สวัสดีค่ะ ขอประเดิมที่แรกตามฤดูแล้วกันค่ะ
พูดถึงฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่นก็ต้องคิดถึงใบไม้เปลี่ยนสีใช่มั้ยคะ และยุคนี้ทุกคนก็ต้องการถ่ายภาพสวยๆลงโซเชี่ยล
ดังนั้น เราขอแนะนำที่เที่ยว ที่ทั้งนักท่องเที่ยว ทั้งคนญี่ปุ่นเองก็นิยมใช้เป็นโลเคชั่นถ่ายรูปสวยๆ กันค่ะ
ซึ่งก็คือ สวน Showa Kinen Park ตั้งอยู่ใกล้สถานีJR Tachikawa
สำหรับสถานีJR Tachikawa นั่งรถไฟ Chuo Line จากสถานีShinjuku ไม่ต้องต่อรถใช้เวลาประมาณ40นาทีค่ะ ถึงจะบอกว่าอยู่ในโตเกียว แต่ก็ห่างไกลส่วนที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไปกันอยู่พอสมควรค่ะ
สวนแห่งนี้ตั้งขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกการขึ้นครองราชย์ครบ50ปีของจักรพรรดิโชวะ บริเวณสวนจึงมีอาคารที่ระลึกจักรพรรดิโชวะตั้งอยู่ด้วย และยังมีอาคารสำหรับแสดงนิทรรศการต่างๆอยู่ด้วย
CR. www.showakinen-koen.jp
สวนShowa Kinen นี้กว้างมากแบ่งออกเป็นหลายๆโซน ซึ่งจะมีโซนเข้าฟรี และโซนเสียค่าใช้จ่ายค่ะ
ประตูทางเข้าของสวน Showa Kinen มีหลายทางมาก ครั้งนี้เราเข้าจากทางเข้าหลัก ซึ่งเดินจากสถานีTachikawa ประมาณ10 นาทีค่ะ
ทางเลียบสวนก็เริ่มเปลี่ยนสีแล้ว สีเหลืองปนสีเขียวแบบนี้ ทำให้รู้สึกว่าใบไม้กำลังค่อยๆเปลี่ยนสีอยู่จริงๆค่ะ
สมกับเป็นต้นพฤศจิกายน ฤดูที่ใบไม้กำลังค่อยๆเปลี่ยนสีจริงๆค่ะ
เมื่อเดินเข้ามาจากทางประตูหลักของสวนแล้ว เราจะพบกับลานกว้าง วันที่เรามาพอดีมีงานเทศกาลฤดูใบไม้ร่วงค่ะ เลยมีการออกร้านของทั้งคนในท้องถิ่นและต่างจังหวัด ขายพวกอาหารกินเล่นเหมือนงานวัดญี่ปุ่น อย่าง ไส้กรอก โอโคโนมิยากิ แล้วก็ยังมีขายของที่เหมือนกับO-TOPบ้านเรา เช่น พวกแยมชื่อดังของเมืองนั้นๆค่ะ แล้วก็ยังมีการเล่นดนตรี แสดงมายากลต่างๆด้วยค่ะ
ซึ่งเทศกลาลฤดูใบไม้ผลิจะจัดช่วงเดือนพฤศจิกายน ถ้าใครสนใจสามารถเข้าไปติดตามในเว็บไซต์ของสวนได้ค่ะ
http://www.showakinen-koen.jp/guide-english/schedule-english/
ซึ่งปกติถ้าไม่มีงานเทศกาล ลานกว้างนี้จะเป็นที่ให้ครอบครัว หรือคู่รัก มาพักผ่อนหย่อนใจโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย บางคนก็เล่นแบตกันบ้าง เอาข้าวกล่องมากินบ้าง นอนเล่น อ่านหนังสือกันบ้างค่ะ
