ที่เที่ยวสนุกในญี่ปุ่น

ทำให้ทริปฤดูใบไม้ร่วงที่ญี่ปุ่นของคุณ…สนุกกว่าเดิม!!

ทำให้ทริปฤดูใบไม้ร่วงที่ญี่ปุ่นของคุณ…สนุกกว่าเดิม!!

ฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่นจะเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนไปจนถึงต้นเดือนธันวาคม ก่อนจะเข้าสู่หน้าหนาวเต็มตัวในเดือนธันวาคมผ่านช่วงคริสต์มาสและปีใหม่ เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ควรค่าแก่การเที่ยวญี่ปุ่นมากที่สุด ซึ่งไฮไลท์คงหนีไม่พ้นการเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสี แต่ความจริงแล้วยังมีอีกหลายกิจกรรมเริ่ดๆ(ขออนุญาตเพี๊ยนเพื่อเสียง)ให้นักท่องเที่ยวได้ทำอีกมากมาย ทั้งกิน-ดื่ม เดินดูแสงไฟ หรือตระเวนเที่ยวงานเทศกาลต่างๆ

มาดูกันว่ามีกิจกรรมอะไรกันบ้างที่จะทำให้ทริปฤดูใบไม้ร่วงที่ญี่ปุ่นของคุณครั้งนี้ไม่จืดชืด

เรียกว่า มาทั้งทีต้องเอาให้คุ้ม!

++++++++++

ชมใบไม้เปลี่ยนสี

ถือว่าเป็นไฮไลท์ของการท่องเที่ยวฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นชั่วโมงที่ทั่วทั้งญี่ปุ่นจะถูกปกคลุมด้วยสีสันตระการตาส้มแดงทองอร่ามจากใบไม้ที่พร้อมใจกันเปลี่ยนสีก่อนจะร่วงหล่นจนหมดต้น ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสมในการชมใบไม้เปลี่ยนสีจะเป็นราวๆกลางเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม โดยจุดชมวิวก็มีมากมายทั่วญี่ปุ่น ซึ่งเราเคยแนะนำไว้แล้วในบทความก่อนหน้านี้

(แนะนำจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่น 2020 >> https://ohhotrip.com/12918/)

++++++++++

เที่ยวงานเทศกาล

ด้วยอากาศเย็นๆค่อนไปทางหนาวและไม่มีหิมะคอยกวนใจ ทำให้นี่คือช่วงเวลาที่เหมาะกับการเดินตะลุยเที่ยวงานเทศกาลต่างๆที่จะจัดขึ้นทั่วทั้งญี่ปุ่น เช่น

- เทศกาลชมต้นแปะก๊วย (Meiji Jingu Gaien Ginkgo Festival) จุดขึ้นที่อุโมงค์ต้นแปะก๊วย “Gingko Avenue” สวนสาธารณะเมจิจิงงู ซึ่งนอกจากจะมีต้นแปะก๊วยสีเหลืองอร่ามตลอดแนวถนน 300 เมตร ยังมีการออกร้านขายของกิน ของที่ระลึกมากมาย

- เทศกาลกินปลาซันมะ (Meguro no Sanma Matsuri) จัดขึ้นในเดือนกันยายนของทุกปีที่ถนนช้อปปิ้งหน้าสถานีรถไฟเมกุโระ จะนำปลาซันมะจากเมืองมิยาโกะ 7,000 ตัว มาย่างและแจกฟรีให้ผู้เข้าร่วมเทศกาล

- เทศกาลอาหาร เช่น Hokkaido Food Festival , Tokyo Wagyu Show และเทศกาลที่อาหารที่ใหญ่ที่สุด หนีไม่พ้น Tokyo Ramen Show ซึ่งจะนำราเมนจากร้านทั่วญี่ปุ่นทั้งสไตล์ต้นตำรับและแบบฟิวชั่น มาให้ผู้ร่วมงานได้ลิ้มชิมรสแบบนับ(ชาม)ไม่ถ้วน คนรักราเมนห้ามพลาด!

