สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนครับ พอดีผมได้มีโอกาสแวะไปเที่ยวเมืองฮาโกดาเตะ ซึ่งเป็นทางผ่านของผมจากอาโอโมริไปซับโปโรครับ จึงอยากมาแชร์ให้เพื่อนๆได้อ่านเกี่ยวกับประสบการณ์การไปเที่ยวที่นี่ครับ
เนื่องจากไม่ได้ตั้งใจมาเที่ยวที่นี่ จึงหาข้อมูลน้อยมากเกี่ยวกับที่นี่ครับ แต่พอได้ไปเยือนแล้วก็ประทับใจกับเมืองเล็กๆแห่งนี้มาก เงียบสงบและอากาศดีมากครับ อาหารก็อร่อยมากด้วย ^^
ฮาโกดาเตะ เป็นเมืองใหญ่สุดของกิ่งจังหวัดโอชิมะ ในจังหวัดฮอกไกโด มีความสำคัญทางเศรษฐกิจเนื่องจากเป็นเมืองท่า มีประชากรอาศัยอยู่ราวสามแสนคน ฮาโกดาเตะมีวิวยามค่ำคืนที่สวยงาม
เราเริ่มต้นการเดินทางจากเมือง Aomori โดยใช้รถไฟ Shinkansen จากสถานี Shin-Aomori ไปยังสถานี Shin-Hakodate ใช้เวลาไม่นานครับ
รถไฟ Shinkansen ในส่วนที่ลอดใต้ทะเลจากเกาะฮอนชูไปเกาะฮอกไกโดครับ เป็นอุโมงค์ใต้ทะเลที่ยาวและลึกที่สุดในโลกครับ โดยมีระยะทางทั้งสิ้น 53 กิโลเมตรและลึกต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 140 เมตร
หลังจากลอดอุโมงค์แล้วเรามาขึ้นฝั่งที่สถานี Shin-Hakodate ซึ่งถือเป็นสถานีสิ้นสุดของรถไฟ Shinkansen ทางเหนือ (อนาคตจะสร้างไปถึง Sapporo เลยครับ) เราก็มาต่อรถไฟ JR เพื่อไปสถานี Hakodate ครับ
Welcome to Hokkaido ครับ เห็นป้ายนี้แสดงว่าถึงแล้ว ^^
สถานี Shin-Hakodate อยู่ห่างจากตัวเมืองค่อนข้างมากเลยครับ นั่งรถไฟสายนี้เข้าไปในเมืองค่อนข้างนานเลย
ถึงสถานีแล้วครับ ออกมาด้านหน้าสถานีเราก็จะเจอตึกแบบนี้ อากาศเย็นสุดๆครับ ^^
สามารถซื้อ Hokkaido Enjoy Pass เพื่อเพลิดเพลินกับฮาโกดาเตะได้ที่นี่
จากนั้นเราเดินทางไปเก็บกระเป๋าเดินทางกันก่อนที่โรงแรมครับ เพื่อที่จะได้ออกเที่ยวอย่างสบายใจ โดยเมืองนี้นิยมเดินทางกันด้วยรถรางครับ สะดวกสุดๆ
ออกมารอรถราง เพื่อเดินทางไปยังเนินฮาจิมันซากะกันครับ
เนินฮาจิมันซากะ (Hachiman-zaka Slope)จะเป็นเนินเขาที่ลาดตัวลงไปจนถึงทะเลที่ด้านล่าง ซึ่งหากยีนจากที่จุดนี้จะเป็นแนวต้นไม้สองข้างทางยาวตลอดแนว และเบื้องหน้าจะเป็นวิวของท่าเรือฮาโกดาเตะ,ท้องทะเลและภูเขาที่อยู่ทางฝั่งตรงข้ามนั่นเอง เนื่องจากวิวทิวทัศน์ที่สวยงามจึงทำให้เป็นหนึ่งในจุดที่นิยมใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์และโฆษณาต่างๆ โดยได้รับคัดเลือกให้เป็นเนินชมวิวที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นและเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้เลยครับ เรียกว่าใครมาเที่ยวฮาโกดาเตะแล้วไม่มาถ่ายรูปที่นี่ถือว่ามาไม่ถึงเลยทีเดียว
