ภาพลักษณ์ของญี่ปุ่นสำหรับหลาย ๆ คนมักจะเป็นภาพเมืองในอนาคตที่เต็มไปด้วยตึกสูงเสียดฟ้า ผู้คนพลุกพล่านวุ่นวาย การจราจรติดขัด แสงไฟหลากสีที่ชวนให้หลงใหล พร้อมสิ่งทันสมัยที่รายล้อมอยู่มากมาย แต่ในขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นก็มีภาพลักษณ์ของประเทศที่ร่ำรวยทางวัฒนธรรม มีทั้งธรรมชาติที่สวยงาม และบ้านเมืองโบราณที่เปี่ยมด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ และแม้อาคารบ้านเรือนในเมืองโบราณเหล่านั้นหลายแห่ง จะเสียหายไปเนื่องจากเพลิงไหม้ แผ่นดินไหว สงคราม หรือแม้กระทั่งการรื้อผังเมืองใหม่ แต่บางแห่งก็ยังรักษาบล็อกถนนหรือเขตของอาคารแบบดั้งเดิมไว้ให้ผู้อยู่อาศัยและนักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินในปัจจุบัน หมู่บ้านโบราณอีกหลาย ๆ แห่ง ตั้งอยู่ในบริเวณเทือกเขาหุบเขาที่ลึกเข้าไป ซึ่งยากต่อการเข้าถึงและจำกัดในเรื่องการขยายชุมชน ทำให้ถูกปล่อยทิ้งร้างจนได้รับการปรับปรุงจนกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแทน เรามาดูกันว่า หมู่บ้านโบราณใดบ้าง ที่เราไม่ควรพลาดที่จะดั้นด้นไปสำรวจและชื่นชม ทั้งในแง่ความนิยมและความงดงาม เพื่อดื่มด่ำกับกลิ่นอายทางประวัติศาสตร์อันแสนมีมนต์ขลังเกินจินตนาการ
- หมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณที่ควรค่าแก่การไปเยือน
- 1. บ้านชาวนาชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go), จังหวัดกิฟุ
- 2. หมู่บ้านชาวประมงอิเนะ (Ine Fishing Village), จังหวัดเกียวโต
- 3. หมู่บ้านโออิจิจูกุ (Ouchijuku), จังหวัดฟุกุชิมะ
- 4. เมืองปราสาทโบราณอิซุชิ (Izushi Castle Town), จังหวัดเฮียวโงะ
- 5. หมู่บ้านโบราณมิยามะ คายาบุกิโนะซาโตะ (Miyama Kayabuki no Sato), จังหวัดเกียวโต
- THE END
หมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณที่ควรค่าแก่การไปเยือน
1. บ้านชาวนาชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go), จังหวัดกิฟุ
รายล้อมด้วยหุบเขาอันอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่จังหวัดกิฟุและโทยามะ ภูมิภาคชูบุ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO ต้องยอมรับว่า "ชิราคาวาโกะ" เป็นหมู่บ้านโบราณที่มีชื่อเสียงมากที่สุดและมีความงดงามมากที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยภาพบ้านเรือนเก่าแก่อายุราว 200-300 ปี เรียงรายเหนือใต้ ทอดขนานไปตามแม่น้ำโชงาวะ (Shogawa) เอกลักษณ์อันโดดเด่นของชิราคาวาโกะคงหนีไม่พ้นแบบบ้านชาวนาที่เรียกว่า "กัสโซ-สึคุริ" (Gassho-zukuri) ด้วยรูปทรงที่คล้ายรูปพนมมือ แลดูแปลกตาแต่สวยจับใจ เป็นหมู่บ้านโบราณที่ยังมีชาวบ้านอาศัยอยู่จริง แต่เปลี่ยนจากหมู่บ้านชาวนา มาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีการสาธิตการปลูกข้าวท่ามกลางบรรยากาศหุบเขาอันงดงาม และบ้านเรือนหลายหลังถูกเปลี่ยนมาเป็นที่พักเพื่อรองรับผู้มาเยือน โดยมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาเยี่ยมชมชิราคาวาโกะมากกว่า 1.5 ล้านคนต่อปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่ทั้งหมู่บ้านจะถูกปกคลุมด้วยหิมะ เกิดภาพแสนสวยเหนือคำบรรยายใดๆ นอกจากต้องมาเห็นด้วยตาตัวเองจริงๆ