- เทศกาลฮัลโลวีน (Halloween) ยิ่งใหญ่ขึ้นทุกปีสำหรับเทศกาลวันปล่อยผีตามความเชื่อตะวันตก โดยในญี่ปุ่นจะมีการจัดงานฮัลโลวีนหลายที่เลยทีเดียว เช่น Shibuya Halloween, the special horror event at Universal Studios Japan, Halloween Theme Food ฯลฯ

++++++++++

ตระเวนกินอาหารประจำฤดูกาล

นอกจากใบไม้จะเปลี่ยนสีจะเป็นไฮไลท์สำคัญของฤดูใบไม้ร่วงแล้ว นี่ยังเป็นฤดูแห่งการเก็บเกี่ยวพืชผลซึ่งเป็นวัตถุดิบสำหรับอาหารญี่ปุ่นหลากหลายเมนู ถึงกับมีคำเรียกในภาษาญี่ปุ่นว่า “อะกิ โนะ มิคาคุ (秋の味覚)” หรือ “Autumn Appetite” ซึ่งแปลว่า “รสชาติของฤดูใบไม้ร่วง” และอาหาร 5 อย่างประจำฤดูใบไม้ร่วงที่เราไม่อยากให้คุณพลาด ได้แก่;

- ปลาซันมะ เป็นปลาที่จับได้ในน่านน้ำญี่ปุ่นทางมหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือ ไม่นิยมเพาะเลี้ยงในฟาร์มเพราะอายุสั้นและรสชาติไม่อร่อยเท่าจับจากน้ำทะเล ปลาซันมะที่ขึ้นชื่อจึงมักจะมาจาก ฮอกไกโด โดยเฉพาะจากจังหวัดมิยากิและอิวาเตะ โดยเมนูยอดนิยม คือ ปลาซันมะย่างเกลือ

- เกาลัด เป็นอีกหนึ่ง “รสชาติของฤดูใบไม้ร่วง” เลยก็ว่าได้ ที่สำคัญคือหาซื้อได้ง่ายเพราะสามารถปลูกได้ทั่วทุกภูมิภาคในญี่ปุ่น แต่ที่ขึ้นชื่อมากๆเรื่องรสชาติและคุณภาพคือเกาลัดที่มาจาก เกียวโต โอซาก้า และเฮียวโงะ โดยเมนูยอดฮิต นอกจากลูกเกาลัดคั่วแล้ว ก็คือ เมนูข้าวอบเกาลัด

- เห็ดมัตสึตาเกะ เห็ดชั้นเลิศที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเห็ดที่ดีที่สุด หาทานได้ยากและราคาแพง แต่ก็เป็นอาหารขึ้นชื่อในฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่น มักถูกนำไปบรรจุในอาหารชุดเมนูแนะนำในร้านอาหารหลายๆร้าน แต่เมนูที่ได้รับความนิยมยังคงเป็นเมนูย่างหรือซุปญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม (Dobin Mushi) ถ้ามีโอกาสอย่าพลาดลิ้มรสชาติความไฮโซนี้

- ลูกพลับ เป็นผลไม้ประจำฤดูที่ไม่ควรพลาด ที่พบมากและรสชาติดีที่สุดจะมาจาก วากายามะ, นารา และฟูกูโอกะ โดยที่ญี่ปุ่นมี 2 สายพันธุ์หลักๆคือ พันธุ์ชิบุกาคิ (shibugaki) มีรสเปรี้ยว และพันธุ์อะมากาคิ (amagaki) มีรสหวาน นิยมทานทั้งเป็นผลไม้สดๆหรือตากแห้งเป็นขนมทานเล่น หรือนำมาเป็นส่วนประกอบในอาหาร เช่น แกงกะหรี่, พันกับเบคอนย่าง หรือจะอยู่ในเมนูของหวานก็มี เช่น โยเกิร์ต, พุดดิ้ง, มัฟฟิน ไปจนถึงเมนูน้ำผลไม้ ฯลฯ

