นี่เป็นคำถามที่เกิดขึ้นในหัวเราตลอดมาว่าสิ่งที่อยู่ในถุงผ้าลวดลายสวยงามหลากหลายรูปแบบนั้นมันคืออะไร แต่จะให้แกะออกมาดูเองก็เกรงว่าจะสูญเสียความศักดิ์สิทธิ์ไป แถมไม่แน่ใจอีกว่าจะผูกเก็บกลับไปสภาพเดิมได้มั้ย เราจึงไปหาคำตอบมาเผื่อทุกคนแล้วค่ะ ไปดูกันเลย : )
ก่อนจะไปถึงเรื่องของเครื่องรางญี่ปุ่น ต้องมาทำความรู้จักเรื่องของศาสนาและความเชื่อในประเทศญี่ปุ่นกันซักนิด โดยสัดส่วนแล้ว ชาวญี่ปุ่นนั้นนับถือลัทธิชินโตมากพอ ๆ กับศาสนาพุทธเลยทีเดียว โดยที่ในจำนวนที่มากพอ ๆ กันนั้นหมายถึงชาวญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งมีความเชื่อและปฏิบัติตามคำสอนของทั้งสองศาสนาไปพร้อม ๆ กัน เนื่องจากดั้งเดิมก่อนที่จะมีการเผยแผ่ศาสนาอื่น ๆ เข้ามาในแผ่นดินญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นก็นับถือลัทธิชินโตมาตั้งแต่สมัยโบราณเรื่อยมา จนถูกหลอมรวมเข้ากับวิถีชีวิตและกลายเป็นสิ่งที่ปฏิบัติสืบต่อกัน ดังจะพบเห็นศาลเจ้าที่มีเสาโทริอิได้ทั่วไป ซึ่งเป็นศาลเจ้าของลัทธิชินโต แสดงถึงความแพร่หลายของลัทธินี้ได้อย่างดี
แต่เมื่อถึงยุคที่ศาสนาอื่น ๆ ได้ถูกนำเข้ามาเผยแผ่มากขึ้น ประกอบกับประเทศญี่ปุ่นเองก็ต้องการพัฒนาประเทศให้ทัดเทียมชาติตะวันตก ญี่ปุ่นจึงลดความสำคัญของลัทธิชินโตลง แต่ถึงอย่างนั้น ชาวญี่ปุ่นก็มิได้ละทิ้งรากความเชื่อเดิมเสียทีเดียว ในเทศกาลงานสำคัญต่าง ๆ ชาวญี่ปุ่นก็ยังคงมีการเข้าร่วมพิธีกรรม การบูชาสิ่งเคารพต่าง ๆ ต่อทั้งสองความเชื่อรวม ๆ กันอยู่ตามความเชื่อของแต่ละบุคคลไป ว่าจะเคารพบูชาเทพหรือพระองค์ไหนของศาสนานั้น ๆ
ในส่วนของลัทธิชินโต หัวใจของลัทธิชินโตคือการบูชาเทพเจ้าที่มีอยู่มากมายนับไม่ถ้วนในธรรมชาติ ทั้งป่าเขา แม่น้ำ ทะเล ทะเลสาบ สายลม สิ่งมีชีวิต ไร่นา บ้านเรือน ล้วนเป็นสิ่งที่เชื่อว่ามีเทพสถิตอยู่ทั้งสิ้น ดังนั้นจึงไม่แปลกหากศาลเจ้าชินโตแต่ละแห่งจะมีการบูชาเทพเจ้าที่ไม่เหมือนกันเลย ผู้ที่จะเข้าไปสักการะเทพเจ้าในศาลเจ้าแต่ละแห่งก็ควรจะศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับเทพเจ้าที่สถิตอยู่ ณ ที่นั้น ว่าให้ความคุ้มครอง ปกปักรักษา หรือปัดเป่าในเรื่องใด เราจะได้ขอพรจากเทพเจ้าองค์นั้นได้อย่างถูกต้องค่ะ
![](https://ohhotrip.com/wp-content/webp-express/webp-images/doc-root/wp-content/uploads/2020/10/3075F5E2-DDF9-4A9F-B809-6AC2D6F2BA24-61B3596F-AC69-4BF0-91BF-CCBF59533FAA-768x768.jpg.webp)
และเมื่อเราได้ขอพรจากเทพเจ้าที่ศาลเจ้านั้น ๆ แล้ว สิ่งหนึ่งที่จะทำให้เราระลึกถึงเทพเจ้าองค์นั้น ๆ ได้อย่างสม่ำเสมอก็คือเครื่องรางญี่ปุ่นนั่นเอง ซึ่งแต่เดิมในสมัยโบราณก็มักจะเป็นกระดาษหรือแผ่นไม้ที่มีบทสวด แต่ในยุคปัจจุบันได้มีการออกแบบเครื่องรางญี่ปุ่นให้มีขนาดเล็ก กะทัดรัด พกพาสะดวก และสามารถเป็น Accessories ได้ด้วย ภายในถุงผ้าก็จะเป็นบทสวดมนต์ คาถา หรือคำอวยพรให้ประสบความสำเร็จในด้านต่าง ๆ กันไป ซึ่งถ้าหากเป็นเครื่องรางญี่ปุ่นจากศาลเจ้าชื่อดัง สิ่งที่ถูกบรรจุอยู่ภายในถุงเครื่องรางญี่ปุ่นนี้ก็จะต้องผ่านการประกอบพิธีโดยผู้ทรงศีลของทางศาลเจ้าเท่านั้น จึงเป็นที่เชื่อกันว่าเป็นการเก็บพลังของเทพเจ้าเอาไว้ข้างในถุงเครื่องรางญี่ปุ่น หากถุงเครื่องรางญี่ปุ่นมีการเปิดหรือรอยฉีกขาด ก็จะทำให้พลังที่อยู่ในถุงเครื่องรางญี่ปุ่นนั้นหายไปด้วยค่ะ
