ความพึงพอใจในการเดินทาง
เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงในช่วงปลายปีอะไรจะเป็นที่รอคอยไปมากเสียกว่าการได้ออกทริปไปชมใบไม้เปลี่ยนสีสัมผัสอากาศเย็นๆใช่มั้ยละคะ ปีนี้เรากับเพื่อนๆเองก็อยากจะไปที่ไหนซักที่ที่สามารถไปในวันหยุดสุดสัปดาห์ได้ เราเลยตัดสินใจไปกันที่จังหวัดนางาโนะและยามานะชิ สวรรค์แห่งธรรมชาติไม่ใกล้ไม่ไกลจากโตเกียว คราวนี้เพราะว่าในกลุ่มไม่มีใครขับรถได้เลยเราจึงขอใช้บริการบัสทัวร์กับบริษัททัวร์คุณภาพอย่าง HIS ค่ะ (อันนี้ไม่ได้ค่าโฆษณาใดๆนะคะ 555) เพราะงั้นบทความนี้อาจจะไม่เป็นReferenceมากสำหรับวิธีการเดินทางแต่เนื้อหาอัดเต็มความหลากหลายแน่นอนค่ะ สำหรับทัวร์ HIS เนี่ยจะเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมดถ้าใครที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นหรือได้ภาษาญี่ปุ่นบ้างก็แนะนำเลยค่ะ จากที่ไปมาก็ระดับฟังนัดแนะเวลาออกก็โอเคแล้วละค่ะ
โอเคค่ะ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าวันแรกของการเดินทางเราก็มารวมตัวที่สถานีชิจูกุตอนประมาณ8โมงเช้าก่อนที่จะออกเดินทางช่วง8โมงครึ่ง มุ่งหน้าสู่ยามานะชิที่หมายแรกของพวกเราใช้เวลาประมาณเกือบๆ 4 ชั่วโมงเพราะรถเยอะมากค่ะ แจ๊คพอดมาก
บัสHISคราวนี้ที่เราร่วมเดินทางด้วย
หลังจากที่มาถึงยามานะชินะคะ ช่วงครึ่งแรกของทริปก็ออกแนวเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ชื่อดังของชุมชนที่ดังระดับประเทศเพื่อซื้อของฝากค่ะในทริปนี้เรามีแนะนำสองที่คือ Herb garden yamanashi ที่เป็นแหล่งเรียนรู้สมุนไพรและสินค้าออกานิคซึ่งจุดขายของเขาก็คือเซตบำรุงหน้าสูตรออริจินอลจาก ดอกเจอเรเนียม ที่ได้รับการขนานนามก็ถูกแนะนำในหนังสือชื่อดังและได้รับความนิยมมาตลอด 20 ปี โดยไม่ต้องทำโฆษณา สินค้าตัวนี้ต้องเดินทางมาซื้อที่นี่หรือสั่งจากเน็ตเท่านั้นค่ะ แหมคนเขียนเองก็นะชอบลองอยู่แล้วเลยจัดมา 1 เซต ชอบมากจนถึงกับตกใจเลยละค่ะว่า อันนี้ของจริง! ผิวหน้านิ่ม ชุ่มชื้น สู้หน้าหนาวที่นี่ได้สบายๆ ดีไซน์อาจสู้แบรนด์ดังไม่ได้แต่คุณภาพสุดมาก จากคนที่ลองอะไรกับหน้ามาเยอะ ฮา
ด้านหน้าเข้าสวน
เซตนี้ค่ะ ทั้งน้ำตบ โลชั่น ครีม ครบในเซตเดียว ติดใจมาก
นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ดอกเจอเรเนียมก็ยังมีสินค้าออริจินอลอื่นๆอีกมากมาย
หลังจากนั้นเราก็มาเยี่ยมร้านชุมชนอีกร้านอย่าง Chateau Katsunuma Winery ซึ่งเป็นแหล่งผลิตไวน์คุณภาพดีพร้อมประวัติกว่า 140 ปีแห่งยามานะชิที่เป็นแหล่งปลูกองุ่นชั้นเลิศของญี่ปุ่น มีหลายรสชาติหลายราคาให้เลือกซื้อ และเราสามารถชิมไวน์ก่อนซื้อได้ด้วย(บางสินค้าเท่านั้น) ไวน์ที่นี้รสชาติจะน่ารักๆ ให้ลืมความเป็นไวน์แบบฝรั่งเศสไปก่อน รสชาติที่นี่คือหวานๆหอมๆเหมือนขนมเลยค่ะ เอาแค่ที่เราได้ชิมนะคะไม่ใช่ทั้งหมด สนใจเพิ่มเติมตามไปที่ Winery | Chateau Katsunuma ได้เลยค่ะ
Winery | Chateau Katsunuma: https://www.chateauk.co.jp/en/winery/
