ทริปที่จริงๆมีจุดมุ่งหมายอยากจะไปภูเขาโฮทะคะ (Mount Hotaka) และคะมิโกจิ (Kamikochi) ที่นะกะโนะ (Nagano) ซึ่งการไปเที่ยวครั้งนี้ทำให้คนชอบภูเขามากกว่าทะเลอย่างเราจำไม่รู้ลืม 5555
การเดินทางจากโรงแรมโฮทากะ (Hotaka) ไปยังคามิโคจิ (Kamikochi)
เนื่องจากนะกะโนะค่อนข้างไกลบ้าน จึงวางแผนเดินทางวันเสาร์เช้า ไปค้างคืนที่โรงแรมโฮทะคะ (Hotaka) แล้วเช้าวันอาทิตย์ค่อยไปเที่ยวคะมิโกจิ ทริปเริ่มต้นนั่งรถไฟด่วนจากบ้านใช้เวลาประมาณสี่ชั่วโมง ไปถึงโรงแรมก็ได้เวลาเช็คอินพอดี โรงแรมวิวระดับห้าดาวเพราะอยู่ใกล้ภูเขาโฮทะคะ (Mount Hotaka) เช็คอินโรงแรมเสร็จก็ไปเดินเล่น หาอะไรกิน แล้วก็มาสิงในโรงแรมให้คุ้มกับเงินที่เสียไป ตอนกลางคืนก็วางแผนว่า พรุ่งนี้จะขึ้นไปเที่ยวบนภูเขาที่ระยะความสูง 2,156 เมตร โดยขึ้นเคเบิลคาร์ไปลงสถานีนิชิโฮดะกุจิ (Nishihodaguchi station) แต่ถ้าเราจะไปคะมิโกจิ ถ้ากลับลงมามันจะอ้อม ดังนั้นเราจะเดินจากสถานีนิชิโฮดะกุจิไปมีทางเดินป่า รอบนี้เอากล้องที่เพิ่งซื้อมาใช้ เป็นเลนส์ถ่ายคน (เพิ่งซื้อกล้องมา ยังงงกับการใช้ แทนที่จะเอาเลนส์ถ่ายวิว ดันเอาเลนส์ถ่ายคนมา 5555) ก็คิดว่าดีเลยจะได้ฝึกถ่ายรูประหว่างเดิน
![](https://ohhotrip.com/wp-content/webp-express/webp-images/doc-root/wp-content/uploads/2020/07/article2_photo2-768x576.jpg.webp)
เช้าวันอาทิตย์รีบออกจากโรงแรม ไปขึ้นเคเบิลคาร์ ขนาดว่าออกเช้าเก้าโมง นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่แต่งตัวชุดเดินป่าแบบจัดเต็มก็มากันค่อนข้างเยอะ ระหว่างนั่งเคเบิลคาร์ก็ชื่นชมธรรมชาติ นะกะโนะนี่คือจังหวัดอันดับหนึ่งในดวงใจเลย ด้วยความที่ชอบภูเขา พอถึงสถานีนิชิโฮดะกุจิก็แวะถ่ายรูป แต่เลนส์กล้องมันเก็บภาพวิวหมดไม่ได้ หนักๆก็หนัก 5555
จากนั้นก็ได้เวลาเดินเท้าราวๆสิบโมงครึ่ง ช่วงแรกๆก็มีความสุข เดินชมนกชมไม้ ถ่ายรูปดอกไม้ใบหญ้าข้างทาง สักชั่วโมงเริ่มมีเดินขึ้นเขา เริ่มจะแบบ เอิ่ม…เหนื่อย หิว อารมณ์โมโหกำลังจะมา สักพักเดินมาถึงที่ที่สามารถตั้งเต็นท์ได้ ก็ได้หยุดพักกินข้าวกลางวัน กินอิ่มก็อารมณ์ดี พร้อมเดินต่อ
![](https://ohhotrip.com/wp-content/webp-express/webp-images/doc-root/wp-content/uploads/2020/07/article2_photo3-768x1023.jpg.webp)
