ที่กินในญี่ปุ่น

รู้จัก ประเภทเหล้าญี่ปุ่น

japanese sake-46c565a3

Photo from https://www.flickr.com/photos/inucara/4341063153

เวลาเราไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น นอกจากอาหารอร่อยๆที่มีให้เลือกทานไม่อั้นแล้ว เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของญี่ปุ่นก็เป็นอีกหนึ่ง “ต้องลอง”  สำหรับนักชิมและนักท่องเที่ยวทุกคน 

ประเทศญี่ปุ่นมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นของตนเองหลายชนิด ทำให้เกิดเป็นวัฒนธรรมการดื่มสังสรรค์หลังเลิกงานการอยู่เป็นประจำ ผู้คนส่วนใหญ่ก็จะนิยมดื่มเบียร์ประเภทต่างๆโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ในทางกลับกัน วัยผู้ใหญ่และผู้สูงอายุจะนิยมดื่มเหล้าญี่ปุ่น นั่นคือเหล้าสาเกและเหล้าโชจูมากกว่า 

แต่พักหลังได้เกิดเทรนใหม่ ซึ่งเหล้าสาเกและเหล้าโชจูญี่ปุ่นกลับได้รับความสนใจจากกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น และนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศก็อยากลองเหล้าสาเกและเหล้าโชจูญี่ปุ่นแบบดีๆเมื่อมาที่ประเทศญี่ปุ่น 

เพื่อเป็นความรู้เบื้องต้นก่อนออกเดินทาง วันนี้จะมาแนะนำเกี่ยวกับเหล้าสาเกญี่ปุ่นและเหล้าโชจูกันว่ามีกี่ชนิดและอะไรบ้าง 

เหล้าสาเกและเหล้าโชจู ต่างกันอย่างไร?

สาเกและโชจูเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงระดับโลก ทั้งสองมีหลายชื่อ ทั้งแบบคันจิและฮิระงะนะ ดังนั้นจึงอาจสร้างความสับสนได้ ซึ่งเรานักท่องเที่ยวจะอ่านไม่ออกกันเวลาไปเลือกซื้อ อย่างไรก็ตาม หากดูฉลากอย่างใกล้ชิดและอ่านภาษาญี่ปุ่นได้ เราก็จะเห็นคำว่าโชจูและสาเก พร้อมชื่อประเภทอย่างชัดเจน

ความแตกต่างระหว่างโชจูและสาเกหลักๆคือ วิธีการผลิต เปรียบเทียบง่ายๆ โชจู จะถูกกลั่นเหมือนวิสกี้และบรั่นดี ส่วนสาเก ถูกหมักและกลั่นเหมือนเบียร์และไวน์ กรรมวิธีการผลิตที่แตกต่างกันทำให้เกิดรสชาติที่แตกต่างกัน ไม่ได้เป็นเพียงแต่วิธีการผลิตเท่านั้น ยังรวมถึงส่วนผสมด้วย ในขณะที่สาเกทำมาจากข้าวเป็นหลัก โชจูมักทำจากข้าวบาร์เลย์ มันฝรั่งและข้าว ด้วยเหตุผลนี้ โชจูจึงมีประเภทย่อยแตกต่างกันออกมาอีก เช่นโชจูมันเทศและโชจูข้าวบาร์เลย์ขึ้นอยู่กับส่วนผสม

ประเภทเหล้าโชจู(焼酎)

Photo from https://www.japan.go.jp/tomodachi/2018/Summer2018/the_epa_brings_shochu_into_the_eu.html

โชจูนั้นเป็นเหล้าใส คล้ายๆกับโซจูของประเทศเกาหลี แตกต่างกันที่ วัตถุดิบและจุลินทรีย์ที่นำมาใช้หมักไม่เหมือนกัน โชจูจะใช้ “โคจิ” เป็นสารจุลินทรีย์ในการหมักของญี่ปุ่น ประเภทของเหล้าโชจูก็จะขึ้นอยู่กับวัตถุดิบหลักที่นำมาผสม ได้แก่ มันหวาน, ข้าวบาร์เลย์และบัควีทเป็นต้น 

โชจูที่หมักมาจากมันหวานในภาษาญี่ปุ่นจะเรียกว่า “อิโมะ(芋)” โชจูที่หมักจากข้าวบาร์เลย์หรือมอลต์ในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “มูกิ(麦)” โชจูที่หมักจากข้าวเรียกว่า “โคเมะ(米)” และโชจูที่หมักจากบัควีทจะเรียกว่า “โซบะโชจู(蕎麦)” เป็นต้น แน่นอน ตามฉลากขวดเหล้าก็จะเขียนเป็นตัวคันจิทั้งหมดซึ่งเรานักท่องเที่ยวต่างชาติก็จะเข้าไม่เข้าใจ เราต้องถามพนักงานขายให้ช่วยแนะนำ

