ข้อควรรู้ญี่ปุ่น

10 เรื่องที่ไม่อยากให้พลาด! เที่ยวญี่ปุ่น 2021 (หลังโควิด-19)

1-tile

พักก่อน แม่บอกให้เธอพักผ่อน….” เสียงเพลงจากป้อมยามหน้าหอพักดังขึ้นพอดีกับที่เรากลับมาจากซื้อชาไข่มุก เป็นชาไข่มุกรถถีบที่อุตส่าห์ทั้งเรียกและโบกมือให้แล้วแต่พ่อค้าก็ยังถีบรถผ่านไปต่อหน้าต่อตา จนเราต้องออกแรงวิ่งตาม! (จะเล่าละเอียดทำไมก่อน)

ช่วงนี้สถานการณ์ “โควิด-19” มันทำให้เราทุกคนเครียดมากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไหนจะกลัวติดเชื้อ ไหนจะต้องกักตัว ไหนจะเคอร์ฟิว ไหนจะความอดอยากที่เกิดขึ้นจากการขาดรายได้… ซึ่งถ้าเราจะไปบอกให้เพื่อนๆทุกคนพักและปล่อยวางความเครียดนั้นลงก่อนแบบเนื้อเพลงสั้นๆด้านบนที่เพิ่งได้ยินมา ก็คงจะไม่แฟร์เท่าไหร่สำหรับคนที่ต้องเจอผลกระทบโดยตรง (รวมเราด้วย)

แต่ถึงยังไงเราก็จะขออนุญาตเบรกความเครียดที่มี แวะมาเขียนบทความเกี่ยวกับญี่ปุ่นสักหน่อยก็แล้วกัน…

วันนี้เราจะพูดถึง “10 สิ่งที่ไม่ควรพลาด” ในการไปเที่ยวญี่ปุ่นในปี 2021 ซึ่งเราหวังใจอย่างยิ่งว่า ณ ตอนนั้น สถานการณ์คงจะคลี่คลายและกลับคืนสู่ภาวะปกติแล้ว

เที่ยวญี่ปุ่น 2021 กับ 10 สิ่งที่ไม่อยากให้พลาด!

1. ไปเล่นสกีกันเถอะ

แค่เปิดศักราชก็เจอกับความเย็นยะเยือกแล้วจ้ะแม่! เพราะฤดูหนาวของญี่ปุ่นจะเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ดังนั้นช่วงต้นปีจึงเป็นเวลาที่เราจะได้สัมผัสความอ่อนนุ่มของหิมะสีขาวที่ปกคลุมละลานตาได้ใกล้ชิดแบบสุดๆ

ซึ่งลานสกีที่ญี่ปุ่นก็มีอยู่เป็นร้อยๆแห่ง โดยศูนย์กลางแน่นอนว่าต้องอยู่ที่ฮอกไกโด (มีบินตรงจากไทย) โทโฮคุ และนากาโน่ โดยแต่ละลานก็จะมีกฏข้อบังคับรวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่แตกต่างกันไป เช่น บางที่อาจมีกระเช้าให้นั่งชมวิวแบบไป-กลับ แต่บางที่อาจมีเฉพาะขาไป โดยขากลับจะต้องสกีกลับเท่านั้น ฯลฯ

ใครที่ตัดสินใจไปเล่นสกีก็ควรเตรียมความพร้อมทั้งสภาพร่างกายและอุปกรณ์ต่างๆ ที่สำคัญคือศึกษาแผนที่ให้ละเอียดและปฏิบัติตามกฏระเบียบอย่างเคร่งครัดเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายกับตัวเองและไม่เป็นภาระให้นักท่องเที่ยวคนอื่นๆด้วย สำหรับมือใหม่แนะนำให้จองคอร์สเรียนสั้นๆล่วงหน้าที่ลานสกีที่จะไป และเล่นเฉพาะโซน Beginner จะดีที่สุด

  • ทำไมถึงไม่ควรพลาด: หนึ่งในไฮไลท์การท่องเที่ยวญี่ปุ่น เป็นกีฬาที่สามารถเล่นกันได้ทั้งครอบครัว (ถ้าร่างกายพร้อม) และเป็นโอกาสที่จะได้สัมผัสความเย็นสุดขั้วท่ามกลางทิวทัศน์ระดับพรีเมี่ยมของแนวเขาสีขาวใต้ฟ้าสีครามและแสงอาทิตย์อุ่นๆ ที่เราชาวไทยล้วนถวิลหา
  • ภาพประกอบจาก >> http://www.nozawaski.com/en/