เครื่องรางญี่ปุ่นที่รับมาไว้บูชานั้นจะต้องมีการเปลี่ยนทุก ๆ 1 ปี ตามธรรมเนียมปฏิบัติในช่วงเดือนแรกหลังปีใหม่ เนื่องจากเชื่อกันว่าจะเป็นการนำสิ่งไม่ดีที่ผ่านมาทั้งปีออกไป และรับเครื่องรางญี่ปุ่นใหม่เข้ามาบูชาเพื่อเป็นการเริ่มต้นสิ่งดี ๆ แทน ส่วนเครื่องรางญี่ปุ่นเก่านั้นมักจะถูกนำไปคืนที่ศาลเจ้าเดิมที่รับมา เพื่อนำไปทำพิธีเผา ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่แสดงความเคารพต่อเทพเจ้าที่คอยช่วยเหลือบุคคลนั้น ๆ ตลอดปีที่ผ่านมา ไม่ได้ถูกนำไปทิ้งให้ย่อยสลายเอง ที่สำคัญคือไม่ควรนำเครื่องรางญี่ปุ่นไปคืนศาลเจ้าอื่นที่ไม่ใช่ศาลเจ้าที่เป็นเจ้าของเครื่องรางญี่ปุ่นนั้นเด็ดขาด เพราะเหมือนกับเป็นการไม่ให้เกียรติต่อเทพเจ้าของศาลเจ้าแห่งนั้นค่ะ
![](https://ohhotrip.com/wp-content/webp-express/webp-images/doc-root/wp-content/uploads/2020/10/06D0B41D-2359-48FB-BF47-0734B8A90835-33C48FB8-571A-411D-BE1D-88588A39FFAE-768x768.jpg.webp)
จากที่ได้กล่าวมาข้างต้นว่าลัทธิชินโตนั้นมีการนับถือเทพเจ้าหลากหลายองค์ และสามารถสถิตอยู่ได้ในทุกสิ่งรอบตัว จึงเป็นเหตุให้มีเครื่องรางญี่ปุ่นหลากหลายรูปแบบของความปรารถนานอกเหนือจากเรื่องทั่วไปอย่าง สุขภาพ ความรัก การงาน ครอบครัว การเรียน ยังมีเครื่องรางญี่ปุ่นสำหรับสัตว์เลี้ยง เครื่องรางญี่ปุ่นป้องกันหมี หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่มีความต้องการเฉพาะเจาะจงลงไปอีก และรวมไปถึงรูปลักษณ์ของเครื่องรางญี่ปุ่นที่ไม่ได้มีลักษณะเป็นถุงผ้าไหมเสมอไป แต่มีการออกแบบให้มีความน่ารักและสะดวกต่อการพกพาในรูปแบบต่าง ๆ มากขึ้น จึงทำให้ความนิยมในการบูชาเครื่องรางญี่ปุ่นนั้นยังคงมีอยู่ในสังคมญี่ปุ่นจนถึงทุกวันนี้
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าภายในถุงเครื่องรางญี่ปุ่นที่เราบูชานั้นจะบรรจุคาถาหรือพลังจากเทพเจ้าไว้มากเพียงใด แต่เราเชื่อว่าสิ่งสำคัญที่มีผลต่อความสำเร็จนั้นอยู่ที่การปฏิบัติต่อคำอธิษฐานของตัวเราเองด้วย หากผู้บูชาได้เพียงแต่สวดมนต์อ้อนวอนต่อเทพเจ้านั้นทุกวันทุกคืน แต่ตัวผู้ขอกลับนิ่งเฉย เฝ้ารอแต่การช่วยเหลือจากเทพเจ้าเพียงฝ่ายเดียว ความปรารถนานั้นก็อาจจะไม่สัมฤทธิ์ผลเทียบเท่ากับคนที่มีความมุมานะและมุ่งมั่นต่อความปรารถนาของตน ขยัน ตั้งใจทำทุกวิถีทางเพื่อให้สำเร็จสิ่งที่ใจตั้งมั่นเอาไว้ เครื่องรางญี่ปุ่นจึงเปรียบเสมือนกำลังเสริมของผู้ที่บูชาให้ปฏิบัติภารกิจได้อย่างราบรื่น และพบกับความสำเร็จได้ หากต้องเจอกับอุปสรรคระหว่างทาง พลังที่สถิตอยู่ในเครื่องรางญี่ปุ่นก็จะคอยคุ้มครองให้เรามีสติในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ค่ะ
ที่สำคัญ ถ้าหากสงสัยว่ามีอะไรอยู่ข้างใน ก็อย่าเพิ่งไปแกะถุงดูนะคะ ; >
Credit: https://en.wikipedia.org/wiki/Omamori