- มันเทศ หาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป แต่ที่เราอยากให้คุณได้ไปโดนจริงๆคือ มันเผาแบบ “ยากิ-อิโมะ” ที่อาจจะมาในรูปแบบรถเข็นหรือรถบรรทุกคันเล็กๆ ให้คุณยืนต่อแถวสั่งมันเผารสหวานมันจากเตาถ่านร้อนๆหอมกรุ่นชวนน้ำลายไหล ท่ามกลางอากาศเย็นๆกับทิวทัศน์ของใบไม้หลากสี จะมีอะไรฟินกว่านี้

++++++++++

ตะลอนดูงานแสดงไฟ

แม้ว่างานแสดงไฟยามค่ำคืนจะเป็นงานประจำฤดูหนาว และแสงไฟแบบจัดเต็มในฤดูหนาวนั้นอาจจะโรแมนติกกว่าฤดูอื่นใด แต่จุดแสดงไฟหลายๆที่มักจะเริ่มจัดงานตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ซึ่งอาจจะเป็นข้อได้เปรียบสำหรับหลายๆคนที่มาเยือนญี่ปุ่นในฤดูใบไม้ร่วงที่จะได้ชมแสงไฟสุดตระการตาเหล่านี้ได้ก่อนใครๆในยามที่ผู้คนยังไม่แออัดยัดเยียดมากนัก

++++++++++

เที่ยวสวนสไตล์ญี่ปุ่น

เพราะฤดูใบไม้ร่วงจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนสีของใบไม้จากต้นไม้น้อยใหญ่หลากสายพันธุ์ สวนทั้งหลายจึงเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่ดีที่สุด และการได้เดินชมวิวในสวนญี่ปุ่นดั้งเดิมที่ตกแต่งจัดวางต้นไม้ ทางเดิน แม่น้ำ สะพาน ก้อนหิน ตามแบบสวนนิกายเซ็นโบราณ ย่อมสร้างความประทับใจให้คุณได้อย่างท่วมท้น นอกจากนั้นในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี สวนญี่ปุ่นหลายๆที่ยังมีการจัดแสดงไฟในยามค่ำคืน เช่น สวนริคุงิเอน โตเกียว เป็นต้น

++++++++++

สำรวจธรรมชาติ ปีนเขา-เดินป่า

ด้วยสภาพอากาศที่เย็นสบายไม่ชื้นแฉะ กิจกรรมประเภทเอ้าท์ดอร์มักเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมทำกันในฤดูใบไม้ร่วง และด้วยทัศนียภาพโดยรอบที่สวยงามกับสีสันชวนตื่นตาตื่นใจของธรรมชาติ ทำให้การปีนเขา-เดินป่าเป็นอีกหนึ่งการผจญภัยที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวอย่างมาก ซึ่งที่ญี่ปุ่นมีสถานที่สำหรับเดินป่าแบบสวยๆอยู่หลายแห่ง สามารถเลือกความยากง่ายของเส้นทางได้ตามความชำนาญของแต่ละคน เช่น อุทยานไดเซ็ทสึซัง ฮอกไกโด, หุบเขาโครังเค นาโกย่า หรือถ้าอยากได้ที่ใกล้ๆโตเกียว ก็มี ภูเขาทาคาโอะ เป็นต้น

++++++++++

ปลดปล่อยความเป็นแฟชันนิสต้าในตัวคุณ

จะมีครั้งไหนที่คุณจะได้แต่งตัวตามแฟชั่นแบบจัดเต็มตามที่คุณไฝ่ฝันได้เท่ากับในฤดูใบไม้ร่วง ช่วงเวลาที่คุณไม่ต้องกังวลว่าจะเหงื่อไหลถ้าอยากใส่เสื้อสเวทเตอร์ไหมพรมสวยๆกับกระโปรงสั้นถุงเท้ายาวๆรองเท้าบูท หรือผ้าพันคอเท่ๆกับเสื้อคลุมตัวยาวแบบพระเอกซีรี่ส์ญี่ปุ่นสำหรับคุณผู้ชาย และด้วยอากาศเย็นๆแต่ไม่ถึงกับหนาวสะท้าน ทำให้แฟชั่นของคุณจะไม่ถูกปิดกั้นด้วยเสื้อโค้ทหนาๆอีกต่อไป หรือถ้าคุณอยากเปลี่ยนบรรยากาศแต่งตัวเป็นหนุ่มสาวญี่ปุ่นย้อนยุค ก็อาจจะหาเช่าชุดกิโมโนมาใส่เดินถ่ายรูปโดยมีฉากหลังเป็นธรรมชาติหลากสีสัน ก็เก๋ดีไม่น้อย