++++++++++

2. ไปแช่ออนเซนกันเถอะ

”การแช่ออนเซน (温泉) หรือการอาบน้ำแร่” เป็นวัฒนธรรมที่มีมาอย่างยาวนานของชาวญี่ปุ่น ซึ่งเชื่อกันว่ามีประโยชน์หลายๆด้าน ทั้งระบบหมุนเวียนเลือด และช่วยให้ผิวพรรณสวยงามเปล่งปลั่ง เป็นต้น การแช่ออนเซนที่เป็นที่นิยมอย่างมาก คือการแช่แบบเปลือยกาย เป็นการแช่น้ำแร่ในแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมแท้ๆ (มีแบบที่ใส่ชุดว่ายน้ำลงแช่ได้แต่ไม่ค่อยนิยมนัก) นักท่องเที่ยวที่สนใจการแช่ออนเซนตามแบบวัฒนธรรมญี่ปุ่น ควรอ่านขั้นตอนให้ละเอียดและคำนึงถึงมารยาทในการแช่ออนเซนด้วย

**มารยาทในการแช่ออนเซน;

  • ห้ามใส่ชุดว่ายน้ำและต้องถอดเสื้อผ้าทุกชิ้น
  • ชำระร่างกายให้สะอาดก่อนลงบ่อ ในสถานที่สำหรับชำระร่างกายเท่านั้น
  • ผ้าขนหนูผืนเล็กควรเอาไว้บนศีรษะ ห้ามเอาลงบ่อแช่
  • รวบผมให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้ผมแช่ลงบ่อ
  • คนที่มีรอยสักห้ามลงบ่อ (เว้นแต่บางสถานที่ที่อาจจะอนุญาตแล้วในปัจจุบัน)
  • ห้ามว่ายน้ำและห้ามซักผ้าในบ่อ
  • ไม่มองร่างกายเปลือยเปล่าของผู้อื่นแบบตั้งใจหรือนานเกินไป
  • ทำความสะอาดพื้นที่หลังใช้
  • เช็ดตัวให้แห้งก่อนกลับไปตู้ล็อกเกอร์
  • ห้ามถ่ายภาพในทุกกรณี

  • ทำไมถึงไม่ควรพลาด: เมื่อมีสกีหนาวๆ ก็ต้องมีออนเซนอุ่นๆ! เป็นฟีลคอนทราสต์ที่ลงตัวโดยแท้… แต่ความจริงแล้ว การแช่ออนเซนนั้นเป็นวัฒนธรรมที่นิยมทำกันในญี่ปุ่นตลอดทั้งปีอยู่แล้วไม่เพียงแค่เฉพาะในฤดูหนาว ถ้ามาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วไม่แช่ออนเซนก็เหมือนมาไม่ถึงญี่ปุ่นยังไงยังงั้น
  • ภาพประกอบจาก >> https://www.takamine-onsen-hitou.com/

++++++++++

3. ไปดูซูโม่กันเถอะ

”กีฬาซูโม่ หรือมวยปล้ำ” นับเป็นกีฬาประจำชาติของประเทศญี่ปุ่นที่เป็นทั้งวัฒนธรรมที่ตกทอดมายาวนานกว่า 1,500 ปี และมีพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนามาเกี่ยวข้อง ในสมัยก่อนซูโม่เป็นเพียงพิธีกรรมเพื่อบูชาเทพเจ้าหลังฤดูเก็บเกี่ยว ก่อนจะกลายมาเป็นการต่อสู้บนสังเวียนอย่างแท้จริงในยุคเอโดะจนถึงปัจจุบัน เป็นกีฬาที่สื่อถึงความแข็งแกร่งและการต่อสู้เพื่อประสบความสำเร็จ

การแข่งขันซูโม่ประจำปี หรือ Grand Tournament จะจัดขึ้นปีละ 6 ครั้ง 6 สนาม (ปีนี้ต้องงดสนามที่ 3-4 ไปก่อน เนื่องจากเหตุการณ์โควิด-19) ตารางแข่งในปี 2021 จะเริ่มจากสนามแรก “The January Tournament” ระหว่างวันที่ 10-24 มกราคม 2021 ที่เรียวโกกุ กรุงโตเกียว