การเดินทาง จากสถานีรถราง Suehirocho Station ให้เดินไปทางสถานี Jujigai Station ประมาณ 180 เมตร เมื่อเจอสี่แยกใหญ่ให้เลี้ยวขวาขึ้นเนิน ฮาจิมันซากะ (จุดสังเกตของสี่แยกก็คือซ้ายมือจะมองเห็นท่าเรือ ส่วนขวามือจะเป็นถนนเนินที่มีต้นไม้สองข้างทาง)
หลังจากถ่ายรูปกันเป็นที่พอใจแล้ว เราก็ได้เดินลงเนินไปยังท่าเรือของเมืองฮาโกดาเตะ ระหว่างทางนั้นได้เจอป้ายบอกทางบนพื้น ใส่ใจคนเดินถนนมากจริงๆ
ท่าเรือฮาโกดาเตะตั้งอยู่ใกล้กับสถานีฮาโกดาเตะ ที่นี่เจริญรุ่งเรืองในฐานะที่เป็นท่าเรือประมงและท่าเรือขนส่งสินค้าจากต่างประเทศมาตั้งแต่สมัยก่อน
ท่าเรือฮาโกดาเตะมีเรือจำนวนมากสัญจรไปมา จะทำให้ทิวทัศน์ในยามค่ำคืนของฮาโกดาเตะ และวิวจากเนินฮาจิมันซากะสวยขึ้นไปอีก
การเดินทาง นั่งรถรางไปยังป้าย "Jujigai" แล้วเดินอีก 5 นาทีครับ
จากนั้นเราเดินเลียบชายทะเลไปเรื่อยๆ ก็จะไปเจอ โกดังอิฐแดงคาเนโมริ (Kanemori Red Brick Warehouse) ซึ่งสมัยก่อนจะเป็นโกดัง เปิดเป็นท่าเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศครั้งแรกเมื่อปี 1859 ปัจจุบันกลายเป็นพื้นที่ขายของทั้งเสื้อผ้า และของฝากจากฮอกไกโดครับ ที่นี่กลายเป็นแลนมาร์คที่ใครไปฮาโกดาเตะแล้วต้องไปถ่ายรูปด้วยครับ ยิ่งถ้ามากหน้าหนาว หิมะตกเยอะๆจะสวยมากๆเลยครับ
หลังจากที่เราเดินเที่ยวกันมาเป็นเวลานานแล้ว ท้องก็เริ่มหิว ร้านอาหารที่ห้ามพลาดเมื่อได้มาเยือนฮาโกดาเตะ ได้แก่ ร้านแฮมเบอร์เกอร์ร้าน Lucky Pierrot โดยเป็นร้านแฮมเบอร์เกอร์ที่กำเนิดในฮาโกดาเตะ ตกแต่งร้านด้วย Circus Style ใช้ตัวตลกเป็นมาสคอตไม่เหมือนใคร อีกทั้งยังอร่อยด้วยการผสมผสานระหว่างอาหารอเมริกันในแบบฉบับของญี่ปุ่นครับ ใครไม่มาถือว่ามาไม่ถึงอีกเช่นกัน
หน้าร้านตกแต่งด้วยตัวตลก ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของร้านนี้เลยครับ
เฟรนด์ฟรายราดด้วยชีส อร่อยมากกกกกกก
โดยรวมแล้วถือว่าดีเลยครับ อร่อยมากทั้งตัวแฮมเบอร์เกอร์เองและเครื่องเคียงเลย ให้ 10 คะแนนเต็ม โดยร้านนี้ยังมีสาขามากมายทั่วเมืองฮาโกดาเตะครับ สะดวกตรงไหนก็ไปได้เลย ^^
ช่วงเช้าของอีกวัน เราเดินทางไปเที่ยวที่ป้อมโกะเรียวคาคุ (Goryokaku Tower) ซี่งเราพักอยู่ใกล้ที่นี่เลยสามารถเดินไปได้เลยครับ
