ความพึงพอใจในการเดินทาง
วันนี้จะพาทุกคนไปรู้จักสถานที่เที่ยวที่คนไทยน่าจะยังไม่รู้จักมากนัก “เกาะอาวาจิ” ที่อยู่ในจังหวัดเฮียวโกะ (ใกล้กับจังหวัดโอซาก้า)
CR:Google Map
การเดินทางไปที่เกาะอาวาจิ เราได้ทำการเช่ารถโดยออกจากสถานทีชินโอซาก้า(ShinOsaka Station) ขับรถมุ่งไปทางจังหวัดเฮียวโกะโดยขึ้นทางด่วน ถ้าขึ้นทางด่วนจะไม่สามารถข้ามไปยังเกาะได้ จากโอซาก้าไปถึงเกาะใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง
ช่วงที่ข้ามเกาะนั้นเราจะได้ข้ามเกาะโดยสะพานที่ชื่อว่า “อะตะชิไคเคียว” เป็นสะพานที่เชื่อมตัวเกาะกับจังหวัดเฮียวโกะไว้
เมื่อเราข้ามสะพานนี้ไปจนสุดทางแล้วเราก็มุ่งไปที่สถานี (Mijinoeki) เพื่อไปพักทานข้าวกลางวันกัน
เกาะอาวาจินี้มีชื่อเสียงโด่งดังเรื่อง “หัวหอมใหญ่” ทั้งรสชาติหวานและลูกใหญ่ สำหรับเราคืออร่อยมากกกกกกกก คนที่ไม่ชอบกินหอมใหญ่แล้วมาลองกินของที่นี่อาจจะกินได้ง่ายๆเลยที่เดียว
แวะมาเที่ยวที่เกาะติดเลแบบนี้ทั้งที่ก็พลาดไม่ได้ที่จะมากินข้าวหน้าปลาดิบ พอกินเสร็จแล้วก็ออกมาเดินเล่นใต้สะพานที่เพิ่งจะข้ามมา ถ่ายรูปออกมาแล้วสวยมากกกกก นี่คือ No filterใช้ไอโฟนกล้องธรรมดาถ่าย
จากนั้นระหว่างทางเราก็ได้ทำการแวะเที่ยวที่สวนสนุกเล็กๆบนเกาะแห่งนี้ ที่มีชื่อว่า Awaji World Park ONOKORO มีทั้งสวนสนุกและมีโชว์สถานที่สำคัญทั่วโลกย่อส่วนทั้งหมด 18 สถานที่ด้วยกัน หนึ่งในนั้นก็มีประเทศไทยเหมือนกัน โดยของประเทศไทยนั้นเป็นวัดอรุณเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.onokoro.jp/miniature/
ทัชมาฮาล ประเทศอินเดีย(ส่วนชิงช้าสวรรค์ข้างหลังคือของคนขึ้นได้)
นอกจากนั้นยังมีกำแพงเมืองจีน, หอเอนปิซ่า, และอีกหลายๆสถานที่ที่ทุกคนรู้จัก โดนย่อส่วนมาไว้ที่นี่ และยังมีรูปปั้นประหลาดต่างๆไว้ให้ถ่ายรูปเล่นกันได้
Awaji World Park ONOKORO
ที่อยู่
8-5 Shiotaniijima, Awaji 656-2142 Hyogo Prefecture
วิธีเดินทาง
-
เวลาทำการ
Business day:10.00-17.00 / Sat.Sun.Holidays:9.30-17.00
ราคา
Entrance + Free pass: 4,400yen(Adult) / 3,700yen(Child)
โทรศัพท์
+81(0)799-62-1192
website
เมื่อวนจนครบแล้วเราก็ได้เดินทางต่อไปยังโรงแรมที่เราจองไว้ชื่อว่า Hanogoyomi Hotel เป็นโรงแรมกึ่งเรียวคัง และเป็นโรงแรมในเครือ Hotel new Awaji ทุกห้องเป็นวิวเห็นทะเลมีห้องที่มีออนเซ็นติดห้องและไม่มี (ราคาแล้วแต่ระดับ) นอกจากนี้เนื่องจากว่าโรงแรมในเครือนี้นั้นอยู่ใกล้ๆกันเราจึงสามารถไปเข้าออนเซ็นรวมของอีกโรงแรมได้
และที่พิเศษกว่าคือเราสามารถไปแช่ออนเซ็นส่วนตัวได้เป็นเวลา 1 ชั่วโมง(รวมอยู่ในค่าห้อง) แต่เนื่องจากวันที่เราไปนั้นเป็นวันเสาร์-อาทิตย์คนเลยเยอะ ที่เยอะนั้นคือ คนที่มาตกปลาใกล้ๆกับออนเซ็น 555
