ที่เที่ยวในญี่ปุ่น

ชม 4 สวนสวยในญี่ปุ่น ที่คุณห้ามพลาด

ภูมิภาค
OhhoTrip_Garden_Cover-01

หลายคนอาจมีความฝันว่าอยากจะมีสวนญี่ปุ่นเล็ก ๆ ในบ้าน เอาไว้นั่งเล่น จิบชา ฟังเสียงน้ำไหลยามบ่าย ปล่อยความคิดในบรรยากาศแสนสงบและผ่อนคลาย แต่การจะทำสวนญี่ปุ่นเอาไว้ในบ้านนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคน บทความนี้จึงขอพาไปเดินเล่นชมสวนญี่ปุ่นในญี่ปุ่นกันก่อน เผื่อเป็นไอเดียสำหรับแต่งบ้านหรือสำหรับทริปญี่ปุ่นครั้งต่อไปก็ไม่ว่ากันค่ะ

Contents
  1. 1. Ryoanji Temple, Kyoto
  2. 2. Adachi Museum of Art, Shimane
  3. 3. Daitokuji Temple, Kyoto
  4. 4. Kokedera, Kyoto

1. Ryoanji Temple, Kyoto

ใครที่ชอบความมินิมอลต้องมาเยือนสวนหินที่วัด Ryoanji นี้เลยค่ะ เป็นวัดเซนเก่าแก่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO สวนหินที่วัดนี้มีขนาดเพียง 248 ตร.. ประกอบด้วยหิน 15 ก้อน ที่มีขนาดแตกต่างกัน จัดวางเป็นกลุ่ม 5 กลุ่ม โดยบริเวณรอบกลุ่มหินจะเป็นกรวดสีขาวที่มีการสร้างรอยคราดใหม่ขึ้นทุกวันโดยพระในวัด ที่มาของการออกแบบหรือความหมายของสวนนี้ยังไม่มีการระบุแน่ชัด สามารถตีความได้ตามจินตนาการของผู้มาเยือนเลยค่ะ นักท่องเที่ยวสามารถนั่งชมสวนหินนี้ในบริเวณที่จัดให้เท่านั้น ไม่สามารถลงไปเดินชมรอบ ๆ สวนได้ค่ะ เสียค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 500 เยน เด็ก 300 เยน

ประเภทสวน: Dry Landscape Garden

Website: http://www.ryoanji.jp/smph/eng/index.html

2. Adachi Museum of Art, Shimane

สำหรับคนที่หลงใหลในสวนญี่ปุ่นน่าจะชอบที่นี่มาก เพราะถึงแม้ที่นี่จะเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ที่จัดแสดงผลงานจิตรกรรม ภาพเขียนต่าง ๆ แต่ภายในบริเวณพิพิธภัณฑ์ได้มีการจัดสวนญี่ปุ่นถึง 6 สวน รวมพื้นที่ราว 165,000 ตารางเมตร เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการชมงานภาพเขียน เพื่อให้รับรู้ถึงความงามของศิลปะได้ดียิ่งขึ้น ตามแนวความคิดของ Adachi Zenko ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ที่เชื่อว่าสวนคือภาพเขียนที่มีชีวิตนั่นเอง ซึ่งมุมที่สามารถถ่ายทอดแนวคิดนี้ได้เด่นชัดที่สุดคือ Living Hanging Scroll เป็นผนังที่มีการเจาะช่องหน้าต่างที่มีขนาดและสัดส่วนตามขนาดภาพเขียน เพื่อให้เห็นฉากหลังเป็นสวนที่อยู่ด้านนอก เมื่อฤดูกาลเปลี่ยน ภาพนี้ก็จะเปลี่ยนไปราวกับมีชีวิตจริง ๆ ค่ะ

ประเภทสวน: Dry Landscape Garden, Moss Garden, White Gravel and Pine Garden, Pond Garden, Kikaku Waterfall

Website: https://www.adachi-museum.or.jp/en/

3. Daitokuji Temple, Kyoto

อีกหนึ่งวัดสายเซนในเกียวโตที่อยากพาทุกคนไปชมสวนก็คือ วัดไดโทคุจิ เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 14 ภายในบริเวณประกอบไปด้วยวัดย่อยถึง 22 วัด แต่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้เป็นบางวัด และบางวัดจะเปิดเฉพาะวาระพิเศษเท่านั้น ซึ่งสวนหินที่จะพาทุกคนไปดูนั้นอยู่ในบริเวณวัดย่อยไดเซนิน วัดย่อยริวเกนิน และวัดย่อยซูอิโฮอิน สวนหินในวัดย่อยทั้งสามจุดนี้จะมีการออกแบบ จัดวาง และสื่อความหมายที่แตกต่างกัน โดยสวนหินในวัดย่อยไดเซนินนั้นจะเป็นการจำลองภาพวาดทิวทัศน์แบบศิลปะจีน คือมีภูเขาสูงที่มีน้ำตกไหลลงมาระหว่างช่องเขาไหลลงสู่มหาสมุทร ถัดมาที่วัดย่อยริวเกนิน บริเวณนี้จะมีสวนหินทั้งหมด 5 สวน โดยสวนที่มีพื้นที่เยอะที่สุดถูกออกแบบให้สื่อถึงจักรวาล และสุดท้าย สวนหินที่วัดย่อยซูอิโฮอิน เป็นสวนหินที่มีการเล่นระดับของรอยคราดให้มีลักษณะเป็นคลื่นทะเล ล้อมรอบกลุ่มหินที่เปรียบเสมือนเกาะกลางทะเลนั่นเอง หากใครที่ชื่นชอบสวนหิน มาที่นี่ที่เดียวคุ้มเลยค่ะ