กลิ่นและรสชาติของโชจูก็จะแยกความแตกต่างกันไปอีกตามรอบของการกลั่น ถ้ากลั่นรอบเดียวเรียกว่า Honkaku Shochu เอกลักษณ์คือจะช่วยให้กลิ่นและรสชาติของวัตถุดิบนั้นยังคงเดิมอยู่ มีรสชาติเข้มข้น ในทางกลับกัน แบบกลั่น 2 รอบเรียกว่า Korui Shochu จะทำให้กลิ่นอ่อนลงและมีรสชาติเบา เหมาะสำหรับนำไปผสมทำเป็นเมนูค็อกเทลต่างๆ โดยทั่วไปโชจูมีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 25 – 30 ดีกรีขึ้นอยู่กับประเภทและผลิตภัณฑ์ 

วิธีการดื่มโชจูก็แล้วแต่ความนิยม สามารถดื่มเพียวๆ on the rock ก็ได้  ถ้าเป็นช่วงฤดูร้อนคนญี่ปุ่นก็จะนิยมผสมน้ำเย็นหรือที่เรียกว่า Mizuwari ในทางกลับกันถ้าเป็นฤดูหนาว คนญี่ปุ่นก็จะนิยมดื่มแบบอุ่นๆโดยนำโชจูไปผสมกับน้ำร้อนที่เรียกว่า Oyuwari นอกเหนือจากนี้ ก็ยังสามารถนำไปผสมกับเครื่องดืมอื่นๆเป็นเมนูค็อกเทลประเภทต่างๆได้อีก 

ประเภทเหล้าสาเกญี่ปุ่น

Photo from https://www.nippon.com/en/guide-to-japan/gu002001/

เหล้าสาเกญี่ปุ่นหรือที่ในภาษาญี่ปุ่นเรียกกันว่า “Nihonshu” คือเหล้าที่ผลิตด้วยการหมักและกลั่นเหมือนกระบวนการผลิตเบียร์และไวน์ แต่เหล้าสาเกญี่ปุ่นจะใช้ “ข้าว” เป็นวัตถุดิบหลัก ทำให้สีของเหล้าสาเกมีทั้งแบบใสและแบบสีขาวขุ่น แน่นอน เหล้าสาเกที่ผ่านการหมักมาหลายปี ย่อมมีรสชาติที่ดีกว่าและราคาแพงกว่าเหมือนกับประเภทของไวน์ราคาสูงจากการหมักทิ้งไว้นานหลายปี ทำให้สาเกของญี่ปุ่นรู้จักกันอีกในนามหนึ่งว่า “ไวน์ข้าวญี่ปุ่น”

สาเกเปรียบเสมือนเป็นเครื่องดื่มประจำชาติ มักจะเสิร์ฟในพิธีพิเศษสำคัญต่างๆมาตั้งแต่สมัยอดีต เช่นการอวยพรปีใหม่และพิธีแต่งงานเป็นต้น  วิธีการดื่ม คนญี่ปุ่นก็จะนำไปอุ่นในภาชนะดินเผาหรือขวดพอร์ซเลนขนาดเล็ก แล้วจิบจากถ้วยพอร์ซเลนขนาดเล็กที่เรียกว่า sakazuki ชนิดของเหล้าสาเกญี่ปุ่นก็แบ่งออกย่อยไปอีกตามส่วนผสมและปริมาณแอลกอฮอล์ ซึ่งอุณหภูมิในการดื่มที่เหมาะสมก็แตกต่างกันตามประเภทนั้นๆ ทำให้มีเป็นหนังสือวิธีการเลือกและวิธีการดื่มเหล้าสาเกญี่ปุ่นออกมาให้อ่านกันเลย

Photo from https://www.japantimes.co.jp/news/2015/07/25/reference/nihonshu-overflow/

