มาเที่ยวญี่ปุ่นฤดูใบไม้ร่วงนี้จะทำอะไรกันดีนอกจากชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ทุกคนนิยมไปแล้ว แจวขอพาทุกท่านมาชมทุ่งดอกไม้สีแดงที่รับรองได้ว่านักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือต่างชาติก็ตามไม่เคยพบเคยเห็น เพราะที่นี่มีดอกไม้สีแดงมากกว่าห้าล้านต้น ไม่ว่ามองไปทางไหนก็เป็นสีทุ่งแดงสุดหูลูกตาเหมาะสำหรับการมาเดทและถ่ายภาพลง Facebook ลง Instagram มากๆเลยค่ะ
Kinchakuda Manjusyage Festival
ที่อยู่
Kinchakuda Manjusyage Park, Hidaka, Saitama Prefecture
วิธีเดินทาง
[โดยรถไฟ / เดิน]
·Seibu Ikebukuro Line "สถานี Koma" ใช้เวลาเดิน 15 นาที
[โดยรถประจำทาง]
·ประมาณ 20 นาทีจากสถานี JR "Komagawa" ไปยังสถานี Hanno
เวลาทำการ
9.00 - 16.30
ราคา
300 เยน/คน ※คิดเฉพาะในช่วงออกดอกไม้ Higanbana
โทรศัพท์
-
ข้อมูลอื่น ๆ
วันที่: 15 กันยายน (วันเสาร์) - 30 กันยายน (อาทิตย์) (ในกรณีของปีพ. ศ. 2561)
แจวพาเที่ยวเทศกาลดอกไม้สีแดง “ฮิกังบะนะ”

ดอก “ฮิกังบะนะ” มีชื่อเรียกหลายอย่างบางคนก็เรียกดอกมันจุชะเกะ พลับพลึงแดง หรือ red spider lily ซึ่งชื่อที่ใช้ส่วนใหญ่น่าจะเป็น “ฮิกังบะนะ”
ฮิกังบะนะ ไม่ได้มีแต่สีแดงเท่านั้นค่ะ ยังมีสีขาวและสึขาวอมชมพูด้วย ซึ่งที่นี่มีจำนวนน้อยเป็นของหายากเลยทีเดียว

ดอกไม้นี้จะเริ่มผลิบานช่วงปลายเดือนกันยายน เป็นสัญญาณหนึ่งที่บอกว่าใกล้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว
ปีนี้เราไปชมดอกฮิกังบะนะกันที่จังหวัดไซตะมะ ซึ่งเดินทางไม่ยากและใช้เวลาไม่นานจากโตเกียว เราจะไปกันที่คินจะคุดะ (Kinchakuda)

เทศกาลดอกฮิกังบะนะที่คินจะคุดะ จัดขึ้นทุกปีจะอยู่ช่วงต้นกันยายนถึงกลางตุลาคม ของทุกปีค่ะ (จัดวันที่ 16 กันยายน-1 ตุลาคม) ค่าเข้าชมคนละ 300เยน ตั้งแต่ 09:00-16:30
เราใช้เวลาเดินทางจากสถานี อีเคบุคุโระ มาประมาณ 1 ชั่วโมง นั้งรถไฟสาย seibu chichibu เปลี่ยนขบวนที่สถานี hanno ต่อรถไฟสายท้องถิ่น ก็มาถึงสถานีโคมะค่ะแล้วเดินต่อไปยังคินจะคุดะ ประมาณ 15นาที ซึ่งบริเวณนี้พื้นที่เป็นวงกลมซึ่งลักษณะคล้ายกับถุงหูรูดใส่ของแบบคนญี่ปุ่นที่เรียกว่า Kinchaku คินจะคุ บริเวณนี้จึงถูกเรียกว่า “คินจะคุดะ” ค่ะ
cr http://www.redlovetree.com/higanbana-redspiderlily-kinchakuda-saitama-manjushage/
มุมถ่าย
ถ้าอยากถ่ายรูปสวยสวยที่นี่ แจวอยากจะแนะนำตรงบริเวณส่วนกลางของสวนค่ะ















ไม่ว่าจะมาคนเดียวหรือมากับใครสักคนก็ได้ค่ะ เป็นทริปที่แจวขอบอกเลยว่าแนะนำจริงๆเพราะถ่ายรูปมาสวยมากแต่ต้องมาเร็วเร็วกันนะคะ อากาศหนาวเมื่อไหร่ ดอกไม้เหี่ยวทันทีค่ะ



แถมใกล้ๆวังมีอีเวนท์งาน มีของกินขึ้นชื่อของจังหวัดให้ลิ้มลองมากมายค่ะ ไม่ว่าจะเป็นอุดง ราเมนยากิโซบะ มีที่สำหรับปิกนิกด้วยนะค่ะ
Cafe alisan
แต่แจวรีวิวนี่คงธรรมดาไม่ได้ แจวขอแนะนำคาเฟ่น่ารักๆในบริเวณนั้นค่ะ
cr https://retty.me/area/PRE11/ARE48/SUB48605/100000025056/
ใครมาเดทมาเป็นคู่หรือครอบครัวก็สามารถสนุกและชมวิวทิวทัศน์ของดอกไม้นี่ได้จากคาเฟ่นี้ค่ะ
คาเฟ่อารีสันอยู่ใกล้ใกล้กับสวนดอกไม้
เดินประมาณแค่ 3 นาทีเท่านั้นค่ะ
cr https://retty.me/area/PRE11/ARE48/SUB48605/100000025056/
ในร้านนั้นขอบอกเลยว่าน่ารักมากๆตกแต่งด้วยไม้สไตล์เวสเทิร์นอบอุ่น อาหารเป็นผักปลอดสารพิษออแกนิค เซ็ตเมนูสำหรับตอนเที่ยงราวๆ 1000 เยนค่ะ


