ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

11 ที่เที่ยวแนบชิดหิมะในญี่ปุ่น…สัมผัสความขาวละมุนสุดยะเยือก

11 ที่เที่ยวแนบชิดหิมะในญี่ปุ่น…สัมผัสความขาวละมุนสุดยะเยือก

กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศให้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 21 ตุลาคม 2020 ที่ผ่านมา ซึ่งก็นับว่าเป็นการเริ่มต้นฤดูหนาวที่อากาศเย็นใช้ได้เลยทีเดียว ต้องดูกันอีกทีว่าแสงแดดจะปราณีมอบความชิลแบบนี้ให้เรากี่วัน

และเมื่อพูดถึงหน้าหนาว แน่นอนว่าในบทความที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวญี่ปุ่นโดยตรงอย่างเรา ทั้งผู้เขียนและเพื่อนๆนักอ่านคงจะนึกถึงหิมะสีขาวโพลนที่ปกคลุมตามยอดเขา ต้นไม้ ถนนหนทาง รวมไปถึงหลังคาบ้านเรือนและสถานที่ต่างๆ 'เป็นอย่างแรก' นึกถึงความเย็นยะเยือกจนต้องใส่หมวกและถุงมือไหมพรม พร้อมห่อหุ้มร่างกายด้วยเสื้อโค้ทหนาเทอะทะ 'เป็นอย่างที่สอง' รวมทั้งนึกถึงสัมผัสอ่อนนุ่มยามที่เท้าของเราจมลึกลงไปในกองหิมะบนถนนและบนลานสกี หรือจะนึกไปถึงยามได้หย่อนตัวลงไปแช่น้ำอุ่นในบ่อออนเซ็นขณะเพ่งสายตาจดจ้องละอองหิมะภายนอกที่กำลังปลิวไปด้วยสายลมแผ่วเบา เป็นต้น

แม้ว่าโอกาสในการเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆทั่วโลก อาจจะดูเป็นไปไม่ได้เลยในระยะเวลาอันใกล้นี้เนื่องด้วยสาเหตุจากโรคระบาด แต่นั่นไม่ได้แปลว่าข้อมูลข่าวสารจะถูกปิดกั้นซะเมื่อไหร่ – วันนี้ผู้เขียนเลยถือโอกาสต้อนรับฤดูหนาวของเมืองไทย ด้วยการแนะนำ 11 แหล่งท่องเที่ยวที่ให้คุณได้แนบชิดหิมะขาวๆนุ่มๆแบบที่ลงไปนอนกลิ้งได้จริงๆเลยทีเดียว

——————– ♦ ——————–

1. ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-Go), จังหวัดกิฟุ

ติดทุกชาร์ท ท้อปทุกโพล สำหรับแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลก “ชิราคาวาโกะ” ขึ้นแท่นแหล่งท่องเที่ยวขวัญใจมหาชนที่แท้ แม้จะเดินทางยากหน่อยแต่ก็ไม่เหนือกว่าความตั้งใจของเหล่านักเดินทาง ด้วยเสน่ห์ของหมู่บ้านเล็กๆกลางหุบเขาที่มีไฮไลท์คือตัวบ้านมุงหลังคาด้วยฟางข้าวแบบกัสโช “กัสโชสึคุริ (Gassho Zukuri) หรือ หลังคาลาดเอียงคล้ายการพนมมือของชาวพุทธ” เนื่องจากอยู่ในพื้นที่หิมะตกหนัก หลังคาแบบนี้จะทำให้หิมะที่ทับถมบนหลังคาไหลลงมาได้ง่าย ซึ่งในฤดูหนาวทั่วทุกหมู่บ้านถูกปกคลุมด้วยหิมะหนา 1-2 เมตร ให้คุณได้เกลือกกลิ้งไปตามพรมหิมะเนื้อหนานุ่มสีขาวโพลนอันเย็นเฉียบ และในช่วงกลางเดือนมกราคมถึงต้นกุมภาพันธ์ “ชิราคาวาโกะ” จะมีงานแสดงไฟแสงสีฤดูหนาวประจำปีที่แค่นึกถึงแสงไฟตกกระทบเกล็ดหิมะก็การันตีความงามที่ควรค่าแก่การมาเยือน

