พุทโธ สาธุขอให้เที่ยวได้สนุกและมีความสุขตลอดการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปประเทศไหนๆ สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับคนไทยคือการไปนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดังๆในแต่ละเมือง แต่ละประเทศนั้น เพื่อเป็นการขอพรให้เดินทางโดยสวัสดิภาพและที่แน่นอน ให้ได้กลับมาเที่ยวที่นี่อีก พูดถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งวัดและศาลเจ้าดังในญี่ปุ่นทุกคนก็จะไปศาลเจ้าเมจิ จิงกู (Meiji Jingu) ที่โตเกียว และวัดคิโยมิสึ (Kiyomizu) ที่เกียวโตกันซะส่วนใหญ่ แต่รู้หรือไม่? ยังมีอีกหลายที่ในประเทศญี่ปุ่นที่รอคุณไปค้นพบทั่วประเทศ ทั้งสวยและมีชื่อเสียง เราไปดูกันว่ามีที่ไหนที่หน้าสนใจบ้าง
ไดบุสิ โคโทคุ อิน (Daibutsu koutoku-in) ・Kanagawa
![](https://ohhotrip.com/wp-content/webp-express/webp-images/doc-root/wp-content/uploads/2020/07/re2-0002-768x510.jpg.webp)
มาเริ่มกันที่เมืองคามาคุระ (Kamakura) ในจังหวัดคานากาว่าใกล้ๆโตเกียวกันก่อน จุดโดดเด่นของเมืองนี้คือพระพุทธรูปองค์โตโบราณกว่า 750 ปีที่วัดคามาคุระไดบุทสึโคโทคุอิน มีความสูงถึง 11.3 เมตร ที่ตั้งอยู่ด้านนอก outdoor ใจกลางวัด ทำให้แตกต่างไปจากพระพุทธรูปองค์อื่นๆในประเทศญี่ปุ่นที่ส่วนใหญ่อยู่ในอาคาร นอกจากจะเป็นมรดกสำคัญทางศาสนาของประเทศญี่ปุ่นแล้ว ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังที่ทั้งคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศต้องไม่พลาด โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศเมียนมาร์ พวกเขาเชื่อกันว่าที่นี่เป็นอีกหนึ่งวัดศักดิ์สิทธิ์ในทางศาสนาพุทธและต้องมานมัสการ ถ้าใครมีโอกาสมาโตเกียว คนญี่ปุ่นเองเรียกวัดนี้ว่าเป็น Power Spot ของเขตเลยทีเดียว
ในวัดก็จะมีสวนญี่ปุ่นสวยงาม รวมถึงบริเวณด้านนอกก็จะเป็นร้านอาหารและร้านค้าต่างๆที่ยังคงรักษาความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมไว้อยู่ เป็น Photo spot แบบ Vintage ที่ดีเลย ขาดไม่ได้เลยอีกอย่างเวลามาที่เมืองคามาคุระนี้ ใกล้ๆกับวัดยังมีศาลเจ้าชื่อดัง Zeniarai Benzaiten Shrine ใช้เวลาเดินประมาณ 30 นาที ศาลเจ้านี้ มีชื่อเสียงเรื่องลือเรื่องการเอาเงินมาล้างที่นี้เพื่อให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น ใครอยากมีตังใช้มากขึ้นก็อย่าลืมเอาเงินสดมาล้างกับน้ำมนต์ที่ศาลเจ้านี้ด้วยนะ
![](https://ohhotrip.com/wp-content/webp-express/webp-images/doc-root/wp-content/uploads/2020/07/re2-0003-768x1024.jpg.webp)
การเดินทาง นั้ง JR สาย Yokosuka จากสถานีโตเกียวประมาณ 1 ชั่วโมง
มาลงสถานีคามาคุระ จากนั้นลงเปลี่ยนสาย Enoshima ประมาณ 5 นาทีจนถึงสถานี Hase ใช้เวลาเดินจากสถานีนี้จนถึงวัดประมาณ 7 นาที
ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 300 เยนและเด็ก 150 เยน
ซูมิโยชิ ไทฉะ (Sumiyoshi taisha)・Osaka
![](https://ohhotrip.com/wp-content/uploads/2020/07/re2-0007-768x768.jpg)
ย้ายไปฝั่งคันไซกันบ้างสำหรับผู้ที่เริ่มเดินทางจากโอซาก้า ศาลเจ้า ซูมิโยชิ ไทฉะ เป็นศาลเจ้าที่ขึ้นชื่อว่าใหญ่ 1 ใน 3 ของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่บนเส้น Nankai ซึ่งเป็นสายรถไฟที่เชื่อมระหว่างตัวเมืองกับสนามบินนานาชาติคันไซโอซาก้า และใช้แค่เวลาไม่ถึง 10 นาทีจากสถานี Nanba แต่ก็แปลกใจที่ศาลเจ้านี้ไม่เป็นที่รู้จักนักสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