ระหว่างที่เดินทางไป ก็เจอซากุระกำลัง Full Bloom ดีใจมากหลังจากผิดหวังจากฮิโรซากิเพราะเริ่มร่วงแล้ว TT
ภาพนี้ถ่ายจากบริเวณชั้นล่างของหอคอยครับ ฟูฟ่องมากกกกกก ดีใจมากก
ภาพจากด้านบนหอคอยครับ จะเห็นวิวของป้อมโกะเรียวคาคุทั้งหมดครับ สวยงามมาก ซากุระเต็มเลย
ป้อมโกะเรียวคาคุ ที่นี่เป็นป้อมปราการที่ถูกสร้างขึ้นมาในปลายยุคสมัยเอโดะพื้นที่ของป้อมปราการที่เป็น ฃรูปดาวขนาดใหญ่ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดเป็นจุดบอดหากมีศัตรูโจมตีเข้ามา ในส่วนที่เป็นยอดแหลมของรูปดาวจะมีการติดตั้งปืนใหญ่เอาไว้ เพื่อเตรียมความพร้อมหากมีการจู่โจมจากศัตรูบริเวณรอบๆ เป็นสวนสาธารณะ เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างสวยงามในทุกฤดูกาล ในช่วงฤดูใบไม้ผลิจะเต็มไปด้วยดอกซากุระบาน และในช่วงฤดูใบไม้ร่วง จะถูกย้อมไปด้วยใบไม้แดงสวยงาม
ภาพวิวมุมอื่นๆของหอคอยครับ ^^
ซากุระที่นี่คือเยอะมากครับ ปีหน้าถ้าใครอยากมาชมซากุระสวยๆ แนะนำให้มาที่นี่นะครับ โดยซากุระที่นี่จะบานช้ากว่าทางใต้ครับ เริ่มบานประมาณปลายเดือนเมษายน - ต้นพฤษภาคมครับ
จากนั้นเราได้แวะทานซูชิจากร้านชื่อดังของเมืองฮาโกดาเตะครับ ชื่อร้าน Kantaro Sushi ตอนไปถึงคนรอในร้านเยอะมากครับ กว่าจะได้ทานต้องรอคิวประมาณครึ่งชั่วโมงครับ
Address: 14-4 Ugauracho, Hakodate, Hokkaido 040-0023, Japan
Phone: +81 138-32-4455
เวลาเปิดปิด : เปิดทุกวัน เวลา 11.00 - 22.00
โดยรวมแล้วอร่อยมากครับ คุ้มค่าแก่การรอคิวมาก มีความสด อร่อย ราคาไม่แพงครับ
พออิ่มแล้วเราก็เดินทางไปต่อที่จุดชมวิวภูเขาฮาโกดาเตะ (Mount Hakodate) เค้าว่ากันว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเลยครับ ถึงขนาดที่ Michelin ให้คะแนนถึง 3 ดาว สำหรับการมาดูวิวที่นี่ แนะนำให้ขึ้นช่วงก่อนเวลาพระอาทิตย์ตกซักหนึ่งชั่วโมง แต่ผมไม่อยากมาเบียดกับคนเยอะๆ เลยเปลี่ยนเวลาขึ้นมาชมวิวช่วงกลางวันแทนครับ
วิวสวยมากกกกกกค้าบ อีกที่นึงที่ผมชอบคือที่นางาซากิครับ สวยไม่แพ้กันเลย ขนาดวิวกลางวันยังขนาดนี้ วิวกลางคืนจะขนาดไหน 555 ไว้ต้องมาซ่อมอีกรอบนึงแล้วครับ
ระหว่างทางขับรถลงเขาครับ สวยงามไม่แพ้กัน
รีวิวต่อไปเรายังอยู่กันที่ฮอกไกโดครับ เราจะไปเที่ยวที่นิเชโกะกันครับ อย่าลืมมาติดตามกันนะครับ บายๆ
ดูรถเช่าที่ญี่ปุ่นใน Klook
ดูรถเช่าที่ญี่ปุ่นใน Klook จากที่นี่ >>