การเดินทาง:

  • จากโตเกียว นั่งรถไฟ Hokuriku Shinkansen จากสถานี Tokyo ไปลงที่สถานี Toyama หรือ Shin-Takaoka หรือ Kanazawa (ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชม.ขึ้นอยู่กับสถานีที่เลือกลง) จากนั้นนั่งรถบัสสายที่ไป Shirakawa-go (ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชม.ขึ้นอยู่กับสถานีต้นทาง)
  • จากโอซาก้า นั่งรถไฟด่วนพิเศษ Thunder Bird ไปลงที่สถานี Kanazawa (ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชม.) จากนั้นนั่งรถบัสสายที่ไป Shirakawa-go (ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชม.ขึ้นอยู่กับสถานีต้นทาง)

ข้อมูลเพิ่มเติม: http://ml.shirakawa-go.org/en/

+++++++++++++++

2. โกคายามะ (Gokayama), จังหวัดโทยามะ

ถือเป็นเพื่อนบ้านที่มีจุดขายด้านการท่องเที่ยวแบบเดียวกับชิราคาวาโกะ ต่างกันตรงที่ ในขณะที่ชิราคาวาโกะมีการปรับตัวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มศักยภาพ แต่ “โกคายามะ” ยังคงรักษาความดั้งเดิมของหมู่บ้านเอาไว้ มีความเจริญแบบสมัยใหม่น้อยกว่า เดินทางเข้าถึงได้ยากกว่า และจำนวนนักท่องเที่ยวน้อยกว่า ซึ่งนั่นก็เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ทำให้หมู่บ้านมรดกโลกเล็กๆแห่งนี้มีมนต์เสน่ห์อย่างน่าทึ่ง เช่นเดียวกับชิราคาวาโกะ เนื่องจากอยู่ในพื้นที่หิมะตกหนัก “โกคายามะ” จึงเต็มไปด้วยบ้านมุงหลังคาแบบกัสโช “กัสโชสึคุริ (Gassho Zukuri)” ที่งดงามดึงดูดเหลือเกินเมื่อถูกหิมะสีขาวหนานุ่มปกคลุมไปทั่วบริเวณ

การเดินทาง:

  • จากโตเกียว นั่งรถไฟ Hokuriku Shinkansen จากสถานี Tokyo ไปลงที่สถานี Shin-Takaoka จากนั้นนั่งรถบัส World Heritage Bus ไปลงที่ป้าย Ainokurai-guchi หรือ Suganuma (ใช้เวลารวมทั้งสิ้นประมาณ 4 ชม.)
  • จากโอซาก้า นั่งรถไฟด่วนพิเศษ Thunder Bird ไปลงที่สถานี Kanazawa จากนั้นต่อรถไฟ Hokuriku Shinkansen ไปลงที่สถานี Shin-Takaoka จากนั้นนั่งรถบัส World Heritage Bus ไปลงที่ป้าย Ainokurai-guchi หรือ Suganuma (ใช้เวลารวมทั้งสิ้นประมาณ 4 ชม.30 นาที)