นอกจากจะมีโบสถ์ที่มีสีแดงสดสง่างามทั่วพื้นที่แล้ว สะพานไม้สีแดงสไตล์ญี่ปุ่นมีอายุมากกว่า 1000 ปีที่ศาลเจ้านี้ เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ดังของที่นี่ ทุกคนห้ามพลาด มาถ่ายรูปกับสะพานไม้โบราณในตำนานนี้ เพราะภาพสะท้อนกับบ่อน้ำ ทำให้รูปที่ได้ออกมาสวยปังเหมือนเป็นรูปภาพวาดเลยทีเดียว คนญี่ปุ่นเองหลั่งไหลมาที่ศาลเจ้านี้เป็นจำนวนมากช่วงเทศกาล โดยเฉพาะปีใหม่ในวันที่ 1-3 มกราคมของทุกปี ทางศาลเจ้าจะจัดเทศกาลหรือที่ทางเราเรียกว่างานวัดนั้นเอง จะมีร้านค้า ร้านอาหารขายของมากมาย และมีผู้คนชาวญี่ปุ่นเบียดเบียนกันมาขอพรปีใหม่อย่างล้นหลามแบบต้องต่อแถวต่อคิวจากสถานีเดินกันเข้าเลยทีเดียว ขอพรเรื่องการงานที่ศาลเจ้านี้จะประสบความสำเร็จปังๆ
การเดินทาง นั้งสาย Nankai จากสถานี Namba ประมาณ 9 นาที
และจากสนามบินประมาณ 33 นาที โดยลงเปลี่ยนจากรถไฟด่วน
เป็นรถไฟธรรมดาที่สถานี Sakai มาลงสถานี Sumiyoshi Taisha
ค่าเข้าชม ฟรีตลอดปี
อิเซะ จิงกู (ise jingu)・Mie
![](https://ohhotrip.com/wp-content/webp-express/webp-images/doc-root/wp-content/uploads/2020/07/re2-0001-768x574.jpg.webp)
ตามมาด้วยศาลเจ้าใหญ่อีกที่ ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติต้นไม้ใหญ่ในเขตจังหวัด มิเอะ ศาลเจ้าแห่งนี้มีนามว่า “สวรรค์แห่งเหล่าเทวดา” โดยมีโบสถ์ที่ชื่อว่าเป็นโบสถ์ที่สวยงามและหรูที่สุดในญี่ปุ่น อีกทั้งยังเป็นที่ประทับของเทวดายิ่งใหญ่มามากกว่า 2000 ปี อิเซะ จิงกู มีพื้นที่ครอบคลุมทั้งหมดใหญ่มาก ทำกลางภูเขาและธรรมชาติทำให้ร่มรื่นต่อการเข้าชม และเราสามารถใช้เวลาอยู่ได้ทั้งวัน มีต้นไม้สูงใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี และมีขนาดศูนย์กลางกว้าง คนเดียวก็กอดล้อมต้นไม้ไม่ลอบ ทุกๆปีจักรพรรดิญี่ปุ่นก็จะมานมัสการขอพรที่ศาลเจ้านี้ เพราะคนญี่ปุ่นเชื่อว่าที่นี่คือ “Soul of Japan” สามารถมาขอพรได้ทุกประการโดยเฉพาะเรื่องความรัก เพราะที่นี่เป็นจุดศูนย์รวมของเทวดาทั้งหลาย เวลาเดินเข้าไปจะรู้สึกเย็นและสัมผัสถึงความสงบของจิตใจเหมือเราได้เดินเข้าสู่เขตสวรรค์เลยทีเดียว
บริเวณด้านนอกประตูทางเข้าของศาลเจ้า อิเซะ จิงกู ก็จะเป็นร้านค้าขายของ ร้านอาหารต่างๆที่ยังคงดำรงภาพลักษณ์วัฒนธรรมญี่ปุ่นไว้อย่างสวยงาม แต่สิ่งที่ทุกคนต้องห้ามพลาดเวลามาที่นี่คือ ต้องลองทานน้ำแข็งใสญี่ปุ่นไส้โมจิถั่วแดงโบราณ “Akafuku” ขนมหวานชื่อดังเอกลักษณ์ของเมืองอิเซะนี้เลย ราดด้วยน้ำเชื่อมรสชาเขียวหอมหวาน เย็นชื่นอร่อย ถ้าเรามาหน้าร้อนจะต้องรอคิวซื้อกันเลย
cc: https://www.akafuku.co.jp/product/kori/
การเดินทาง นั้งจากสถานีนาโกย่า โดยใช้สาย JR หรือ Kintetsu ประมาณ 1
ชั่วโมงครึ่ง มาลงสถานี Ise shi ต่อจากนั้น แนะนำให้นั่งแท็กซี่ไป
เลยประมาณ 10 นาทีเองไปถึง Main Entrance เพราะถ้าต่อรถไฟก็ต้องต่อรถบัสอีกทีนึงเหมือนกัน หรือเดินมากกว่า 50 นาที
ค่าเข้าชม ฟรีตลอดปี
คุชิดะ จินจะ (kushida jinja)・Fukuoka
![](https://ohhotrip.com/wp-content/webp-express/webp-images/doc-root/wp-content/uploads/2020/07/re2-0004.jpg.webp)
ลงมาทางใต้กันบ้าง ที่จังหวัดฟุคุโอกะ มีศาลเจ้าเล็กๆที่มีชื่อเสียงทั่วประเทศ
