ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

ขอพรปังๆ 5 แหล่งศักดิ์สิทธิ์ดังไม่ซ้ำใคร

หัวข้อที่เกี่ยว
re2-0002

พุทโธ สาธุขอให้เที่ยวได้สนุกและมีความสุขตลอดการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปประเทศไหนๆ สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับคนไทยคือการไปนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดังๆในแต่ละเมือง แต่ละประเทศนั้น เพื่อเป็นการขอพรให้เดินทางโดยสวัสดิภาพและที่แน่นอน ให้ได้กลับมาเที่ยวที่นี่อีก พูดถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งวัดและศาลเจ้าดังในญี่ปุ่นทุกคนก็จะไปศาลเจ้าเมจิ จิงกู (Meiji Jingu) ที่โตเกียว และวัดคิโยมิสึ (Kiyomizu) ที่เกียวโตกันซะส่วนใหญ่ แต่รู้หรือไม่? ยังมีอีกหลายที่ในประเทศญี่ปุ่นที่รอคุณไปค้นพบทั่วประเทศ ทั้งสวยและมีชื่อเสียง เราไปดูกันว่ามีที่ไหนที่หน้าสนใจบ้าง

ไดบุสิ โคโทคุ อิน (Daibutsu koutoku-in) ・Kanagawa

มาเริ่มกันที่เมืองคามาคุระ (Kamakura) ในจังหวัดคานากาว่าใกล้ๆโตเกียวกันก่อน จุดโดดเด่นของเมืองนี้คือพระพุทธรูปองค์โตโบราณกว่า 750 ปีที่วัดคามาคุระไดบุทสึโคโทคุอิน มีความสูงถึง 11.3 เมตร ที่ตั้งอยู่ด้านนอก outdoor ใจกลางวัด ทำให้แตกต่างไปจากพระพุทธรูปองค์อื่นๆในประเทศญี่ปุ่นที่ส่วนใหญ่อยู่ในอาคาร นอกจากจะเป็นมรดกสำคัญทางศาสนาของประเทศญี่ปุ่นแล้ว ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังที่ทั้งคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศต้องไม่พลาด โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศเมียนมาร์ พวกเขาเชื่อกันว่าที่นี่เป็นอีกหนึ่งวัดศักดิ์สิทธิ์ในทางศาสนาพุทธและต้องมานมัสการ ถ้าใครมีโอกาสมาโตเกียว คนญี่ปุ่นเองเรียกวัดนี้ว่าเป็น Power Spot ของเขตเลยทีเดียว
ในวัดก็จะมีสวนญี่ปุ่นสวยงาม รวมถึงบริเวณด้านนอกก็จะเป็นร้านอาหารและร้านค้าต่างๆที่ยังคงรักษาความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมไว้อยู่ เป็น Photo spot แบบ Vintage ที่ดีเลย ขาดไม่ได้เลยอีกอย่างเวลามาที่เมืองคามาคุระนี้ ใกล้ๆกับวัดยังมีศาลเจ้าชื่อดัง Zeniarai Benzaiten Shrine ใช้เวลาเดินประมาณ 30 นาที ศาลเจ้านี้ มีชื่อเสียงเรื่องลือเรื่องการเอาเงินมาล้างที่นี้เพื่อให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น ใครอยากมีตังใช้มากขึ้นก็อย่าลืมเอาเงินสดมาล้างกับน้ำมนต์ที่ศาลเจ้านี้ด้วยนะ

 

การเดินทาง นั้ง JR สาย Yokosuka จากสถานีโตเกียวประมาณ 1 ชั่วโมง
มาลงสถานีคามาคุระ จากนั้นลงเปลี่ยนสาย Enoshima ประมาณ 5 นาทีจนถึงสถานี Hase ใช้เวลาเดินจากสถานีนี้จนถึงวัดประมาณ 7 นาที
ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 300 เยนและเด็ก 150 เยน

ซูมิโยชิ ไทฉะ (Sumiyoshi taisha)・Osaka

ย้ายไปฝั่งคันไซกันบ้างสำหรับผู้ที่เริ่มเดินทางจากโอซาก้า ศาลเจ้า ซูมิโยชิ ไทฉะ เป็นศาลเจ้าที่ขึ้นชื่อว่าใหญ่ 1 ใน 3 ของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่บนเส้น Nankai ซึ่งเป็นสายรถไฟที่เชื่อมระหว่างตัวเมืองกับสนามบินนานาชาติคันไซโอซาก้า และใช้แค่เวลาไม่ถึง 10 นาทีจากสถานี Nanba แต่ก็แปลกใจที่ศาลเจ้านี้ไม่เป็นที่รู้จักนักสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
นอกจากจะมีโบสถ์ที่มีสีแดงสดสง่างามทั่วพื้นที่แล้ว สะพานไม้สีแดงสไตล์ญี่ปุ่นมีอายุมากกว่า 1000 ปีที่ศาลเจ้านี้ เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ดังของที่นี่ ทุกคนห้ามพลาด มาถ่ายรูปกับสะพานไม้โบราณในตำนานนี้ เพราะภาพสะท้อนกับบ่อน้ำ ทำให้รูปที่ได้ออกมาสวยปังเหมือนเป็นรูปภาพวาดเลยทีเดียว คนญี่ปุ่นเองหลั่งไหลมาที่ศาลเจ้านี้เป็นจำนวนมากช่วงเทศกาล โดยเฉพาะปีใหม่ในวันที่ 1-3 มกราคมของทุกปี ทางศาลเจ้าจะจัดเทศกาลหรือที่ทางเราเรียกว่างานวัดนั้นเอง จะมีร้านค้า ร้านอาหารขายของมากมาย และมีผู้คนชาวญี่ปุ่นเบียดเบียนกันมาขอพรปีใหม่อย่างล้นหลามแบบต้องต่อแถวต่อคิวจากสถานีเดินกันเข้าเลยทีเดียว ขอพรเรื่องการงานที่ศาลเจ้านี้จะประสบความสำเร็จปังๆ