เมื่อเดินเลยลานกว้างขึ้นมา จะพบกับบันไดเลื่อน ซึ่งเป็นสวนที่ตั้งอยู่บนอาคารจัดนิทรรศการและเชื่อมต่อไปยังสวนโซนเสียค่าใช้จ่ายค่ะ สวนน้อยๆบนอาคารแห่งนี้ ดูแลกันอย่างดีนะคะ เพราะมีการระบุด้วยว่าอุณหภูมิพื้นดินบนอาคารนี้กี่องศา ในภาพ ถ่ายมาแต่ลิฟท์ค่ะ (ฮา)
ระหว่างมุ่งหน้าไปทางสวนโซนเสียค่าใช้จ่าย เราจะได้ข้ามสะพาน ซึ่งด้านล่างจะเป็นด้านนอกของสวนค่ะ ยิ่งย้ำเลยว่าสวนน้อยอยู่บนอาคารชั้น2จริงๆ ไม่ใช่สวนปกติตามธรรมชาติแต่เป็นสวนที่คนสร้างขึ้นนั่นเอง
สองข้างทางบนถนนนอกสวนก็ค่อยๆเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงสีเหลืองเหมือนกันค่ะ
เมื่อเดินข้ามสะพานไป เราจะพบกับกระถางดอกไม้กลมๆตามภาพก่อนที่จะได้ผ่านประตูเสียค่าใช้จ่ายค่ะ กระถางนี้จะคล้ายๆแซมเปิ้ลว่า ฤดูนี้เป็นฤดูของดอกไม้อะไรค่ะ บางคนถ่ายต้นไม้เหลืองๆด้านนอก และดอกไม้ในกระถางนี้ ก็พอใจกลับบ้านแล้วก็มีค่ะ แต่แนะนำว่าเข้าไปดีกว่าค่ะ เพราะที่แนะนำนี้ยังไม่เข้าไปถึงพรมใบแปะก๊วยที่ตั้งเป็นหัวข้อเลยค่ะ
เอาล่ะมาถึงหน้าประตูแล้ว ค่าเข้า ผู้ใหญ่ 450 เยน เด็กฟรีค่ะ ซึ่งเปิดตั้งแต่ 9:30 ส่วนเวลาปิดจะเปลี่ยนไปตามฤดู สำหรับฤดูใบไม้ร่วงนี้ มืดเร็ว เลยเปิดถึงแค่ 16:30ค่ะ เช็กเวลาปิดในช่วงฤดูอื่นได้ตามเว็บเลยค่ะ
ซึ่งสวนได้ในกว้างมากกกกกกก เดินวันเดียวไม่ทั่วแน่นอน(เคยเดินแล้ว เดินไป10กิโล ยังไม่ทั่วเลยค่ะ)
ดังนั้นสำหรับคนที่ต้องการชมให้ทั่วทุกซอกทุกมุม แนะนำให้เช่าจักรยานที่เมื่อเข้าประตูเสียค่าใช้จ่ายปุ๊บ จะตั้งอยู่ใกล้ๆเลยค่ะ นอกจากนี้ที่นี่ยังมีด๊อกรันด้วย ใครอยากดูหมาๆทั้งหลายก็ไปเกาะรั้วดูได้ค่ะ
เอาล่ะ มาถึงพระเอกของเราแล้ว "พรมใบแปะก๊วย"สีเหลืองอร่ามนั่นเอง
ส่วนพรมแปะก๊วยเมื่อเข้าประตูเสียค่าใช้จ่ายปุ๊บจะเจอปั๊บเลยค่ะ เพราะทุกคนก็มีเป้าหมายมาถ่ายรูป ดังนั้น คนเลยรุมตรงนี้กันเยอะมาก ต้องมีความอดทน และเทคนิคขั้นสูงในการถ่ายรูป
บางคนก็นอนถ่ายรูป บางคนก็เก็บลูกแปะก๊วยไปกิน บางคนก็พาหมามาถ่ายรูป
ตอนที่ไปแอบเห็นคนมาถ่ายพรีเวดดิ้งด้วยล่ะค่ะ ก็สวยซะขนาดนี้ใครๆก็อยากถ่ายล่ะนะคะ
ถ้าได้กลิ่นเหม็นๆไม่ต้องคิดมาก มันคือ เมล็ดแปะก๊วยที่โดนเหยียบ กินจะเหม็นมาก