ญี่ปุ่น ชื่อว่า คุชิดะ จินจะ (kushida jinja) ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเลย ศาลเจ้าแห่งนี้มีประวัติยาวนานถึง 770 ปี และเป็นจุดศูนย์กลางของเทศกาล Hakata Gion Yamakasa งานเทศกาลดังที่จัดขึ้นในเดือนกรกฎาคมของทุกปีที่นี่
เมื่อมาถึงให้มองขึ้นไปด้านในของประตูด้านหน้าของศาลเจ้านี้ จะเห็นไม้แกะสลักสีรูปนักษัตรทั้ง 12 ราศีที่สวยงาม เขาว่ากันว่าลูกศรตรงกลางนั้นชี้ทางบอกทิศทางที่โชคดีของปีนั้น นอกจากนี้ยังมีบ่อน้ำนกกระสาใจกลางศาลเจ้า คนญี่ปุ่นเชื่อว่าให้ดื่มน้ำจากบ่อน้ำนี้เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงต่อไป ทำให้ศาลเจ้านี้มีชื่อเสียงในการขอพรเรื่องสุขภาพและความปลอดภัย ก็อย่าลืมมาขอพรที่นี่ให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงตลอดไปนะครับ
![](https://ohhotrip.com/wp-content/webp-express/webp-images/doc-root/wp-content/uploads/2020/07/re4-0000.jpg.webp)
การเดินทาง เดินจากสถานี Hakata ประมาณ 15 นาที
ค่าเข้าชม ฟรีตลอดปี
นิคโค โทโชกู (nikko toshogu)・Tochigi
![](https://ohhotrip.com/wp-content/webp-express/webp-images/doc-root/wp-content/uploads/2020/07/re2-0006-768x576.jpg.webp)
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีกที่ ที่มีชื่อเสียงมากในระดับนานาชาติไม่ไกลมากจากโตเกียวนั่นคือ นิคโค โทโชกู (nikko toshogu) ที่จังหวัดโทจิกิ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงโดยรถไฟด่วนจากโตเกียว เป็นอีกหนึ่งศาลเจ้าที่มีประวัติยาวนานกว่า 400 ปี ศาลเจ้านิคโค โทโชกู ยังเป็นที่ประทับตำนานของโชกุนชื่อดัง Tokugawa Ieyasu อีกด้วย ด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรมและศิลปะการก่อสร้างของที่นี้ทำให้ นิคโค โทโชกู ได้รับการบันทึกเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 1999
อีกหนึ่งสิ่งที่มีชื่อเสียงมากที่นำนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศหลั่งไหลมาชมศาลเจ้าแห่งนี้คือไม้แกะสลักลิง 3 ตัว ลิงปิดตา ลิงปิดหูและลิงปิดปาก ปริศนาธรรมที่โด่งดังไปทั่วโลกจากศาลเจ้าแห่งนี้ นิคโค โทโชกู ได้นามว่าเป็น Power spot ดังในเขต Kanto ที่คนญี่ปุ่นเชื่อว่ามีพลังที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ทำให้ศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องความรักและความสัมพันธ์โดยเฉพาะระหว่างทางเดินที่มีตะเกียงหินเรียงอยู่ สาวหนุ่มโสดทุกคนก็อย่าลืมมาสูดรับพลังแห่งความรักที่นี่นะครับ
![](https://ohhotrip.com/wp-content/webp-express/webp-images/doc-root/wp-content/uploads/2020/07/re2-0005-768x576.jpg.webp)
การเดินทาง นั่งรถไฟด่วนสาย Nikko ได้เลยจากสถานี Asakusa
หรือสถานี Shinjuku ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 1,300 เยนและเด็ก 450 เยน
เด็กทารกเข้าชมฟรี
ไม่ว่าเราจะไปเที่ยวในเขตไหนของประเทศญี่ปุ่นก็จะมี Power spot หรือแหล่งศักดิ์สิทธิ์ชื่อดังและหลายที่ยังไม่เป็นที่รู้จักของคนไทยมากเท่าไรนัก แต่ละแหล่งมีเอกลักษณ์และประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ไม่ว่าคุณจะต้องการรับพลังความรัก สุขภาพ การงาน หรือการเงิน ก็อย่าลืมรวมวัดและศาลเจ้าเหล่านี้ในโปรแกรมของทุกคนนะ
Watch video in detail