 

การเดินทาง นั้งสาย Nankai จากสถานี Namba ประมาณ 9 นาที
และจากสนามบินประมาณ 33 นาที โดยลงเปลี่ยนจากรถไฟด่วน
เป็นรถไฟธรรมดาที่สถานี Sakai มาลงสถานี Sumiyoshi Taisha
ค่าเข้าชม ฟรีตลอดปี

อิเซะ จิงกู (ise jingu)・Mie

ตามมาด้วยศาลเจ้าใหญ่อีกที่ ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติต้นไม้ใหญ่ในเขตจังหวัด มิเอะ ศาลเจ้าแห่งนี้มีนามว่า “สวรรค์แห่งเหล่าเทวดา” โดยมีโบสถ์ที่ชื่อว่าเป็นโบสถ์ที่สวยงามและหรูที่สุดในญี่ปุ่น อีกทั้งยังเป็นที่ประทับของเทวดายิ่งใหญ่มามากกว่า 2000 ปี อิเซะ จิงกู มีพื้นที่ครอบคลุมทั้งหมดใหญ่มาก ทำกลางภูเขาและธรรมชาติทำให้ร่มรื่นต่อการเข้าชม และเราสามารถใช้เวลาอยู่ได้ทั้งวัน มีต้นไม้สูงใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี และมีขนาดศูนย์กลางกว้าง คนเดียวก็กอดล้อมต้นไม้ไม่ลอบ ทุกๆปีจักรพรรดิญี่ปุ่นก็จะมานมัสการขอพรที่ศาลเจ้านี้ เพราะคนญี่ปุ่นเชื่อว่าที่นี่คือ “Soul of Japan” สามารถมาขอพรได้ทุกประการโดยเฉพาะเรื่องความรัก เพราะที่นี่เป็นจุดศูนย์รวมของเทวดาทั้งหลาย เวลาเดินเข้าไปจะรู้สึกเย็นและสัมผัสถึงความสงบของจิตใจเหมือเราได้เดินเข้าสู่เขตสวรรค์เลยทีเดียว
บริเวณด้านนอกประตูทางเข้าของศาลเจ้า อิเซะ จิงกู ก็จะเป็นร้านค้าขายของ ร้านอาหารต่างๆที่ยังคงดำรงภาพลักษณ์วัฒนธรรมญี่ปุ่นไว้อย่างสวยงาม แต่สิ่งที่ทุกคนต้องห้ามพลาดเวลามาที่นี่คือ ต้องลองทานน้ำแข็งใสญี่ปุ่นไส้โมจิถั่วแดงโบราณ “Akafuku” ขนมหวานชื่อดังเอกลักษณ์ของเมืองอิเซะนี้เลย ราดด้วยน้ำเชื่อมรสชาเขียวหอมหวาน เย็นชื่นอร่อย ถ้าเรามาหน้าร้อนจะต้องรอคิวซื้อกันเลย


cc: https://www.akafuku.co.jp/product/kori/

 

การเดินทาง นั้งจากสถานีนาโกย่า โดยใช้สาย JR หรือ Kintetsu ประมาณ 1
ชั่วโมงครึ่ง มาลงสถานี Ise shi ต่อจากนั้น แนะนำให้นั่งแท็กซี่ไป
เลยประมาณ 10 นาทีเองไปถึง Main Entrance เพราะถ้าต่อรถไฟก็ต้องต่อรถบัสอีกทีนึงเหมือนกัน หรือเดินมากกว่า 50 นาที
ค่าเข้าชม ฟรีตลอดปี