นักท่องเที่ยวที่สนใจเข้าชมการแข่งขันสามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่ >> http://www.sumo.or.jp/En/ หรือติดต่อกับตัวแทนหรือกรุปทัวร์ได้ตามสะดวก

สำหรับคนที่ไปดูที่สนามเอง (ไม่ได้ซื้อทัวร์) ให้เผื่อเวลาเดินเที่ยวไว้ด้วยนะ เพราะที่ชั้นล่างนอกจากจะมีพิพิธภัณฑ์ซูโม่ (Sumo Museum) ยังมีกิจกรรมสนุกๆให้ทำอีกมากมายเลยล่ะ

  • ทำไมถึงไม่ควรพลาด: เปิดประสบการณ์สัมผัสวัฒนธรรมที่ตกทอดมายาวนานของชาวญี่ปุ่น เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการท่องเที่ยวที่น่าสนใจ นอกเหนือจากการเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ… และอีกอย่าง การดูซูโม่ไม่ว่าจะไปดูที่ไหนก็ไม่เหมือนดูที่ญี่ปุ่น ทั้งสนุกและชวนให้ตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศจริงๆ
  • ภาพประกอบจาก >> http://www.sumo.or.jp/En/

++++++++++

4. ไปชมดอกซากุระบานกันเถอะ

จะว่าไป “การชมดอกซากุระบาน” หรือ “ฮานามิ” (Cherry Blossom Viewing) แทบจะกลายเป็นลายเซ็นหลักของประเทศญี่ปุ่นไปแล้วในปัจจุบัน ผู้คนมากมายหลากหลายเชื้อชาติ ต่างเฝ้ารอให้ถึงฤดูดอกซากุระบาน ฤดูที่พวกเขาจะได้ลางานและเดินทางไปชื่นชมความงดงามของเมืองที่ปกคลุมด้วยกลีบดอกสีขาวชมพูท่ามกลางอากาศสบายๆไม่หนาวหรือร้อนเกินไป ให้ร่างกายและจิตใจได้ชาร์จแบตเต็มที่ หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากเรื่องวุ่นวายมาตลอดทั้งปี

โดยปกติดอกซากุระที่ญี่ปุ่นจะบานในช่วงเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนเมษายน และจะมีนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ เดินทางไปชมความงามตามจุดชมวิวชื่อดังต่างๆอย่างคับคั่ง

ซึ่งเรามี 10 จุดชมซากุระที่เป็นที่นิยมมากในญี่ปุ่นมาแนะนำด้วยจ้า;

  • เม้าท์โยชิโน่ (โยชิโนะยามะ), นารา
  • ประสาทฮิเมจิ, เฮียวโงะ
  • หมู่บ้านซามูไรคาคุโนะดาเตะ, อาคิตะ
  • อุทยานหลวงชินจุกุ (ชินจุกุเกียวเอ็ง), โตเกียว
  • คาวาสึซากุระ, ชิสุโอกะ
  • ถนนสายนักปราชญ์, เกียวโต
  • ปราสาทฮิโรซากิ, อาโอโมริ
  • สวนมัตสึมาเอะ, ฮอกไกโด
  • ทะเลสาบคาวากุจิโกะฝั่งเหนือ, ยามานาชิ
  • สวนเคมะ ซากุระโนมินะ, โอซาก้า

  • ทำไมถึงไม่ควรพลาด: สักครั้งในชีวิตขอให้ได้เดินชมดอกซากุระที่ญี่ปุ่นเถอะนะ ภาพถนนปกคลุมด้วยดอกไม้สีขาว บวกกับสายลมอ่อนที่พัดพากลีบดอกซากุระร่วงหล่นจากต้น สวยงามจนคุณจะรู้สึกราวกับว่ากำลังเดินอยู่กลางสวนสวรรค์
  • ภาพประกอบ by Poksafin

++++++++++

5. ไปตระเวนกินอาหารอร่อยๆกันเถอะ

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เรื่องอาหารการกินที่ทั้งอร่อยหลากหลายและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของประเทศญี่ปุ่น ขนาดที่หลายคนถึงกับจัดทริปไปกินอาหารญี่ปุ่นเป็นทริปหลักเลยด้วยซ้ำ!

ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เราเลยรวบรวม 5 เมนูอาหารญี่ปุ่นสุดฮิตที่ไม่ควรพลาด (บางเมนูอาจต้องเงินถึงอ่ะนะ);

  • ซูชิ หรือ ข้าวปั้นหน้าต่างๆ อาหารต้นตำรับที่หาได้ง่ายราคาไม่แพง
  • บุฟเฟ่ต์ปูยักษ์ เนื้อปูญี่ปุ่นสดๆแท้ๆหวานๆ คนรักปูห้ามพลาด!
  • ราเมน ซึ่งแต่ละร้านจะมีทีเด็ดของน้ำซุปที่ต่างกัน บางร้านเคี่ยวน้ำซุปนานกว่า 8 ชม.
  • เนื้อวากิว เนื้อลายหินอ่อนแทรกมันนุ่มลิ้นละลายในปาก จะเมนูชาบูหรือยากิโทริก็สุดยอด
  • อูนางิ หรือ ปลาไหล ย่างบนเตาถ่านไฟอ่อนๆ ราดซอสหวานหอม

  • ทำไมถึงไม่ควรพลาด: เรื่องกินนั้นสำคัญ ยิ่งถ้าได้มีโอกาสซึมซับอาหารแบบต้นตำรับญี่ปุ่นแท้ๆ รสชาดถูกปากถูกลิ้น รับรองว่ายังไงก็ต้องฟินสุดๆ มาถึงแดนซามูไรทั้งทีต้องจัดให้อิ่มจุใจไปเลย
  • ภาพประกอบจาก >> https://izumokanigoen.owst.jp/

++++++++++

6. ไปเที่ยวฟูจิซังกันเถอะ

”ฟูจิซัง หรือ ภูเขาไฟฟูจิ” ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดยามานาชิ ห่างจากโตเกียวเพียง 100 กม. เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ยอดเขาตั้งตระหง่านโดดเดี่ยวแต่งดงาม โอบล้อมด้วยทะเลสาบทั้ง 5 และธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นที่ถูกนำไปใช้เป็นแบ็คกราวน์อย่างหลากหลาย ทั้งงานด้านศิลปะ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์สำหรับโปรโมทประเทศญี่ปุ่นมากมาย

ช่วงซัมเมอร์หรือช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน จะเป็นฤดูกาลปีนเขาที่ฟูจิซัง แต่ทั้งนี้ต้องตระหนักถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ เตรียมร่างกายและอุปกรณ์ต่างๆให้พร้อม อย่าลืมว่านี่คือภูเขาที่สูงถึง 3,776 เมตร ซึ่งอาจจะทำให้มีปัญหาด้านการหายใจได้ ไม่แนะนำให้ปีนเขานอกฤดูกาลหรือช่วงมีหิมะ เพราะมีความเสี่ยงจะเกิดอันตรายอย่างมาก และเส้นทางปีนเขาจะมีช่วงปิดที่แตกต่างกัน ขอให้ศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนเดินทาง

ที่ภูเขาไฟฟูจิไม่ได้มีดีแค่ที่ปีนเขาเท่านั้น อีกหนึ่งกิจกรรมที่ถือเป็นไฮไลท์ก็คือการถ่ายรูป ซึ่งมุมยอดฮิตสำหรับการถ่ายรูปคู่กับเจ้าน้องฟูจิซังก็มีอยู่หลายจุด เช่น

  • ริมทะเลสาบคาวากูจิโกะ (Lake Kawaguchiko) เดินทางง่ายและทัศนียภาพงดงาม
  • เจดีย์ชูเรโตะ (Chureito Pagoda) เจดีย์ 5 ชั้นซึ่งตั้งอยู่บนศาลเจ้าอาราคุระเซนเกน
  • ทะเลสาบยามานากะ (Lake Yamanaka) ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในทะเลสาบทั้ง 5 ในฤดูหนาวจะมีหงส์ขาวพากันออกมาเล่นน้ำ ทำให้ภาพที่ถ่ายนั้นสวยงามราวกับในฝัน
  • สวนสนุกฟูจิคิวไฮแลนด์ (Fuji-Q Highland) เต็มไปด้วยเครื่องเล่นหวาดเสียว รูปที่ได้ก็จะสวยแบบเสียวๆหน่อย
  • สถานีคาวากุจิโกะ (Kawaguchiko Station) เป็นจุดแรกๆนับตั้งแต่มาถึง ที่เราจะได้เห็นภูเขาไฟแบบชัดเจน