ประเภทสวน: Dry Landscape Garden

4. Kokedera, Kyoto

มาถึงสวนสุดท้ายแต่เป็นสวนที่เรียกได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของสวนเซนญี่ปุ่นเลยทีเดียว นั่นก็คือสวนมอสแห่งวัดไซโฮจิ หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ โคเคเดระ หรือ Moss Temple โดยแรกเริ่มนั้นเป็นความตั้งใจของ Muso Kokushi ที่ต้องการทำสวนนี้ให้เป็นที่ฝังศพของตน มีสระน้ำเป็นองค์ประกอบหลัก แต่ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้วิธีการจัดวางกลุ่มหินเพื่อสื่อถึงจิตวิญญาณของลัทธิเซนแทน ซึ่งถือเป็นวิธีการจัดสวนที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนในยุคศตวรรษที่ 14 สวนนี้จึงได้กลายเป็นต้นแบบของสวนหินญี่ปุ่นในปัจจุบัน และด้วยกาลเวลาที่ผ่านไปหลายร้อยปี ยิ่งทำให้สวนหินแห่งนี้มีเสน่ห์มากขึ้นด้วยต้นไม้ใหญ่และกลุ่มมอสที่ขึ้นปกคลุมเขียวชอุ่มทั่วพื้นที่ ให้บรรยากาศที่สงบ สดชื่น บริสุทธิ์แก่ผู้มาเยือน นอกจากสวนหินแล้วก็ยังมีสวนแบบคลาสสิคและ tea house ให้เดินชมกันด้วยค่ะ

ประเภทสวน: Dry Landscape Garden, Classic Style Garden

Website: http://saihoji-kokedera.com/en/top.html

---

ในทางวัฒนธรรมแล้ว สวนแบบญี่ปุ่นนั้นมีความแตกต่างจากสวนแบบอื่นอย่างเด่นชัด เพราะสวนแบบญี่ปุ่นเน้นเรื่องบริบททางศาสนาและศิลปะ สวนตามแนวความคิดของญี่ปุ่นเปรียบเสมือนศูนย์รวมแห่งจิตวิญญาณ สื่อความหมายเชิงปรัชญาให้กับผู้ที่เข้ามาใช้เวลาอยู่ในอาณาบริเวณนั้น เป็นสถานที่หลอมรวมจิตวิญญาณของมนุษย์ให้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ จึงไม่แปลกที่หากจะชมสวนแบบญี่ปุ่นดี ๆ ก็ต้องเดินทางไปชมในวัดนั่นเอง แต่ในปัจจุบันสวนแบบญี่ปุ่นได้ถูกพัฒนาและปรับเปลี่ยนให้ผู้คนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ดังจะเห็นได้จากการจัดสวนตามสถานที่ต่าง ๆ อย่างโรงแรม ร้านอาหาร หรือสวนหลังบ้าน แต่ยังคงเน้นการใช้องค์ประกอบจากธรรมชาติเท่านั้น เพื่อให้ยังคงแนวคิดเดิมและคุณค่าหลักของการจัดแบบญี่ปุ่นเอาไว้นั่นเองค่ะ


Credit

http://www.ryoanji.jp/smph/eng/index.html

https://www.adachi-museum.or.jp/en/

https://en.wikipedia.org/wiki/Daitoku-ji#/media/File:Daitokuji-Zuihoin-Zuihotei-M1827.jpg

http://saihoji-kokedera.com/en/top.html

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
ABOUT ME
Amornsri Anutrakulchai
เป็นคนที่รักการเที่ยวคนเดียวมาก ๆ และอยากเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนลองเดินทางด้วยตัวเอง แต่แปลกมาก ๆ ที่เราไม่เคยเดินทางในญี่ปุ่นคนเดียวเลย อาจเป็นเพราะเป็นประเทศที่ทุกคนมีความผูกพัน ใฝ่ฝันและเอื้อมถึงได้ ก็เลยมักจะมีเพื่อนร่วมทางด้วยเสมอ สิ่งที่เราสนใจในญี่ปุ่นมากที่สุดคืองานออกแบบในทุก ๆ มิติ ทั้งสถาปัตยกรรม ของใช้ อาหาร แฟชั่น การ์ตูน ชอบในความละเอียดกับที่มาที่ไปของทุก ๆ สิ่งรอบตัวค่ะ
RELATED POST

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!