cr https://retty.me/area/PRE11/ARE48/SUB48605/100000976713/
ถือว่าราคาคุ้มค่ากับปริมาณที่ได้มากๆมีผักนานาชนิด เมล็ดพืช ขนมปังเขาทำเองนะคะบอกได้ว่าทั้งอิ่มท้องทั้งดีต่อกาย ถ่ายรูปออกมาก็เอาไปลงแชร์ต่อต่อให้ได้อีกค่ะ
คาเฟ่ sorte
แต่สำหรับคอกาแฟนั้นจะมีอีกร้านหนึ่งมาแนะนำค่ะคาเฟ่ sorte (โสเต้) ร้านนี้อยู่ใกล้ๆกับสวนดอกไม้เช่นเดียวกันค่ะ
cr https://retty.me/area/PRE11/ARE48/SUB48605/100000976713/
ร้านนี้เขานำบ้านที่ไม้เก่าแก่อายุกว่า 100 ปีมารีโนเวทเป็นคาเฟ่สไตล์วินเทจน่ารักๆค่ะ ที่นี่ดังกาแฟที่คั่วบดเองและขนมที่ทำเองค่ะโดยเฉพาะสโคนและขนมพุดดิ้งฟักทองค่ะ แจวขอบอกเลยว่าไม่ธรรมดาแน่นอน



ครั้งนี้แนะนำสวนนี้เพราะมาไม่ยาก
เหมาะเป็นทริปสั้นๆที่มาจากโตเกียวได้ง่ายๆค่ะ
ช่างเหมาะสำหรับคนที่อยากหาบรรยากาศใหม่ใหม่ไม่จำเจ แถมไม่ไกลจากเมืองหลวงอีกค่ะ
ทิ้งท้าย
แจวจะมาเล่าเรื่องน่าขนลุกของดอกไม้นี้ให้ฟังนะค่ะ
ดอกฮิกังบะนะ เป็นดอกไม้สีแดงสด เติบโตได้ดีในเขตอบอุ่น ดอกจะบานช่วงย่างเข้าฤดูใบไม้ร่วง หรือ equinoctial week ซึ่งเป็นช่วงที่กลางวันกับกลางคืนยาวเท่ากัน และจะมีการประกอบพิธีทางพุทธ(ในญี่ปุ่นและจีน) โดยการนำดอกไม้ไปปลูกบริเวณหลุมศพเป็นการเคารพผู้ตาย และด้วยเหตุดังกล่าว ดอกไม้นี้จึงเป็นของต้องห้ามในการจัดดอกไม้ไม่ว่ากรณีใด
ตำนานของฮิกังบะนะ เล่ากันมาว่าดอกไม้นี้จะเติบโตในนรกภูมิ (นึกถึงเพลง Naraku no Hana ของฮิกุไค) เพื่อนำทางวิญญาณไปสู่การเกิดใหม่
เนื่องจากฮิกังบะนะ จะมีการผลัดใบผลัดดอก เมื่อดอกบาน ใบจะร่วงหมด เมื่อเริ่มแตกใบ ดอกจะโรย จึงมีการผูกไปถึงตำนานเทพของญี่ปุ่น โดยสื่อสารการพลัดพรากจากสิ่งที่รัก และไม่มีวันหวนกลับมากอีก หิๆ

อีกหนึ่งเรื่องคือตำนานที่เป็นที่นิยมที่สุด เล่าถึง 曼珠(Manshu) ผู้อารักษ์ดอก กับ 沙華(Saka) ผู้อารักษ์ใบ เทพารักษ์สององค์ได้ฝืนชะตา ขออารักษ์ไม้ชนิดนี้ร่วมกัน (ตามตำนาน ไม้ 1 ชนิดจะมีเทพารักษ์ได้เพียงหนึ่งเท่านั้น) และต่างก็ตกหลุมรักเมื่อแรกพบทั้งคู่
เรื่องถึงเทพีอามะเทราสึ พระองค์จึงแยกคู่รักออกจากกันและฝังคำสาปไว้ ไม่ให้ทั้งสองได้พบกันอีก
ตำนานบางแห่งมีการเติมต่อไปว่า แม้ทั้งสองจะได้พบกันในนรกภูมิ และสาบานว่าจะพบกันอีกหลังเกิดใหม่ ก็ไม่สามารถได้พบกันอีกเลย
ดังนั้น ในจีนและญี่ปุ่นจึงมีการใช้อีกชื่อหนึ่งของดอกฮิกังบะนะ ว่า แมนชูชะเกะ 曼珠沙華 (อ่านเป็น Manjushage)
อีกความเชื่อหนึ่งก็ว่า ดอกไม้นี้จะบาน ณ ริมแม่น้ำซังสึ ซึ่งพ้องกับแม่น้ำสติกซ์ในตำนานตะวันตก ซึ่งเป็นแม่น้ำที่กั้นระหว่างโลกคนเป็นกับปรภพ
และเนื่องจาก ฮิกังเป็นชื่อเรียกของริมฝั่งด้านปรภพของแม่น้ำซังสึ(อาจจะผิดพลาดนะครับ แก้ไขได้) จึงมีการใช้ชื่อ ฮิกังบะนะ ในปัจจุบัน