ข้อมูลเพิ่มเติม: http://gokayama-info.jp/en/

https://foreign.info-toyama.com/th/tokushu/gokayama/

+++++++++++++++

3. กินซังออนเซ็น (Ginzan Onzen), จังหวัดยามากาตะ

ย้อนกลับไปเมื่อ 20+ ปีก่อน มีทีวีซีรี่ส์ญี่ปุ่นเรื่องดัง “โอชิน” เข้ามาสร้างกระแสความนิยมญี่ปุ่นในเมืองไทย (จากปกติก็เป็นที่นิยมมากอยู่แล้ว) และแบ็คกราวน์ของซีรี่ส์เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นที่ “กินซัง ออนเซ็น” หมู่บ้านที่เต็มไปด้วยสถานบริการออนเซ็นที่ยังคงรักษากลิ่นอายของวัฒนธรรมดั้งเดิมญี่ปุ่นไว้ได้อย่างงดงาม ทั้งผังเมืองและตึกรามบ้านช่องแบบเก่าในยุคไทโช (1912-26) ที่สวยจับใจเมื่อถูกปกคลุมด้วยหิมะในฤดูหนาว ซึ่งความงามนี้ทำให้กินซันได้รับเลือกให้เป็น “Japan’s most charming winter village หรือ หมู่บ้านที่มีเสน่ห์มากที่สุดในฤดูหนาวของญี่ปุ่น” โดย CNN และถ้าหากคุณมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่กินซัง นอกจากการได้แช่ออนเซ็นในวันหิมะโปรยปราย ไม่ว่าจะแบบเอ้าท์ดอร์หรืออินดอร์ก็ตาม อย่าลืมหาโอกาสสวมชุดยูกาตะเดินเล่นกลางหิมะไปตามริมแม่น้ำกินซังและถนนคนเดินในเมืองด้วยนะ รับรองว่าฟินไม่ลืมแน่นอน

การเดินทาง: จากโตเกียว นั่งรถไฟ JR Yamakata Shinkansen ที่จะไป Shinjo มาลงที่สถานี Oishida (ใช้เวลาประมาณ 3 ชม.20 นาที) จากนั้นต่อรถบัสมายังกินซังออนเซ็น (ใช้เวลาประมาณ 35 นาที) ซึ่งรถบัสจะออกจากสถานี Oishida ทุก 60-90 นาที อย่าลืมลองถามเรียวกังที่จองไว้ว่ามีรถรับ-ส่งโดยตรงหรือไม่ เพื่อความสะดวกในการเดินทาง

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.japan.travel/en/spot/1798/

+++++++++++++++

4. นิวโตะ ออนเซ็น (Nyuto Onzen), จังหวัดอาคิตะ

เป็นแหล่งรวมเรียวกังออนเซ็นที่ดีที่สุดและเรียบง่ายที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ หมู่บ้านที่ซ่อนตัวในหุบเขาทางตะวันออกของจังหวัดอาคิตะ ตั้งอยู่บริเวณตีนเขานิวโตะในอุทยานแห่งชาติโทวาดะ-ฮาชิมันไต (Tomada-Hashimantai National Park) มีเรียวกังที่ให้บริการบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติพร้อมชมวิวหิมะหน้าหนาวทั้งหมด 8 แห่ง ได้แก่ Tsurunoyu Onzen, Tsurunoyu Onzen – Yamanoyado, Kuroyu Onzen, Taenoyu Onzen, Ganiba Onzen, Ogama Onzen, Magoroku Onzen, Kyukamura Nyuto Onzenkyo ให้บริการทั้งแบบรวมและส่วนตัว ทั้งกับแขกผู้มาพักค้างคืนที่เรียวกังรวมไปถึงแขกขาจรที่แวะมาเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับด้วย ซึ่งน้ำพุร้อนที่นิวโตจะมีสรรพคุณช่วยเรื่องสมานแผลและดูแลผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง

การเดินทาง: จากโตเกียว นั่งรถไฟ Shinkansen มาลงที่สถานี Tazawako (ใช้เวลาประมาณ 3 ชม.) จากนั้นนั่งรถบัส Uko Kotsu ไปลงที่ป้ายสุดท้าย Nyuto Ganiba Onzen (ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.)

ข้อมูลเพิ่มเติม: http://ryokan.glocal-promotion.com/

+++++++++++++++

5. เส้นทางแอลป์ ทาเทยามะ-คุโรเบะ (Tateyama Kurobe Alpine Route), เชื่อมระหว่างจังหวัดโทยามะและนางาโนะ