  • ทำไมถึงไม่ควรพลาด: ภูเขาไฟฟูจิเป็นหนึ่งในมรดกโลกที่สักครั้งในชีวิตควรได้มาเยี่ยมเยือน ทัศนียภาพที่งดงามให้ความรู้สึกแตกต่างกันไปตามฤดูกาล หรืออันที่จริงแล้ว แค่ช่วงเวลาแต่ละชั่วโมงในหนึ่งวัน ก็สามารถก่อให้เกิดอารมณ์ที่หลากหลายได้… ถ้ามาถึงญี่ปุ่นแล้วไม่ได้มาที่นี่ คงรู้สึกเสียดายมากจริงๆนะ!
  • ภาพประกอบจากคลังภาพของเราเอง

++++++++++

7. ไปดูดอกไม้เปลี่ยนสีกันเถอะ

ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่นจะเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนไปจนถึงพฤศจิกายน เป็นฤดูที่ใบไม้จะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นแดงส้ม ก่อนที่จะร่วงไปจนหมดต้น โดยใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีจากภาคเหลือไล่ลงไปทางใต้ จากฮอกไกโดไล่ลงไปเรื่อยๆจนถึงคิวชู

ความที่เป็นฤดูใบไม้ร่วง อุณหภูมิในช่วงนี้จึงเย็นสบายที่ราวๆ 15-25 องศาเซลเซียส ซึ่งนอกจากจะได้ชื่นชมใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว ด้วยอากาศที่แม้จะไม่หนาวมากแต่ก็ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย เช่น คาร์ดิแกน, เสื้อคลุม, กางเกงขายาว ฯลฯ จึงเป็นจังหวะที่นักท่องเที่ยวจะได้อวดแฟชั่นการแต่งกายแบบหนุ่มสาวญี่ปุ่นในซีรี่ส์ ได้เดินเฉิดฉายถ่ายภาพกับธรรมชาติสีสันตระการตา เป็นการเที่ยวที่สนุกสนานบันเทิงใจไปอีกแบบ

จุดชมดอกไม้เปลี่ยนสีก็มีอยู่หลากหลายที่ทั่วประเทศต่างช่วงเวลา จุดที่เป็นที่นิยมก็มีอย่างเช่น;

  • สวนโคอิชิกาว่า-โคระคุเอน, โตเกียว
  • สวนริคุงิเอน กับวิวจากสะพานโทเกสึเคียว, โตเกียว
  • โมโมจิไคโร อุโมงค์ใบไม้แดง ทะเลสาบคาวากุจิโกะ, ยามานาชิ
  • หุบเขาโครังเค, นาโงย่า (ยอดนิยมอันดับ 1)
  • วัดคิโยะมิซุ (วัดน้ำใส), เกียวโต
  • ถนนสายโรแมนติกอิโรฮาซากะ, ระยะทาง 350 กม. จาอุเอดะในจังหวัดนากาโน่ไปสิ้นสุดที่นิกโก้
  • สวนสาธารณะนาราริมเขาวาคาคุสะยาม่า, นารา
  • สวนเมจิยิงงู ไกเอ็ง-พระราชวังอิมพีเรียล, โตเกียว
  • อุทยานแห่งชาติไดเซ็ทสึซัง, ฮอกไกโด
  • อุทยานประวัติศาสตร์อาราชิยามะ, เกียวโต

  • ทำไมถึงไม่ควรพลาด: เดินทอดน่องไปเรื่อยๆช้าๆไม่รีบไม่เร่งท่ามกลางใบไม้ดอกไม้สวยงามที่ดึงดูดสายตาพาให้หัวใจพองโต หรือจะล่องเรือชมวิวตามจุดบริการ หรือจะไปเดินข้ามสะพานที่ขนาบข้างด้วยธรรมชาติสีสดใส บวกกับอากาศเย็นสบายไม่หนาวไม่ร้อนเกินไป ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่สร้างความสุขให้เกิดขึ้นในใจได้เสมอ ช่างเป็นฤดูกาลที่โรแมนติกที่ไม่ควรพลาดเลยแม้แต่นิดเดียว!
  • ภาพประกอบจาก >> https://travel.mthai.com/blog/146763.html