เส้นทางที่เดินก็จะเป็นเส้นทางเดินค่อนข้างชัดเจน คิดว่าไม่น่าจะมีคนเดินหลง แต่เพื่อนร่วมทางค่อนข้างจะมีน้อย เดินชั่วโมง เจอคนเดินสวนมาสักคน สองคน แล้วป่าก็คือป่าบนภูเขาจริงๆ เดินชั่วโมงแรกๆก็ยังโอเค พอเดินนานๆมันก็เริ่มจะไม่โอแล้ว 5555
เราเป็นคนชอบภูเขาที่ชอบถามตัวเองเวลาเดินเส้นทางบนภูเขานานๆว่า ตูมาทำอะไรที่นี้นะ ซึ่งเส้นทางนี้เกิดคำถามนี้ตอนที่เดินตรงที่เป็นทางยอดเขา คือมีเส้นทางเดินตรงกลางประมาณเมตรครึ่ง แล้วสองข้างคือเหลี่ยมเขาลาดลง คือถ้าหล่นก็กลิ้งยาวเลย
![](https://ohhotrip.com/wp-content/webp-express/webp-images/doc-root/wp-content/uploads/2020/07/article2_photo4-768x1024.jpg.webp)
บ่ายสองแล้วก็ยังเดินไม่ถึง ทางก็มีบางช่วงที่มีต้นไม้คลุมเยอะๆ นี่ก็จินตนาการไปถึงเรื่องสั้นญี่ปุ่นที่เคยอ่าน น่าจะป่าแบบที่คนชอบมาทิ้งศพที่ฆาตกรรม หรือฆ่าตัวตาย อ้ากกกก ใครที่บอกว่าเดินป่าแล้วความสงบจะช่วยฝึกจิตได้นี่ ขอเถียง 5555
![](https://ohhotrip.com/wp-content/webp-express/webp-images/doc-root/wp-content/uploads/2020/07/article2_photo5-768x576.jpg.webp)
ชั่วโมงที่สี่ของการเดินเริ่มรู้สึกว่าความลาดชันลดน้อยลง เริ่มเป็นทางลง ขณะที่กำลังเดินช่วงระยะสุดท้ายเจอฝูงลิงอยู่ข้างหน้า เคยมีประสบการณ์กับลิงที่เมืองไทย นี่กลัวลิงมาก ฝูงลิงพ่อแม่ลูกกำลังนั่งกินอาหารยามบ่ายเยื้องทางเดินไปสักสองเมตร นี่รีบเดินไม่จ้องหน้าลิง เพราะกลัวลิงจะคิดว่าจะไปแย่งกิน คือเดินป่าข้ามภูเขามาทั้งภูเขา เจอสัตว์อย่างเดียวก็คือครอบครัวลิงนี่แหละ แล้วก็ดีใจที่รอดจากฝูงลิงมาได้ 55555
หลังผ่านด่านลิง เดินมาสักพักก็เริ่มเห็นผู้คน เดินเล่นตรงลำธาร นั่งพักใต้ต้นไม้ อ้า…เรามาถึงคะมิโกจิแล้วสินะประมาณบ่ายสาม รวมการเดินประมาณสี่ชั่วโมงครึ่งในระดับความสูงสองพันเมตรแล้วไล่ลงมา แต่ช้าก่อนอย่าเพิ่งดีใจ ทริปเรายังไม่จบ เพราะจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของเราคือคะมิโกจิ เราต้องเดินชมรอบๆ ให้สมกับการดั้งด้นมา
![](https://ohhotrip.com/wp-content/webp-express/webp-images/doc-root/wp-content/uploads/2020/07/article2_photo6-768x576.jpg.webp)
![](https://ohhotrip.com/wp-content/webp-express/webp-images/doc-root/wp-content/uploads/2020/07/article2_photo7-768x576.jpg.webp)