เส้นทางเดินชมธรรมชาติที่สามารถเที่ยวชมได้เกือบทั้งปี โดยเทือกเขาทาเทยามะจะมีความสวยงามและธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ด้วยป่าสนอายุกว่า 1,000 ปี เช่นเดียวกับเทือกเขาแอลป์ในยุโรป จึงทำให้ใครต่อใครต่างเรียกเทือกเขานี้ว่า “Japan Alps” – แต่ที่เป็นไฮไลท์จริงๆต้องยกให้ความตื่นตาตื่นใจ ณ “จุดมุโรโดะ (Murodo) หรือ จุดเดินชมกำแพงหิมะ” ซึ่งเป็นเส้นทางชมกำแพงหิมะที่สูงที่สุดของญี่ปุ่น โดยกำแพงหิมะนี้จะสูงประมาณ 7-8 เมตร (อาจสูงถึง 20 เมตร ในปีที่หิมะตกหนัก) ซึ่งจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน – พฤศจิกายน โดยช่วงเดือนพฤษภาคมจะมีกำแพงสูงที่สุด จากนั้นกำแพงจะค่อยๆละลายและเตี้ยลงเรื่อยๆ

การเดินทาง:

  • จากโตเกียว นั่งรถไฟ Joetsu Shinkansen ไปลงที่สถานี Echigo Yuzawa จากนั้นต่อรถไฟสาย Hakutaka ไปลงที่สถานี Toyama จากนั้นเดินไปที่สถานี Dentetsu Toyama แล้วนั่ง Toyama Chiho Railway Tateyama Line ไปลงสถานี Toyama ใช้เวลารวมทั้งสิ้นประมาณ 4 ชม.
  • จากโอซาก้า นั่งรถไฟด่วนพิเศษ Thunder Bird ไปลงที่สถานี Toyama จากนั้นเดินไปที่สถานี Dentetsu Toyama แล้วนั่ง Toyama Chiho Railway Tateyama Line ไปลงสถานี Toyama ใช้เวลารวมทั้งสิ้นประมาณ 4 ชม.

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.alpen-route.com/th (ภาษาไทย) และ https://www.alpen-route.com/en/ (ภาษาอังกฤษ)

+++++++++++++++

6. ซัปโปโรและโอตารุ (Sapporo & Otaru), เกาะฮอกไกโด

แน่นอนว่าฮอกไกโดในฤดูหนาวนั้นหนาวแบบสุดขั้ว ทุกพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะเย็นยะเยือก แต่นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ฤดูหนาวที่ฮอกไกโดนั้นสวยที่สุดในโลก โดยเฉพาะที่เมืองหลวงอย่างซัปโปโรที่มี Sapporo Snow Festival จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ซึ่งตลอด 2 สัปดาห์ที่มีงาน ทั่วทั้งซัปโปโรจะเต็มไปด้วยปราสาทและงานประติมากรรมน้ำแข็งที่ชวนตื่นตาตื่นใจ และในตอนกลางคืน ทั่วทั้งเมืองจะถูกประดับประดาด้วยไฟแสงสีที่งดงามราวภาพฝันในเทพนิยาย – และหากคุณอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากซัปโปรโร ก็สามารถนั่งรถไฟเพียง 30 นาที ไปยังเมืองท่าสุดชิคอย่าง “โอตารุ” ชมตึกรามบ้านช่องที่ใช้อิฐเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้างและโคมไฟริมคลองโอตารุสไตล์วิคตอเรีย จากนั้นเดินทอดน่องไปตาม “Otaru’s Snow Light Path” เพื่อซึมซับบรรยากาศแบบยุโรปที่สุดแสนโรแมนติก

การเดินทาง:

  • ซัปโปโร: นั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบิน New Chitose เมืองซัปโปโร (มีเที่ยวบินตรงจากไทย) จากนั้นนั่งรถไฟความเร็วสูง “Rapid Airport” ไปลงที่สถานี Sapporo ใจกลางเมือง ใช้เวลาประมาณ 37 นาที
  • โอตารุ: นั่งรถไฟ JR Hakodate Line ไปลงที่สถานี Otaru ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.snowfes.com/english