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://visitgifu.com/th/specials-of-gifu/shirakawa-go/ https://www.vill.shirakawa.lg.jp/en/
2. หมู่บ้านชาวประมงอิเนะ (Ine Fishing Village), จังหวัดเกียวโต
หมู่บ้านชาวประมงโบราณอันห่างไกล ตั้งอยู่ริมน้ำบนชายฝั่งอ่าวอิเนะ มีชื่อเสียงจากบ้านแบบฟุนายะ 230 หลัง ที่สร้างเรียงรายตามแนวโค้งของอ่าวอย่างสวยงามเป็นระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร ความโดดเด่นของบ้านแบบฟุนายะ (Funaya) คือ เป็นบ้านสองชั้น ชั้นใต้ถุนจะสร้างไว้เป็นที่เก็บเรือที่สามารถล่องออกสู่ทะเลได้ทันที ส่วนชั้นสองจะใช้เป็นที่พักอาศัย อิเนะ เป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงแห่งสุดท้ายในญี่ปุ่นที่ยังมีชาวบ้านอาศัยอยู่ แม้จะมีการปรับตัวจากหมู่บ้านชาวประมงปกติ มาผสมความเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อรองรับผู้มาเยือนจากต่างถิ่น โดยการล่องเรือชมอ่าวอิเนะและให้อาหารนกนางนวล ถือเป็นไฮไลท์การท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด และแม้บ้านเรือนหลายหลังจะเปลี่ยนเป็นเกสต์เฮ้าส์ แต่กระนั้น ชาวบ้านในอิเนะก็ยังคงดำเนินชีวิตตามประเพณีและภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมาแต่โบราณกาล ชาวบ้านยังคงหาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลาเป็นหลัก เนื่องจากมีแหล่งตกปลาอันอุดมสมบูรณ์ที่ล้อมรอบอ่าวอิเนะ นักท่องเที่ยวที่สนใจมาเที่ยวที่อิเนะ สามารถเพลิดเพลินกับบรรยากาศของหมู่บ้านประมงโบราณ พร้อม ๆ กับการเคารพความเป็นส่วนตัวของชาวบ้านด้วยเช่นกัน
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.ine-kankou.jp/en https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Funaya_in_Ine_Town,_Yosa_District,_Kyoto_Prefecture_002.jpg
3. หมู่บ้านโออิจิจูกุ (Ouchijuku), จังหวัดฟุกุชิมะ
ย้อนไปในสมัยเอโดะ "หมู่บ้านโออิจิจูกุ" ซึ่งตั้งอยู่ในมินามิไอซุ จังหวัดฟุกุชิมะ เจริญรุ่งเรืองในฐานะเมืองหน้าด่านสำหรับพักแรมระหว่างทางของเหล่านักเดินทาง บนถนนสายสำคัญที่เชื่อมระหว่างเมืองไอซุ-วากามัตสึและเมืองนิกโกะ เป็นหนึ่งในเมืองเก่าที่ดูมีเอกลักษณ์ที่สุดในญี่ปุ่นด้วยแบบบ้านไม้หลังคามุงจากที่ตั้งเรียงรายตามถนน ที่แม้ในปัจจุบันก็ยังคงมีผู้พักอาศัย ซึ่งเป็นชาวบ้านผู้สืบเชื้อสายมาจากต้นตระกูลในอดีต ที่มุ่งมั่นที่จะอนุรักษ์และส่งต่อเทคนิคการมุงหลังคาแบบดั้งเดิมไปยังผู้คนรุ่นหลัง เพื่อให้คุณค่าทางวัฒนธรรมจะยังคงอยู่ตลอดไป เมื่อเดินไปตามถนนสายหลัก คุณจะพบกับประตูโทริอิของศาลเจ้าทาคาคุระ เทพผู้พิทักษ์หมู่บ้าน และเมื่อคุณเดินผ่านประตูโทริอินั้นไป ก็จะพบกับความเงียบสงบที่เหมาะกับการเดินทอดน่องไปตามทางลาดเพื่อขึ้นไปชื่นชมความงามของบรรยากาศโบราณที่จุดชมวิวด้านบนได้อย่างเต็มที่ เช่นเดียวกัน ตามถนนสายหลัก จะมีร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารหลายร้านตั้งเรียงรายให้คุณได้แวะลิ้มลองรสชาติแสนอร่อยอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวเมือง ซึ่งการเดินไปชิมไปถือเป็นหนึ่งในความเพลิดเพลินที่หาได้จากหมู่บ้านแห่งนี้เลยก็ว่าได้