คุชิดะ จินจะ (kushida jinja)・Fukuoka

ลงมาทางใต้กันบ้าง ที่จังหวัดฟุคุโอกะ มีศาลเจ้าเล็กๆที่มีชื่อเสียงทั่วประเทศ
ญี่ปุ่น ชื่อว่า คุชิดะ จินจะ (kushida jinja) ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเลย ศาลเจ้าแห่งนี้มีประวัติยาวนานถึง 770 ปี และเป็นจุดศูนย์กลางของเทศกาล Hakata Gion Yamakasa งานเทศกาลดังที่จัดขึ้นในเดือนกรกฎาคมของทุกปีที่นี่
เมื่อมาถึงให้มองขึ้นไปด้านในของประตูด้านหน้าของศาลเจ้านี้ จะเห็นไม้แกะสลักสีรูปนักษัตรทั้ง 12 ราศีที่สวยงาม เขาว่ากันว่าลูกศรตรงกลางนั้นชี้ทางบอกทิศทางที่โชคดีของปีนั้น นอกจากนี้ยังมีบ่อน้ำนกกระสาใจกลางศาลเจ้า คนญี่ปุ่นเชื่อว่าให้ดื่มน้ำจากบ่อน้ำนี้เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงต่อไป ทำให้ศาลเจ้านี้มีชื่อเสียงในการขอพรเรื่องสุขภาพและความปลอดภัย ก็อย่าลืมมาขอพรที่นี่ให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงตลอดไปนะครับ

 

การเดินทาง เดินจากสถานี Hakata ประมาณ 15 นาที
ค่าเข้าชม ฟรีตลอดปี

นิคโค โทโชกู (nikko toshogu)・Tochigi

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีกที่ ที่มีชื่อเสียงมากในระดับนานาชาติไม่ไกลมากจากโตเกียวนั่นคือ นิคโค โทโชกู (nikko toshogu) ที่จังหวัดโทจิกิ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงโดยรถไฟด่วนจากโตเกียว เป็นอีกหนึ่งศาลเจ้าที่มีประวัติยาวนานกว่า 400 ปี ศาลเจ้านิคโค โทโชกู ยังเป็นที่ประทับตำนานของโชกุนชื่อดัง Tokugawa Ieyasu อีกด้วย ด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรมและศิลปะการก่อสร้างของที่นี้ทำให้ นิคโค โทโชกู ได้รับการบันทึกเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 1999
อีกหนึ่งสิ่งที่มีชื่อเสียงมากที่นำนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศหลั่งไหลมาชมศาลเจ้าแห่งนี้คือไม้แกะสลักลิง 3 ตัว ลิงปิดตา ลิงปิดหูและลิงปิดปาก ปริศนาธรรมที่โด่งดังไปทั่วโลกจากศาลเจ้าแห่งนี้ นิคโค โทโชกู ได้นามว่าเป็น Power spot ดังในเขต Kanto ที่คนญี่ปุ่นเชื่อว่ามีพลังที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ทำให้ศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องความรักและความสัมพันธ์โดยเฉพาะระหว่างทางเดินที่มีตะเกียงหินเรียงอยู่ สาวหนุ่มโสดทุกคนก็อย่าลืมมาสูดรับพลังแห่งความรักที่นี่นะครับ

 

การเดินทาง นั่งรถไฟด่วนสาย Nikko ได้เลยจากสถานี Asakusa
หรือสถานี Shinjuku ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 1,300 เยนและเด็ก 450 เยน
เด็กทารกเข้าชมฟรี


ไม่ว่าเราจะไปเที่ยวในเขตไหนของประเทศญี่ปุ่นก็จะมี Power spot หรือแหล่งศักดิ์สิทธิ์ชื่อดังและหลายที่ยังไม่เป็นที่รู้จักของคนไทยมากเท่าไรนัก แต่ละแหล่งมีเอกลักษณ์และประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ไม่ว่าคุณจะต้องการรับพลังความรัก สุขภาพ การงาน หรือการเงิน ก็อย่าลืมรวมวัดและศาลเจ้าเหล่านี้ในโปรแกรมของทุกคนนะ

Watch video in detail

 

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
ABOUT ME
Ammer
สวัสดีครับ ผมแอมเมอร์ ครับ จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัย Nanzan University ที่ประเทศญี่ปุ่นและใช้ชีวิตอยู่ญี่ปุ่นกว่า 7 ปี อดีต เป็นพนักงานต้อนรับบนเรื่องบินและบินเส้นทางญี่ปุ่นอยู่บ่อยๆ ทำให้มีความคุ้นเคยกับญี่ปุ่นตั้งแต่เหนือจดใต้ ประเทศญี่ปุ่นเปรียบเสมือนบ้านหลังที่ 2 ปัจจุบันทำงานเป็นให้กับบริษัทเอกชนชื่อดัง นอกเหนือจากงานเขียนบน OhHoTrip ยังมีผบงานเขียนหนังสือออนไลน์ เรียน"ญี่ปุ่น" ยังไงให้รอด และช่อง Youtube เกี่ยวกับการเรียนภาษาญี่ปุ่นและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ถ้าชอบ Blog ที่ผมเขียน ช่วยกด LIKE กดแชร์ด้วยนะครับ :) https://www.youtube.com/c/Ammerkongtangjitt-japan
RELATED POST
ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

พาชมดอกซากุระบนถนนสายนักปราชญ์เทะสึกะขุโนะมิจิไปจนถึงเส้นทางขนส่งสายเก่าที่สถานีเคะอาเงะ

31/03/2023
คำแนะนำสไตล์การท่องเที่ยวญี่ปุ่น 100 แบบ

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!