++++++++++

เปลี่ยนบรรยากาศมาดูกีฬากันบ้าง

ในวันจันทร์ที่สองของเดือนตุลาคมทุกปี จะเป็นวันเล่นกีฬาของชาวญี่ปุ่นและถูกประกาศให้เป็นวันหยุดแห่งชาติ ดังนั้นตามสนามกีฬาน้อยใหญ่ทั่วญี่ปุ่นจึงมีคนทั่วไปพากันออกมาเล่นกีฬาออกกำลังกายท่ามกลางสายลมเย็นๆของฤดูกาล ซึ่งคุณก็สามารถเข้าไปดูกีฬาทั้งที่จัดแข่งกันเองหรือแข่งแบบจริงจังก็ได้ หรือหากต้องการอีเว้นท์ใหญ่ๆ เราแนะนำให้ลองหาโอกาสไปดูการแข่งขันกีฬาประจำชาติอย่าง ซูโม่ (รายละเอียด >> http://www.sumo.or.jp/) หรือจะลองไปเชียร์ 3 นักฟุตบอลไทยที่ได้เซ็นสัญญาถาวรกับ 3 สโมสรเจลีก อย่าง ชนาธิป สรงกระสินธุ์ (คอนซาโดเล่ ซัปโปโร), ธีราทร บุญมาทัน (โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส แชมป์เก่าฤดูกาลที่ผ่านมา) และ ธีรศิลป์ แดงดา (ชิมิสุ เอส พัลส์)

++++++++++

อาบน้ำแร่แช่ออนเซ็นชิลๆ

ติดโพลกิจกรรมยอดนิยมแทบจะทั้งปี สำหรับการแช่ออนเซ็น เพราะนอกจากจะเป็นการอบอุ่นร่างกายจากความหนาวเย็นภายนอก ยังเป็นการผ่อนคลายร่างกายจากความเหนื่อยล้าแถมยังกระตุ้นการหมุนเวียนเลือดช่วยให้ผิวพรรณผุดผ่องอีกด้วย ด้วยความฮอตฮิตนี้ ทำให้มีบ่อน้ำแร่ออนเซ็นหลายพันแห่งกระจายอยู่ทั่วญี่ปุ่น ตั้งแต่ฮอกไกโดไปจนโอกินาว่า มีทั้งแบบบ่อรวมและบ่อส่วนตัว Outdoor และ Indoor เปิดให้บริการด้วยสภาพและราคาที่แตกต่างกันไป แต่ไม่ว่าจะเลือกใช้บริการที่ไหน สิ่งสำคัญคือต้องปฎิบัติตามกฏระเบียบในการแช่น้ำแร่ของแต่ละที่อย่างเคร่งครัด จะได้ไม่ต้องขุ่นข้องหมองใจกันโดยไม่จำเป็น

++++++++++

เดินสำรวจเมือง และ Go Shopping!

ด้วยอุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส การเดินเรื่อยๆเอื่อยๆแบบไม่มีแผนการใดๆ (พูดให้ทันสมัยคือ เดินโง่ๆ) ก็เป็นกิจกรรมที่น่าทำอยู่ไม่น้อย คุณอาจจะหาสักวันหนึ่งในทริปที่จะปล่อยให้ทุกอย่างในตารางว่างเปล่า ตื่นเช้าออกกำลังเบาๆอาบน้ำแต่งตัว แล้วออกจากที่พักช่วงสายๆ หาอะไรง่ายๆกินแล้วก็เดินไปเรื่อยเหนื่อยก็แวะพักตามร้านกาแฟ ร้านหนังสือ หรือนั่งรถไฟไปลงสถานีเล็กๆที่ไม่มีใครพูดถึง อาจจะทำให้คุณค้นพบมุมลับๆสำหรับถ่ายรูปแบบไม่ซ้ำใคร หรือเจอร้านขายของแปลกๆน่าสนใจโดยบังเอิญก็ได้ หรือถ้าเบื่อกับการเที่ยวแบบไม่มีจุดหมายแล้ว ก็ลองใช้เงินแก้ปัญหา แวะช้อปปิ้งให้หนำใจ ซื้อของที่เล็งๆเอาไว้ติดไม้ติดมือเป็นของขวัญให้ตัวเอง