บริเวณคะมิโกจิ เราพบนักท่องเที่ยวทั้งญี่ปุ่นและต่างชาติ ชาวญี่ปุ่นก็มานั่งข้างลำธาร นอนเล่น คุยเล่นกัน ในขณะที่ชาวต่างชาติก็ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศความสวยงาม ถือเป็นทริปที่เหนื่อยมาก แต่สถานที่ก็สวยมากเช่นกัน เหนื่อยแค่ไหนก็ยังประทับใจ คิดว่านักท่องเที่ยวที่มาต้องมาถ่ายภาพวิวภูเขาตรงสะพาน วันที่ไปอากาศดีได้ชมวิวภูเขาสวยๆ ดูวิวไปก็คิดในใจว่า ฉันเดินข้ามเพื่อนเธอใกล้ๆมาแล้วนะ แต่ฉันไม่คิดจะมาเดินข้ามเธอเร็วๆนี้หรอก ไม่ต้องเป็นห่วง 5555
เดินชมรอบๆ บึ่ง มีนักท่องเที่ยวพายเรือ ดูแล้วสบายใจ ผ่อนคลาย ชีวิตคือธรรมชาติ ธรรมชาติคือชีวิต ถึงแม้เป็นทริปที่ประทับใจ แต่เมื่อยขามาก เดินไม่ไหวแล้ว พอสี่โมงเย็นได้เวลาอันสมควรเพราะเหนื่อย หมดแรงแล้วจริงๆ ขากลับนั่งรถบัสมาต่อรถไฟที่สถานีมะซึโมะโตะ (Matsumoto) แล้วต่อรถไฟกลับบ้านอีกประมาณสี่ชั่วโมง
เนื่องจากเป็นสถานที่ที่เราชอบมาก อยากแนะนำให้มาเที่ยว แต่คะมิโกะจิจะมีระยะเวลาเปิดให้เที่ยวแค่ช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่น คือประมาณเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน ถือว่าเป็นสถานที่ค่อนข้างพิเศษสำหรับคนชอบภูเขาจริงๆ ^^
![article2_photo1](https://ohhotrip.com/wp-content/webp-express/webp-images/doc-root/wp-content/uploads/2020/07/article2_photo1.jpg.webp)
โอชินชาดำเย็น
![kamikochicover](https://ohhotrip.com/wp-content/webp-express/webp-images/doc-root/wp-content/uploads/2018/11/kamikochicover-320x180.jpg.webp)
ข้อมูลทั่วของ Mount Hotaka (ภูเขาโฮทะคะ) และ Kamikochi (คะมิโกะจิ)
คะมิโกจิอยู่ในอุทยานแห่งชาติจุบุสันกะคุ (Chubu Sangaku National Park) สามารถเดินทางด้วยรถบัสจากชินจุกุ หรือสถานีรถไฟโตเกียว ตามรายละเอียดเว็บ https://www.alpico.co.jp/en/timetable/kamikochi/ หรือมาจากเมืองมัสซึโมโต้ จากจังหวัดนะกะโนะ
ภูเขาโฮทะคะ (Mount Hotaka) เป็นเทือกเขาที่มียอดสูงเป็นอันดับสามในประเทศญี่ปุ่น (3190 เมตร) สามารถเดินทางด้วยรถไฟชินคันเซ็นจากโตเกียวมาลงนะกะโนะแล้วเปลี่ยนรถไฟเจอาร์ชิโนะโนะอิลงที่สถานีอะคะชินะ แล้วต่อรถแท็กซี่ ถ้าไม่ใช่สายเดินภูเขาแนะนำให้เที่ยวคะมิโกจิดีกว่า น่าจะสะดวกและได้บรรยากาศดีกว่า
![](https://ohhotrip.com/wp-content/webp-express/webp-images/doc-root/wp-content/uploads/2020/08/avatar_user_123_1596351812-100x100.jpg.webp)