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://ouchi-juku.com/ https://www.tohokukanko.jp/zh_th/attractions/detail_1546.html
4. เมืองปราสาทโบราณอิซุชิ (Izushi Castle Town), จังหวัดเฮียวโงะ
เป็นเมืองเล็กๆ ที่เคยรุ่งเรืองในฐานะศูนย์กลางภูมิภาคทาจิมะ (ทางเหนือของจังหวัดเฮียวโงะในปัจจุบัน) ในช่วงระหว่างยุคโบราณและยุคกลาง เมืองที่เกิดจากการขยายชุมชนตามความเจริญรอบปราสาทอิซุชิ แม้ในปัจจุบันบริเวณปราสาทจะเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่อิซุชิก็ยังคงอยู่ ยังมีคนท้องถิ่นอาศัยอยู่ในเมือง พร้อมด้วยอาคารบ้านเรือนที่ยังคงรักษาเสน่ห์ดั้งเดิมไว้ได้อย่างดี ต่างจากสถานที่ท่องเที่ยวขนาดใหญ่อื่นๆ ที่นับวันจะแปรสภาพเป็นแหล่งท่องเที่ยวเต็มรูปแบบจนแทบหากลิ่นอายดั้งเดิมไม่เจอ อิซุชิ มีจุดแลนด์มาร์คมากมาย เช่น ซากปรักหักพังของปราสาทอิซุชิที่มีกำแพงหินสวยงาม หอนาฬิกาที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น และวัดโซจิจิที่สร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 8 เมืองนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องของซาระโซบะ เส้นบะหมี่บัควีทที่เสิร์ฟในถ้วยชามเคลือบสีขาวเรียกว่าอิซุชิยากิ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ ถ้าคุณมีโอกาสได้มาเยือนอิซุชิ ลองแต่งชุดยูกาตะหรือจัดเต็มด้วยกิโมโน แล้วเดินเที่ยวชมรอบๆ เมือง จะยิ่งได้ความรู้สึกราวกับหลุดหายเข้าไปในห้วงแห่งกาลเวลาเลยทีเดียว
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://visitkinosaki.com/in-the-area/izushi/
5. หมู่บ้านโบราณมิยามะ คายาบุกิโนะซาโตะ (Miyama Kayabuki no Sato), จังหวัดเกียวโต
ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเกียวโตไปประมาณ 30 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านเกษตรกรรมท้องถิ่นเล็ก ๆ ในชนบทเมืองมิยามะ เอกลักษณ์อันโดดเด่นของที่นี่ คงหนีไม่พ้นบ้านเรือนที่เป็นเหมือนกระท่อมหลังคาทรงสูงและมุงหลังคาด้วยหญ้าคายะ (Kaya) ซึ่งเป็นที่มาของคำว่าคายาบุกินั่นเอง ภายในหมู่บ้าน มีบ้านเรือนของเกษตรกรที่มีชาวบ้านอยู่อาศัยจริง อุตสาหกรรมการเกษตรต่างๆ เรือกสวนไร่นา การปลูกผัก หาปลากินเอง ก็เป็นวิถีชีวิตจริงๆ ของคนในหมู่บ้าน แต่ก็ด้วยชื่อเสียงความงดงามของธรรมชาติที่เป็นความจริงนั่นแหละ ก็ดึงดูดผู้คนต่างเมืองให้แวะมาเยี่ยมเยือนความเป็นชนบทของที่นี่ได้ไม่น้อยในแต่ละปี ทำให้มีบ้าน 2 หลัง ที่ปรับปรุงเป็นเกสต์เฮ้าส์เพื่อรองรับผู้มาเยือนที่สนใจพักค้างคืน และถึงแม้จะยังคงความเป็นชนบทแบบชายขอบได้อย่างมหาศาล แต่ที่นี่ก็มีกิจกรรมน่ารักๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ลองทำ ไม่ว่าจะเป็น การแวะชิมขนมอร่อยๆ ตามคาเฟ่ในหมู่บ้าน การเดินเล่นริมแม่น้ำ การตกปลาหวาน ไปจนถึงการเดินป่า เป็นต้น
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.jnto.or.th/enjoy-more-of-japan/article/spot24/