++++++++++

8. ไปชมศิลปะการแสดงศิลปะแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นกันเถอะ

เป็นที่ทราบกันดีว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่โดดเด่นอย่างมากในเรื่องศิลปะและวัฒนธรรมโดยเฉพาะศิลปะการร่ายรำที่สืบทอดผ่านยุคสมัยและการผลัดเปลี่ยนทางสังคมมากว่า 1,000 ปี แต่เดิมนั้นการแสดงเหล่านี้มีต้นกำเนิดมาจากการทำหน้าที่เป็นสื่อกลางที่เชื่อมระหว่างมนุษย์และเทพเจ้า ก่อนจะค่อยๆสั่งสมเทคนิคที่ซับซ้อนหลากหลายและพัฒนาจนกลายเป็นงานอาร์ทชั้นสูงที่จัดแสดงบนเวทีโรงละครแบบญี่ปุ่นแท้ๆสุดคลาสสิค ควรค่าแก่การรับชมยิ่งนัก

การแสดงศิลปะแบบดั้งเดิมในญี่ปุ่น หลักๆมี 3 ประเภท ได้แก่;

  • ละครโนห์ (Noh) ถือกำเนิดขึ้นในศควรรษที่ 14 เป็นการแสดงพื้นบ้านชั้นสูงของญี่ปุ่น (เทียบได้ประมาณ “โขน” ของไทย) ซึ่งรวบรวมศิลปะหลายแขนงทั้งการขับร้อง ร่ายรำ และการแสดงรวมเข้าด้วยกัน ส่วนใหญ่จะผูกเป็นเนื้อเรื่องที่เกี่ยวกับความฝัน ภูตผีปีศาจ วิญญาณ และเรื่องเหนือธรรมชาติ ฯลฯ ละครโน ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก และถูกบันทึกให้เป็น “มรดกทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ” ในปี 2001 – โรงละครโนห์ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ “โรงละครโนแห่งชาติ” อยู่ในเขตชิบูย่า กรุงโตเกียว
  • ละครคาบูกิ (Kabuki) ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 400 ปีก่อน ในสมัยเอโดะ เป็นการแสดงที่เน้นการสื่อสารผ่านตัวแสดงที่อาจจะอิงประวัติศาสตร์ ตำนานซามูไร หรืออาจเป็นเหตุการณ์ปัจจุบันก็ได้ มาผูกเป็นเรื่องราวแบบละครให้เข้าใจง่ายและได้อรรถรสสำหรับคนดู เป็นการแสดงศิลปะโบราณที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น “มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้” โดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) และในปี 2008 ได้ถูกบันทึกให้เป็น “มรดกทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ” – โรงละครคาบูกิที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คือ คาบูกิซะ ย่านกินซ่า กรุงโตเกียว ส่วน “โรงละครคาบุกิคานามารุซะ” เป็นโรงละครคาบูกิแบบดั้งเดิมที่สมบูรณ์ที่สุดและเก่าแก่ที่สุด สร้างขึ้นในปี 1835 อยู่ที่โคโตฮิระ คางาวะ
  • ละครหุ่นบุนรากุ (Bunraku) ถือกำเนิดขึ้นในสมัยเอโดะที่เมืองโอซาก้า เป็นละครหุ่นที่มีเอกลักษณ์คือใช้คนชักพร้อมกัน 3 คน ให้เข้ากับคำร้องและดนตรีประกอบและแสดงอารมณ์ออกทางสีหน้าของหุ่นด้วย โดยจะเน้นการเล่าเรื่องที่สนุกสนานเป็นหลัก ละครหุ่นบันรากุได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 2003 – สถานที่จัดแสดงที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากคือ โรงละครหุ่นแห่งชาติบุนรากุ ตั้งอยู่ในย่านนิปปงบาชิ โอซาก้า

  • ทำไมถึงไม่ควรพลาด: ถ้าหากแม้จะมีโอกาสเพียงสักครั้ง ก็อยากให้ได้ลองเข้าไปนั่งในโรงละครไม้สุดคลาสสิค แล้วปล่อยอารมณ์ไปกับเรื่องราวและเสียงดนตรีที่ขับกล่อมผ่านตัวละครที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร สัมผัสศิลปะการแสดงแบบญี่ปุ่นโบราณขนานแท้ ระดับมรดกทางวัฒนธรรมของมวลมนุษยชาติที่มีคุณค่าเหลือจะนับ
  • ภาพประกอบจาก >> https://www.ntj.jac.go.jp/english.html

++++++++++

9. ไปลองเป็นวัยรุ่นญี่ปุ่นที่ชิบูย่ากันเถอะ

”ชิบูย่า” เอ่ยชื่อย่านนี้ขึ้นมา คงน้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก!