เอาละค่ะแล้วเราก็มาเข้าเมนคอร์สของเราเปิดประตูสู่ใบไม้เปลี่ยนสีที่แรก ที่วัด Kōzen-ji พาวเวอร์สปอร์ทที่ทรงพลังชื่อดังของจังหวัดนางาโนะที่ถูกห้อมล้อมอยู่ในเขตเจแปนเอลป์ตอนกลาง จุดเด่นของที่นี้คือด้วยความที่อยู่กลางป่าเขาเชื่อกันว่าพลังบริสุทธ์ของธรรมชาติที่นี่จะปัดเปาความโชคร้าย และชำระจิตใจให้ผ่องใสและช่วยให้คำอธิฐานเรื่องความสำเร็จได้ลุล่วงดังหวังค่ะ
ทางเข้าดูขลังมาก 5555
วิวคลาสสิคมากๆ
จุดอารามที่เรานมัสการค่ะ
และแล้วก็มาถึงที่สุดท้ายของวันแรกแล้วนะคะเราก็จะไปถ่ายรูปสวยๆกันที่สุดท้ายอย่างสะพานKomakusa ที่เราสามารถมองเห็นเทือกเขาเจแปนแอลป์ใต้ได้จากตรงนี้ค่ะอากาศดีวิวสวยสมกับสวิสเจแปนจริงๆค่ะ
น่าเสียดายที่มาคราวนี้ใบไม้ยังไม่ค่อยแดงเท่าไหร่ค่ะ แต่ท้องฟ้าและวิวอื่นๆคือเริศๆ
สำหรับถ้าภาพไม่จุใจอันนี้ผู้เขียนขออภัยไว้ด้วยนะคะ เวลาในอยู่ในแต่ละทีไม่ค่อยยาวตามสไตล์บัสทัวร์ค่ะเลยหมดไปกับการถ่ายตัวเองกับเพื่อน ฮา เนื่องจากทริปวันที่สองก่อนกลับโตเกียวมีไม่มากเราเลยจะขอรวบยอดแบบอัดเต็มไว้ที่บทความนี้เลยแล้วกันนะคะ เอาเลยเข้าสู่วันที่ 2 เลยค่า วันนี้เรามีโปรแกรมตั้งแต่ตี 4 ค่ะฟังไม่ผิดคือตี 4 จริงๆ ไม่ทันไม่รอด้วยนะคะ คือวันนี้เราจะออกไปขึ้นกระเช้าล่าทะเลหมอกกันค่ะ ! ที่อุนไคฮาเบอร์ 天空の楽園 雲海ハーバー | 天空の楽園 日本一の星空ツアー (sva.jp)
มารอขึ้นกระเช้าตั้งแต่มืดเลยค่า ที่ต้องมาเร็วเพราะต้องขึ้นไปสูงมาก นั่ง 2 รอบ
ต่อแถวๆ
มากันมืดๆแบบนี้เลยค่ะ เอาจริง กลัวนะ แบบนี้ตั้ง 10-15 นาที
ยังค่ะ ยังไม่จบนั่งลิฟท์ต่ออีกนิสสส
และเราก็รอจนพระอาทิตย์ขึ้นแล้วแต่เป็นที่น่าเสียดายว่าวันนี้ทะเลหมอกไม่เกิดให้เราชมกันจะมีอยู่แค่กลุ่มเมฆไกลๆตรงนั้นเองค่ะ แต่ๆๆๆๆๆ ถึงเราจะพลาดทะเลหมอกไปแต่เราก็ไม่ได้มาเสียเที่ยวค่ะ เพราะอะไรนั้นตามดูรูปต่อไปได้เลยยย
นี่ค่ะทางที่เราขึ้นมาตอนมืดสนิทททท พอฟ้าสว่างเท่านั้นแหละ ทะเลใบไม้เปลี่ยนสีก็ปรากฎกาย !
ตอนถ่ายก็ตุ๊มๆต่อมๆว่ามือถืออย่าตกนะลูก
โชคดีมากที่ใบไม้เปลี่ยนสีของที่นี่อยู่ในช่วงมิโกโระ(ช่วงที่สวยที่สุด)พอดี
อันนี้เราถ่ายจากกระเช้าที่ขึ้นมาตอนแรกสุดค่ะ มองด้วยตาเปล่าคือสวยมากๆ
สวยสะใจมากๆค่ะ ในรูปอาจจะสู้ตาเปล่าไม่ได้เลย ต้องมาสัมผัสเองเท่านั้นค่ะ
หลังจากที่เราชมใบไม้เปลี่ยนสีจนอิ่มใจกันไปแล้วต่อไปเราก็ไปเตรียมตัวไปสถานที่สุดท้ายของเราในทริปนี้กัน ซึ่งที่สุดท้ายเนี่ยขอบอกเลยว่าขนาดคนเขียนยังอยากไปอีกอยู่เลย ซึ่งที่นั่นก็คือหมู่บ้านโบราณNaraijuku แห่งจังหวัดนางาโนะค่ะ ที่นี่นะคะใครสายถ่ายรูปห้ามพลาดโดยเด็ดขาดเลยค่ะ นอกจากวิวจะสวยแล้วยังมีของสไตล์ญี่ปุ่นๆขายมากมาย แม้นว่าตอนนี้ร้านรวงจะยังปิดมากอยู่แต่วิวที่เหมือนย้อนเวลากลับไปยังอดีตนั้นก็ยังตราตรึง สถานที่แห่งนี้เป็นถนนสายทอดยาวให้เราได้เดินชิวๆสบายมีทั้งคาเฟ่สวยๆ และร้านอาหารอร่อยๆให้เลือกชิมด้วยนะ ลองไปชมรูปภาพที่เอามาฝากได้เลย
แล้วหลังจากนั้นเราก็เดินทางกลับโตเกียวกัน แม้นเป็นทริปสั้นๆแต่ก็ได้ดื่มด่ำบรรยากาศธรรมชาติสวยๆ อากาศดีๆ อย่างเต็มอิ่มเลยละค่ะหวังว่าบทความนี้แม้นว่าเนื้อหาแต่ละที่จะไมได้ลงลึกมากแต่ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะคะ ไว้พบกันใหม่ค่ะ บะบาย