https://en.wikivoyage.org/wiki/Otaru#Q242108

+++++++++++++++

7. ภูเขาซาโอะ (Mount Zao), จังหวัดยามากาตะ

ความมหัศจรรย์ของฤดูหนาวมีให้พบทั่วทั้งญี่ปุ่นไม่ว่าคุณจะอยู่มุมไหน และที่ภูเขาซาโอะ ก็เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวฤดูหนาวที่นอกจากจะมีสกีรีสอร์ทที่โดดเด่นและแหล่งน้ำพุร้อนเก่าแก่อย่าง “ซาโอะ ออนเซ็น” ให้ได้ลงไปแช่คลายหนาว คุณยังจะได้พบความมหัศจรรย์ของ “ปีศาจหิมะ” (Snow Monster) หรือ “จูเฮียว” (Juhyo) ผลงานของธรรมชาติอันเกิดจากการหิมะน้ำแข็งที่ปกคลุมต้นไม้น้อยใหญ่บนเขาจนแข็งตัวเกิดเป็นรูปทรงคล้ายสัตว์ประหลาดตามจินตนาการของแต่ละบุคคล ซึ่งจะปรากฏให้เห็นชัดเจนที่สุดช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี โดยจะมีสถานีบริการกระเช้าไฟฟ้าสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งที่มาเล่นสกีและที่ตั้งใจมาดูปรากฏการณ์ธรรมชาติโดยเฉพาะ พาเที่ยวชมจุดที่มีปีศาจหิมะอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งในตอนกลางวันจะมีกิจกรรมพานักท่องเที่ยวลุยหิมะเดินเล่นตามทุ่งปีศาจหิมะ และในตอนกลางคืนจะมีการเปิดไฟเพิ่มความสวยงามอีกด้วย

การเดินทาง: จากโตเกียว นั่งรถไฟ JR Yamakata Shinkansen มาลงที่สถานี Yamakata (ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.30นาที) จากนั้นนั่งรถบัสตรงมาที่ Zao Onzen (ใช้เวลาประมาณ 40 นาที)

ข้อมูลเพิ่มเติม: http://zaoropeway.co.jp/en/

+++++++++++++++

8. ชิงะโคเก็ง (Shiga Kogen), จังหวัดนางาโนะ

ภูเขาชิงะเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ “โจชินเอ็ตสึโคเก็ง” (Johinetsu Kogen National Park) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดนางาโนะ เป็นที่ตั้งของสกีรีสอร์ทที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นถึง 19 แห่ง โดยลานสกีที่ “ชิงะโคเก็ง” เคยเป็นลานแข่งสกีในกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวเมื่อปี 1998 ซึ่งนอกจากจะมีเส้นทางให้เล่นสกีที่โดดเด่นและหลากหลาย แต่ละรีสอร์ทยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและการให้บริการที่ดีเยี่ยม และในฤดูที่หิมะละลาย ที่นี่ยังนับว่าเป็นสวรรค์ของนักปีนเขาอีกด้วย เนื่องจากที่ชิงะโคเก็งไม่ได้มีเมืองหรือหมู่บ้านมากนัก กิจกรรมอื่นๆนอกจากสกีจึงมักจะเป็นกิจกรรมที่ทางรีสอร์ทจัดหาให้ หรือหากเบื่อเล่นสกี คุณอาจจะออกเดินทางไปแช่น้ำพุร้อนหรือทำกิจกรรมอื่นๆในเมืองใกล้ๆ เช่น ไปชมฝูงลิงมาแช่น้ำพุร้อนที่จิโงะคุดานิ เป็นต้น

การเดินทาง: ในฤดูหนาว จะมีรถรับ-ส่ง “Nagano Snow Shuttle” ให้บริการ โดยจะวิ่งตรงจากโตเกียวและสนามบินโตเกียว ไปยังลานสกีที่ชิงะโคเก็ง