”ชิบูย่า” คือศูนย์รวมของคำว่าเทรนดี้ที่เปรี้ยวจี๊ดแบบสุดๆ เป็นแหล่งรวมตัวของวัยรุ่นญี่ปุ่น ที่นักท่องเที่ยว (โดยเฉพาะชาวไทย) ไม่ควรพลาดที่จะได้มาสัมผัสวัฒนธรรมร่วมสมัยของเหล่าวัยรุ่นที่ชวนตื่นตาตื่นใจและล้ำอย่างคาดไม่ถึง!

ไหนๆก็มาๆถึงชิบูย่าแล้ว เดี๋ยวเราไปแวะถ่ายรูปที่จุดเช็คอินสุดฮิปในย่านนี้กันเถอะ!

  • ห้าแยกชิบูย่า – นี่คือจุดบังคับเช็คอิน! นี่คือความวุ่นวายตรงทางม้าลายที่เห็นในทีวีตั้งแต่เด็ก ถ้ามาถึงโตเกียวทั้งทีแล้วไม่ยอมมาเช็คอินที่นี่ ก็ไม่รู้จะตะโกนคำว่าพลาดกับตัวเองกี่ครั้งถึงจะพอ! (นี่ก็เว่อร์ไป๊ 55)
  • รูปปั้นน้องหมาฮาจิโกะ – รูปปั้นที่รำลึกถึงน้องหมาผู้จงรักภักดี เป็นแลนด์มาร์คสำคัญไม่แพ้ห้าแยก ยังไงก็ต้องมาให้ถึงนะทุกคน!
  • ช้อปปิ้งที่เซ็นเตอร์ไก – ถนนคนเดินยาวกว่า 300 เมตร อยากช้อปอะไรมีให้หมด แฟชั่น เครื่องสำอางค์ สินค้าแบรนด์เนม อุปกรณ์อิเล็คโทรนิค ร้านอาหาร ร้านขายยา ผับ บาร์ ปาจิงโกะ และอื่นๆอีกมากมาย
  • เดินห้างมารุอิ – ห้างที่มีสัญลักษณ์รูปศูนย์หนึ่งศูนย์หนึ่ง (OIOI) เน้นขายสินค้าแฟชั่นสำหรับวัยทำงาน
  • ทาวเวอร์เร็คคอร์ด ชิบูย่า – ร้านขายซีดีจากอเมริกา มีหลากหลายโซนรวมอยู่ในตึก 9 ชั้น ตั้งแต่โซนขายแผ่นเสียงจากศิลปินทั่วโลก โซนแสดงดนตรี ไปจนถึงโซนหนังสือ เครื่องเขียน สินค้าแฟชั่น ร้านอาหาร ฯลฯ
  • นอกจากนั้นยังมีจุดเช็คอินเด็ดๆอีกหลายแห่ง เช่น ห้างชิบูย่า 109, ห้าง Shibuya Hikarie, ห้าง MODI, ศาลเจ้าเมจิจิงกู เป็นต้น

  • ทำไมถึงไม่ควรพลาด: การได้แต่งคอสเพลย์หรือแต่งตัวจัดจ้านเดินข้ามทางม้าลายที่ห้าแยกชิบูย่า แบบที่เคยเห็นในทีวีมาตั้งแต่เด็กจนโต คงเป็นหมือนฝันที่ไม่กล้าฝันจนกระทั่งได้ไปเองจริงๆ อ้อ แต่อย่าลืมใส่หน้ากากอนามัยด้วยนะ เพราะต่อให้ตอนนั้น เจ้าโควิด-19 จะหายไปจากโลกแล้ว (สาธุ) การป้องกันไว้ก่อนย่อมดีที่สุด
  • ภาพประกอบจาก >> https://en.wikipedia.org/wiki/Shibuya_Crossing