++++++++++ ooo ++++++++++

หวังว่าบทความนี้จะทำให้เพื่อนๆมีไอเดียนำไปปรับใช้ในทริปจริงๆนะคะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในการเที่ยวแต่ละครั้ง ขอให้เอาความสุขทั้งจิตใจและร่างกายของเราเป็นที่ตั้งนะทุกคน ถ้าฝืนทำให้ครบทุกอย่างตามคำแนะนำของคนนั้นคนนี้แล้วมันเหนื่อยไป ก็เลือกแค่สิ่งที่คิดว่าเราทำได้และสนุกที่สุดเป็นพอ

Written By Pok Safin

ที่มาข้อมูล

https://en.wikipedia.org/wiki/Japanese_festivals

https://jw-webmagazine.com/

https://www.lonelyplanet.com/

https://en.compathy.net/magazine/

http://www.sumo.or.jp/

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
RELATED POST
Osaka Nifrel
ที่เที่ยวสนุกในญี่ปุ่น

นิฟุเระรุ หรือนิฟุเร่ (NIFREL) สวนสัตว์ที่จะทำให้คุณใกล้ชิดกับสัตว์ได้มากขึ้น

โดยปกติแล้วเวลาเราไปเที่ยวสวนสัตว์เรามักคุ้นเคยกับสวนสัตว์กลางแจ้งและด … 01/09/2024
คำแนะนำสไตล์การท่องเที่ยวญี่ปุ่น 100 แบบ
IMG_0946
ที่เที่ยวสนุกในญี่ปุ่น

แนะนำ GHIBLI MUSEUM พิพิธภัณฑ์จิบลิเมืองมิตากะโตเกียว และ วิธีการจองตั๋ว

เกี่ยวกับ พิพิธภัณฑ์สตูดิโอจิบลิ (Ghibli Museum)พิพิธภัณฑ์สตูดิโอจิบลิ … 20/05/2024
คำแนะนำสไตล์การท่องเที่ยวญี่ปุ่น 100 แบบ
KOBE
ที่เที่ยวสนุกในญี่ปุ่น

จูงมือคนรักไปชมวิวสุดโรแมนติกแห่งโกเบ พร้อมพิกัดเที่ยวรอบ KOBE HARBORLAND

พาเที่ยวย่านดัง Kobe Harborland พิกัดริมท่าเรือของโกเบที่มีทิวทัศน์สุด … 15/04/2020
คำแนะนำสไตล์การท่องเที่ยวญี่ปุ่น 100 แบบ
ที่เที่ยวสนุกในญี่ปุ่น

ไหว้พระวันปีใหม่กับดารุมะกลางหุบเขา ณ วัดคัตสึโอจิ (Katsuoji)

ตามธรรมเนียมในวันขึ้นปีใหม่ของชาวญี่ปุ่น นอกจากการกินโอเซะจิ อาหารชุดเ … 28/07/2024
คำแนะนำสไตล์การท่องเที่ยวญี่ปุ่น 100 แบบ
ที่เที่ยวสนุกในญี่ปุ่น

Nara Kingyo Museum(นารา คิงเกียว มิวเซียม) และ NARA IKIMONO MUSEUM (นาราอิคิโมโน มิวเซียม)

ถ้าพูดถึงเมืองนาราแล้วส่วนใหญ่คนมักจะคิดถึงพระพุทธรูปไดบุสึ และกวางใช … 01/02/2025
คำแนะนำสไตล์การท่องเที่ยวญี่ปุ่น 100 แบบ

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!

OhHotrip.com icon
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.