“จุนไมไดกินโจ” คือสาเกที่มีราคาแพงที่สุดและมีความเป็น Premium มากที่สุดในกลุ่มบรรดาเหล้าสาเกทั้งหมด ใช้ข้าวขัดไม่เกิน 35 – 50% ในการทำ มีรสชาติที่นุ่ม ดื่มง่ายและมีกลิ่นหอม “จุนไม” คือสาเกญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม หาดื่มได้ไม่ยากและมีราคาไม่สูง รสชาติจะเป็น full body และออกแห้งเล็กน้อย ยังมีเหล้าสาเกญี่ปุ่นประเภทอื่นๆอีกซึ่งแตกต่างกันออกไปตามประเภทข้าวที่นำมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการหมัก ทำให้เราสามารถเห็นแต่ละตำบลแต่ละเมืองทั่วประเทศญี่ปุ่นมีการผลิตเหล้าสาเกประจำของเมืองตัวเอง โดยเฉพาะเมืองที่ตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้ำพุร้อนและแหล่งน้ำสะอาดของญี่ปุ่น จะมีโรงงานการผลิตเหล้าสาเกญี่ปุ่นตั้งอยู่เพราะสามารถใช้น้ำสะอาดที่ประกอบด้วยแร่ธาตุสมบูรณ์ในการกลั่นเหล้าสาเกญี่ปุ่นได้อย่างดี 

สาเกญี่ปุ่นหรือ Nihonshu กลายเป็น 1 สัญลักษณ์สําคัญของวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมในระดับนานาชาติเทียบเท่ากับการดื่มไวน์เลยทีเดียว คนญี่ปุ่นนิยมดื่มเหล้าสาเกแบบร้อนในฤดูหนาวเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น นอกจากการดื่มแบบ on the rock แล้วสาเกญี่ปุ่นยังถูกนำไปใช้ในการผลิตและปรุงอาหารญี่ปุ่นดั้งเดิมประเภทต่างๆอีกด้วย มีปริมาณแอลกอฮอล์ 15-20 ดีกรี 

การดื่มสาเกญี่ปุ่นหรือโชจูตามร้านอาหารที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเรื่องปกติที่จะเห็นกลุ่มคน โดยเฉพาะผู้ใหญ่วัยทำงานมานั่งดื่มกันหลังเลิกงาน และเราก็จะเห็นขวดเหล้าสาเกใหญ่ๆตั้งอยู่ที่บาร์พร้อมป้ายชื่อ นั่นหมายความว่า ลูกค้าประจำสามารถฝากขวดที่เปิดไว้แล้วกับที่ร้านอาหารได้เพื่อใช้ในการดื่มในครั้งต่อไป 


ถึงแม้จะเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับเบียร์และไวน์ ก็ยังเป็นที่นิยมของกลุ่มวัยรุ่นและผู้ใหญ่ รวมไปถึงการสร้างสรรค์ทางธุรกิจที่คู่ค้าญี่ปุ่นจะพาลูกค้ามาทานอาหารร่วมกันพร้อมแนะนำโชจูหรือสาเกญี่ปุ่นชั้นดีให้แก่กันและกัน แม้แต่ยังใช้เป็นของขวัญหรือของฝากในวันสำคัญต่างๆอีกด้วย 

s-0002
[อัปเดตปี2567] แนะนำเหล้าบ๊วยซื้อที่ญี่ปุ่น 5 อันดับ - แฟนเหล้าบ๊วยต้องลิ้มรสสักครั้ง!สวัสดีค่ะทุกคน ถ้าพูดถึงเหล้าของญี่ปุ่นทุกคนนึกถึงอะไรกันบ้างคะ เบี...
ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
ABOUT ME
Ammer
สวัสดีครับ ผมแอมเมอร์ ครับ จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัย Nanzan University ที่ประเทศญี่ปุ่นและใช้ชีวิตอยู่ญี่ปุ่นกว่า 7 ปี อดีต เป็นพนักงานต้อนรับบนเรื่องบินและบินเส้นทางญี่ปุ่นอยู่บ่อยๆ ทำให้มีความคุ้นเคยกับญี่ปุ่นตั้งแต่เหนือจดใต้ ประเทศญี่ปุ่นเปรียบเสมือนบ้านหลังที่ 2 ปัจจุบันทำงานเป็นให้กับบริษัทเอกชนชื่อดัง นอกเหนือจากงานเขียนบน OhHoTrip ยังมีผบงานเขียนหนังสือออนไลน์ เรียน"ญี่ปุ่น" ยังไงให้รอด และช่อง Youtube เกี่ยวกับการเรียนภาษาญี่ปุ่นและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ถ้าชอบ Blog ที่ผมเขียน ช่วยกด LIKE กดแชร์ด้วยนะครับ :) https://www.youtube.com/c/Ammerkongtangjitt-japan
RELATED POST

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!