++++++++++

10. ไปดู “โอลิมปิคเกมส์” กีฬาของมวลมนุษยชาติกันเถอะ

แน่นอนว่าหนึ่งในไฮไลท์สำคัญของญี่ปุ่นในปี 2021 คงหนีไม่พ้นมหกรรมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค (Olympic Games) ซึ่งเดิมทีมีกำหนดที่จะจัดขึ้นในปีนี้ (2020) แต่ก็ต้องล้มเลิกไปด้วยเหตุการณ์การระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ที่ระบาดไปทั่วโลก จนองค์การอนามัยโลก (WHO) ต้องประกาศให้เป็นการระบาดใหญ่ หรือ Pandemic รวมทั้งตั้งชื่อโรคว่า “โควิด-19″

กรุงโตเกียวได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2556 นับเป็นครั้งที่ 3 ที่กรุงโตเกียวได้รับสิทธิ์เป็นเจ้าภาพโอลิมปิก โดยญี่ปุ่นได้ทุ่มงบประมาณกว่า 1 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐในการปรับปรุง “กรีฑาสถานแห่งชาติ” ประจำกรุงโตเกียว ไม่รวมกับงบอีกมหาศาลในการปรับปรุงสถานที่สำหรับรองรับทัพนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ รวมไปถึงบรรดานักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะหลั่งไหลเข้ามาในช่วงที่จัดการแข่งขัน

หลังจากเกิดเหตุการณ์โควิด-19 ทางรัฐบาลญี่ปุ่นพร้อมได้ประกาศว่า “โอลิมปิค 2021″ จะเริ่มขึ้นในวันที่ 23 กรกฎาคม 2021 และสิ้นสุดในวันที่ 8 สิงหาคม 2021 ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารของ International Olympic Committee (IOC) ได้ตัดสินใจร่วมกันว่าการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกจะยังคงถูกเรียกว่าโตเกียว 2020 แม้จะเกิดขึ้นในปี 2021 ด้านพาราลิมปิก 2021 มีกำหนดเริ่มต้นในวันที่ 24 สิงหาคม ถึง 5 กันยายน 2021

การต้องเลื่อนจัดการแข่งขันไปอีก 1 ปี อาจสร้างความเสียหายให้กับญี่ปุ่นมากถึง 5 ล้านล้านเยน

ทั้งนี้การเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกของญี่ปุ่นเคยถูกยกเลิกมาแล้วหนึ่งครั้งในปี 1940 เนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 2

  • ทำไมถึงไม่ควรพลาด: ถ้าทุกอย่างสามารถคลี่คลายและจัดการได้ตามที่กำหนด นี่จะเป็นทัวร์นาเม้นท์กีฬาสุดยิ่งใหญ่ครั้งแรกหลังเหตุการณ์โรคระบาด ไม่เพียงแค่เป็นการได้สนุกกับเกมกีฬาระดับโลกที่เกิดขึ้นในเอเชียซึ่งดูจับต้องได้ แต่เราอาจจะได้เห็นพิธีกรรมสำคัญมากมายเพื่อรำลึกถึงการข้ามผ่านวิกฤติการณ์ด้วยกันของคนทั้งโลก และจะเป็นโอลิมปิกที่เลอค่าไม่น้อยกว่าทุกครั้งที่ผ่านๆมา
  • ภาพประกอบจาก >> https://en.wikipedia.org/wiki/2020_Summer_Olympics

++++++++++

ที่มาข้อมูลและภาพประกอบ;

http://www.nozawaski.com/en/https://www.takamine-onsen-hitou.com/

http://www.sumo.or.jp/En/

https://izumokanigoen.owst.jp/

https://travel.mthai.com/blog/146763.html

https://www.ntj.jac.go.jp/english.html

https://en.wikipedia.org/wiki/Shibuya_Crossing

https://en.wikipedia.org/wiki/2020_Summer_Olympics

ข้อมูลในหน้านี้อาจมีข้อมูลในวันที่เผยแพร่ แม้ว่าเราจะพยายามอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่โปรดทราบว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดต
RELATED POST

ถ้าคุณชอบบทความนี้
กด "ถูกใจ" ด้วย!

กด “ถูกใจ” และรับข้อมูลล่าสุด!