ซึ่งจะเข้าออนเซ็นที่ญี่ปุ่นนั้นไม่มีใครใส่ชุดว่ายน้ำหรือบิกินิลงแช่ออนเซ็น เราก็เลยตัดใจไปบอกที่ฟร้อนท์ว่า เราขอไม่เข้าแล้วเพราะว่าคนเยอะมาก เรือก็ผ่านเยอะด้วย แต่ทางโรงแรมเค้าก็กลัวว่าเราจะเสียโอกาสดีๆไป ทางโรงแรมก็เลยจัดให้ใหม่ด้วยการให้เราไปเข้าออนเซ็นส่วนตัวของอีกโรงแรมนึง(โรงแรมในเครือ)ได้ ซึ่งอีกที่นั้นเป็นออนเซ็นที่อยู่บนดาดฟ้าของโรงแรม มองเห็นทะเลได้กว้างมากกก แล้วก็ไม่มีใครสามารถเห็นเราได้ด้วย
เมื่อเข้าออนเซ็นเสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็ได้เปลี่ยนชุดเป็นชุดยูกะตะใส่ในโรงแรมเพื่อไปทานข้าวเย็น
ข้าวเย็นในวันนี้เราได้ทำการจองอาหารเป็นคอร์สเอาไว้ โดยที่ไม่ต้องจ่ายเพิ่มจากค่าโรงแรมเลย
นี่คือออร์เดิร์ฟ เสิร์ฟตามด้วยไข่ตุ๋นที่นิ่มนวล ละลายในปากโดยไม่ต้องเคี้ยว
มาเมืองทะเลก็ต้องกินปลาดิบ ซาชิมิหลากหลายในจานเดียว และทีเด็ดของเกาะนี้ก็คือหอมหัวใหญ่และปลาทรายแดง(อันนี้ไม่ค่อยแน่ใจว่าภาษาไทยเรียกว่าอะไร ถ้าผิดขออภัยด้วยน้า)
ทั้งหมดในหม้อนี้นั้นคือไม่ได้ปรุงแต่งรสใดๆ เพียงแค่เอาไปนึ่งเท่านั้น รสชาติของผักโดยเฉพาะหอมหัวใหญ่ก็คือหวานมาก เนื้อปลาก็หวานและสดมากด้วย
ทุกคนที่เห็นรูปนี้อาจจะคิดว่านี้คือเมนแล้วหรือเปล่า ขอตอบว่ายังไม่ใช่ เพราะยังมีชาบูเนื้อวัวอาวาจิมาต่อจากจากนี้ แค่นี้ก็อิ่มจุกจนแทบจะกินไม่ไหวแล้วจ้า
หลังจากชาบูจบแล้วไอเราก็นึกว่าหมดแล้ว อิ่มมากๆแต่เปล่าเลย ยังมีมาเสิร์ฟต่อด้วยเมนูสุดท้ายคือ ข้าวกับของเคียงที่คนญี่ปุ่นชอบ ซุปมิโสะและปิดท้ายด้วยของหวาน
หลังจากนั้นก็คือหนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน ไม่รู้ว่าตัวว่าหลับไปตอนไหนตื่นขึ้นมาก็พบกับวิวอันสวยงามเมื่อเปิดผ้าหน้าต่าง
และเราก็ขอจบการรีวิวไปเที่ยวเกาะอาวาจิ พักผ่อนหย่อนใจ 2 วัน 1 คืนไว้เท่านี้ เรียกได้ว่าเป็นทริปที่จ่ายแพงหน่อยแต่ก็คุ้มเพราะจ่ายแค่ทีเดียวได้ทั้งแช่ออนเซ็นส่วนตัว ได้กินข้าวที่อิ่มจนจุก ได้กินบรรยากาศดีๆ
เอาเป็นว่าถ้าโควิดหมดเมื่อไหร่ก็อยากให้เพื่อนๆได้ลองมาเที่ยวดูดดื่มบรรยากาศดีๆ ที่เกาะแห่งนี้ที่ปลาอร่อย หอมหัวใหญ่ก็หวานจนลืมไปเลยว่ามันเคยฉุนขนาดไหน ได้แช่ออนเซ็นไปกับบรรยากาศล้อมรอบไปด้วยทะเล ทำใจให้สบายลืมว่างานที่ทำมันหนักแค่ไหน ลืมเรื่องราวแย่ๆในชีวิตไปสักพัก แล้วค่อยกลับไปสู้กันใหม่ในวันหน้ากันนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านบล็อคนี้นะคะ
ข้อมูล Hanogoyomi Hotel
Hanogoyomi Hotel
ที่อยู่
Orodani 1053-16, Sumoto-shi, Hyogo-ken, ญี่ปุ่น
วิธีเดินทาง
เข้าถึงได้ง่ายภายในสามชั่วโมงจากสนามบินฮาเนดะ หนึ่งชั่วโมงครึ่งจากโอซาก้าหรือหนึ่งชั่วโมงจากโกเบโดยรถยนต์
Check in/out
15.00 / 11.00
ราคา
บาท (ต่อคืน ต่อคน โดยประมาณ / ขึ้นอยู่กับเรทแลกเงิน และฤดูกาล)
โทรศัพท์
+81-(0)799-22-2521