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.japan.travel/th/spot/2051/

+++++++++++++++

9. ธารน้ำแข็งที่อะบาชิริ (Drift Ice), เกาะฮอกไกโด

ธารน้ำแข็งที่ฮอกไกโด (Drift Ice หรือ Ryuhyo ในภาษาญี่ปุ่น) เป็นปรากฎการณ์แผ่นน้ำแข็งลอยบนทะเลโอะโฮสึคุ (Okhotsk) ซึ่งปกติจะเกิดขึ้นบริเวณอาร์กติกและแอนตาร์กติกเซอร์เคิลเท่านั้น ดังนั้นฮอกไกโดจึงเป็นจุดต่ำสุดของซีกโลกเหนือที่มีธารน้ำแข็งปรากฏให้เห็นในช่วงเดือนมกราคมจนถึงมีนาคมของทุกปี และที่เมืองอะบาชิริจะเป็นบริเวณที่มีแผ่นน้ำแข็งมวลหนากระจายอยู่โดยรอบมากที่สุด จึงมักจะมีทัวร์พาชมธารน้ำแข็งในหลายรูปแบบ แต่กิจกรรมที่นิยมมากที่สุดคงหนีไม่พ้นการล่องเรือตัดน้ำแข็ง ซึ่งผู้โดยสารจะได้รับความสนุกสนานจากเสียงและแรงกระแทกของน้ำแข็งที่ถูกบดขยี้ยามที่เรือท่องเที่ยวแข็งแกร่งขนาดใหญ่ล่องเข้าทะลายก้อนน้ำแข็งบนท้องทะเล – ซึ่งนอกจากการล่องเรือตัดน้ำแข็งแล้ว ที่อะบาชิริยังมีพิพิธภัณฑ์น้ำแข็งให้เที่ยวชม และในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์จะมีการเทศกาล “Drift Ice Festival” เพื่อแสดงงานประติมากรรมน้ำแข็งและหิมะ จัดขึ้นทุกปีที่เมืองอะบาชิริและมอนเบ็ทสึ

การเดินทาง: จากโตเกียว โอซาก้า และซัปโปโร สามารถนั่งเครื่องบินตรงไปลงที่สนามบิน Memanbetsu Airport จากนั้นต่อรถบัสเข้าเมือง ใช้เวลาประมาณ 30 นาที หรือ นั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบิน New Chitose เมืองซัปโปโร (มีเที่ยวบินตรงจากไทย) จากนั้นนั่งรถไฟความเร็วสูง “Rapid Airport” ไปลงที่สถานี Sapporo จากนั้นนั่งรถไฟ JR Sekihoku Line ไปลงที่สถานี Abashiri ใช้เวลาประมาณ 5 ชม.20 นาที

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.abakanko.jp/en/

https://ms-aurora.com/abashiri/en

+++++++++++++++

10. ศาลเจ้าคิฟุเนะ (Kifune Shrine), จังหวัดเกียวโต

หากบอกว่า “เกียวโต” คือหนึ่งในหมุดหมายหลักตลอดทั้งปีของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่นก็คงไม่ผิดนัก เพราะนี่คือเมืองเก่าที่เปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์และร่องรอยอารยธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น มีสถานที่ทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์สวยงาม และยังเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่อิงกับศาสนา เช่น วัดวาอารามแบบพุทธและศาลเจ้าแบบชินโต ฯลฯ และหนึ่งในนั้นก็คือ “ศาลเจ้าคิฟุเนะ” ศาลเจ้าที่ซ่อนตัวอยู่กลางแมกไม้เขียวขจี ที่แม้จะไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังแต่ความงามเชิงวัฒนธรรมนั้นโดดเด่นระดับเพชรยอดมงกุฎ และเสาโคมไฟสีแดงที่เรียงรายตามสองข้างทางเดินสู่โถงสักการะที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาวในหน้าหนาวนั้นช่างงดงามไร้ที่ติ เราจึงมักจะเห็นภาพเหล่านี้ถูกใส่ไว้ในโปสการ์ดหรือป้ายโปรโมทการท่องเที่ยวของเกียวโตเสมอ

การเดินทาง: นั่งรถไฟ Eizan Train Line ขบวนที่จะไป Kurama ไปลงที่สถานี Kibuneguchi จากนั้นต่อรถบัสสาย 33 (Kyoto Bus Route 33) ไปลงที่ป้าย Kibune แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาที

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.discoverkyoto.com/places-go/kifune-shrine/

+++++++++++++++

11. นิเซโกะ (Niseko), เกาะฮอกไกโด

นิเซโกะนับว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่มีหิมะตกหนักที่สุดในโลก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีสกีรีสอร์ทมากมายทั่วเมืองจนกลายเป็นจุดหมายอันดับต้นๆของผู้หลงใหลในกีฬาชนิดนี้เลยทีเดียว แต่ถ้าหากว่าคุณไม่ได้ชอบเล่นสกีสักเท่าไหร่ ที่นิเซโกะก็ยังมีสถานที่และกิจกรรมหลากหลายให้คุณได้ทำ เช่น ดื่มด่ำกับงานศิลปะที่พิพิธภัณฑ์ Shu Ogawara Art Museum หรือจะไปเยี่ยมชมวัฒนธรรมดั้งเดิมของฮอกไกโดที่ Samoza Gallery หรือจะหาโอกาสไปพักร่างด้วยการแช่น้ำพุร้อนธรรมชาติ เป็นต้น หรือหากอยากเปลี่ยนบรรยากาศ คุณก็อาจจะนั่งรถไฟไปรับประทานอาหารหรือช้อปปิ้งชิลๆในเมืองใกล้เคียงอย่างโอตารุหรือซัปโปโรก็ได้เช่นเดียวกัน

การเดินทาง: นั่งรถไฟ JR Hakodate Line จากซัปโปโรไปลงที่สถานี Niseko จากนั้นนั่งรถบัสหรือรถรับ-ส่งไปลงยังรีสอร์ทที่จองไว้ได้เลยจ้า

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.niseko-ta.jp/en/

——————– END ——————–

By PokSafin

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
RELATED POST
ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

ศาลเจ้าชิโมะกาโมะ (Shimogamo-jinja) ศาลเจ้าเก่าแก่คู่เมืองเกียวโต

เรียกว่าเป็นกระแสอยู่ช่วงหนึ่งที่มีคนโพสเครื่องรางรูปดอกอาจิไซลงโซเซีย … 02/08/2024
คำแนะนำสไตล์การท่องเที่ยวญี่ปุ่น 100 แบบ
ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

ทิวทัศน์งดงามยามหิมะโปรยในภูมิภาคคันไซ

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นอย่างเรา ๆ นั้น … 31/12/2023
คำแนะนำสไตล์การท่องเที่ยวญี่ปุ่น 100 แบบ
ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

หอคอยซึเท็นคาคุ (Tsutenkaku Tower) สูงเสียดฟ้า หอคอยที่เคียงคู่ประวัติศาสตร์ของเมืองโอซาก้า

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ประจำเมืองของโอซาก้าและเป็นอีกหนึ่งจุ … 03/02/2025
คำแนะนำสไตล์การท่องเที่ยวญี่ปุ่น 100 แบบ
best kept_Cover_vol1-5d215b56
ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

ที่เที่ยวสุดเก๋ที่ลึกแต่ไม่ลับในโตเกียว

“โตเกียว” ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมและเทคโนโลยี เมือง … 10/10/2022
คำแนะนำสไตล์การท่องเที่ยวญี่ปุ่น 100 แบบ
ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

หวนนึกถึงความหลังที่โอกินาว่า ดินแดนสีน้ำเงินแห่งญี่ปุ่น

สวัสดีค่ะทุกคนวันนี้เราก็หาเรื่องเล่าการไปเที่ยวของเราที่จะมาแนะนำให้ท … 19/11/2021
คำแนะนำสไตล์การท่องเที่ยวญี่ปุ่น 100 แบบ
Cover - Off the path
ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

ชวนผจญภัย 7 ที่เที่ยวนอกสายตา...ที่ถ้าไม่มาก็ถือว่าพลาด!

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ เต็มไปด้วยธรรมชาติอันสวยงามตามแ … 19/11/2021
คำแนะนำสไตล์การท่องเที่ยวญี่ปุ่น 100 แบบ

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!

OhHotrip.com icon
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.