเทพพระเจ้าแห่งความเมตตา

ด้านหน้าตรงทางเข้าของศาลเจ้า เมื่อมองไปทางด้านซ้าย คุณจะเห็น "เทพพระเจ้าแห่งความเมตตา" โดยทางด้านขวามือ เป็นเทพเจ้าหลักของอิซุโมะไทฉะ ซึ่งคือเทพเจ้าโอคุนินุชิ

กระต่ายในอาณาเขตศาลเจ้า

ศาลเจ้าอิซุโมะไทฉะมีความเกี่ยวข้องกับตำนานโบราณที่เรียกว่า “กระต่ายแห่งอินาบะ” ในตำนานมีการเล่าขานกันว่าเทพเจ้าแห่งชินโต “โอคุนินุชิ” ได้ช่วยเหลือกระต่ายหลอกล่อฝูงจระเข้  เพื่อให้สามารถข้ามทะเลได้โดยไม่ต้องว่ายน้ำ แต่แผนการหลอกล่อของกระต่ายดันไม่สำเร็จ เจ้าจระเข้ก็ได้ถลกหนังของกระต่ายออก ในเวลานั้นโอคุนินุชิอยู่ในระหว่างเดินทางไปพบกับเจ้าหญิงโฉมงามที่ชื่อว่า ยาคามิ ในจังหวัดอินาบะ ก็ได้เข้าช่วยเหลือกระต่าย และถึงแม้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะทำให้เขาเดินทางถึงช้า แต่เขาก็สามารถสมรสกับเจ้าหญิงได้ในท้ายที่สุด

หากลองเดินไปรอบๆ จะพบเห็นรูปปั้นน้องกระต่ายอยู่จำนวนมากเลยค่ะ

ชายหาดอินาสะ

ชายหาดนี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกของศาลเจ้าอิสึโมะไทฉะ ที่นี่เป็นพาวเวอร์สป็อตที่มีตำนานเกี่ยวกับเทพเจ้ายุคก่อนประวัติศาสตร์ บนชายหาดจะมีเกาะเล็กๆชื่อว่า “เกาะเบ็นเท็นจิมะ” จากบนเกาะจะมองเห็นศาลเจ้าที่บูชาเทพธิดาโทโยทามะ ซึ่งตั้งอยู่บนหาดทรายขาวหันหน้าไปทางใต้อย่างสวยงาม
ทำให้ที่นี่ถูกเลือกเป็น 1 ใน 100 ชายหาดในญี่ปุ่น

เมื่อพระอาทิตย์ตกเราจะได้เห็นพระอาทิตย์ค่อยๆคล้อยลงมาด้านหลังเกาะเบ็นเท็นจิมะอย่างงดงาม
กลายเป็นสัญลักษ์แห่ง “อิสึโมะดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งพระอาทิตย์ตกดิน”จนที่นี่ยังถูกจดเป็นมรดกแห่งประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย

ในโคะจิกิ (บันทึกทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น) และนิฮงโชะกิ (พงศาวดารญี่ปุ่น) มีตำนานเล่าว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่เทพเจ้าโอคุนินุชิและเทพเจ้าทาเคมิคาทสึจิ ต่อรองกันเพื่อครอบครองแผ่นดิน 

การเดินทางไปยังศาลเจ้าอิซุโมะไทฉะ

จากสถานี JR Izumoshi นั่งรถบัส Ichibata Bus ลงที่ป้าย Seimonmae หรือ ลงที่ป้าย Izumotaisha Renrakusho ใช้เวลาประมาณ 25 นาทีค่ะ

ลิงค์เว็บไซต์จังหวัดชิมาเนะ

หากคุณต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับจังหวัดชิมาเนะ โปรดคลิกลิงก์นี้ค่ะ >>> SHIMANE JAPAN

 

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
ABOUT ME
Mintiney
ใครๆก็บอกว่าญี่ปุ่นเหมาะสำหรับการมาเที่ยวมากกว่าที่จะมาอยู่อาศัย แต่สำหรับเราแล้ว..ญี่ปุ่นคือประเทศที่เรารู้สึกมีความสุขที่ได้ท่องเที่ยวและมาใช้ชีวิตอยู่ จึงอยากอยากบอกเล่าความงดงามของญี่ปุ่นผ่านมุมมองของตัวเองที่หลงรักประเทศนี้จนต้องมาตั้งรกรากอยู่ที่นี่เลยทีเดียว หวังว่าเรื่องเล่าของเราจะทำให้คุณหลงรักญี่ปุ่นมากขึ้นนะคะ
RELATED POST

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!