พรมแปะก๊วยจะมีสองสายค่ะ สายใกล้ประตูทางเข้า กับสายที่เยื้องออกไป (ฝั่งนั้นยังแอบเขียวๆนิดหน่อย)
แอบมีใบเมเปิ้ล มาแซมๆด้วยนะ ใบสีเหลืองของแปะก๊วยกับสีแดงของเมเปิ้ลร่วงมารวมกันแล้วก็สวยไปอีกแบบ พูดถึงต้นไม้ยอดฮิตของฤดูใบไม้ร่วงแล้วก็มี ต้นแปะก๊วยสีเหลือง และต้นเมเปิ้ลสีแดงสด หรือสีส้มนี่ล่ะค่ะ ทำให้แฟชั่นฤดูนี้ ออกเป็นโทนสีเหลือง ส้ม แดง ไปด้วย นั่นเอง
ถนนสายแปะก๊วยจะมีลานน้ำอยู่ตรงกลางค่ะ แต่ห้ามลงไปเดินในน้ำนะคะ
และสุดปลายทางของน้ำจะมีน้ำพุใหญ่ตั้งอยู่ค่ะ คงเพราะน้ำพุนี้ดูเหมือนอยู่ในยุโรป เลยมีคอสเพลย์มาถ่ายภาพแถวนี้บ่อยๆค่ะ
เมื่อเดินเลยโซนใบแปะก๊วยและน้ำพุมาก็ต้องข้ามสะพานอีกครั้งค่ะ ซึ่งการข้ามสะพานครั้งนี้ เป็นการข้ามสะพานภายในสวนเองค่ะ ตรงกลางเป็นทางน้ำไหล แต่ฤดูนี่น้ำแห้ง เลยเห็นเป็นหญ้าขึ้นแทน ถ้ามาฤดูร้อนจะมีน้ำไหลเอื่อยๆให้เห็นค่ะ ต้นไม้อื่นๆนอกจากแปะก๊วยและเมเปิ้ลก็กำลังเปลี่ยนสีเหมือนกัน ทั้งเหลือง ส้ม แดง ได้อารมณ์ไปอีกแบบค่ะ
เมื่อเดินข้ามสะพานมาแล้วจะพบกับสระน้ำ ที่มีการให้ปั่นเรือ พายเรือค่ะ แต่ถ้าเรือยังต้องเดินอ้อมไปอีกไกลนิดหน่อย ในภาพเห็นกลมๆในรูปนั้นคือผลงานของสมาคม หรือโรงเรียนต่างๆในเขตนี้ จัดแสดงผลงานตามหัวข้อของแต่ละฤดูและแต่ละปีค่ะ ซึ่งผลงานจะตั้งกระจายในสวนแต่ละจุด ถ้ามาวันธรรมดาที่คนไม่เยอะ ก็จะเห็นเจ้าของผลงานช่วยกันทำอยู่ค่ะ สำหรับลานในภาพนี้ บางครั้งจะจัดให้ทดลองอุปกรณ์อะไรใหม่ๆ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นร้านค้าขายของกินเล่นค่ะ ถ้ามาฤดูนี้ ขายมันเผาแน่ๆค่ะ ซึ่งเป็นมันเผาชั่งกิโล คิดราคาเป็นกรัม เหมือนรถขายมันเผา ดังนั้น หวานมันไม่เหมือนมันตามซุปเปอร์ราคาร้อยกว่าเยนแน่นอน ซึ่งราคาก็มากกว่าร้อยกว่าเยนแน่นอนเช่นกันค่ะ
เมื่อเดินอ้อมมาอีกนิด(ก็ไม่นิดเท่าไร) ก็จะเห็นสระน้ำชัดๆแล้วค่ะ ซึ่งถ้ามองดีๆจะเห็นเรือพายอยู่ริบๆ ฝั่งตรงข้ามนั้นคือท่าเรือค่ะ ค่าขึ้นเรือก็ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้เรือปั่นหรือเรือพายค่ะถ้าเรือปั่น30นาที700เยน ถ้าเรือพาย 1ชั่วโมง700เยนค่ะ ถ้าเกินเวลามีค่าปรับนะคะ
ในสระน้ำนี้จะมีปลาคราฟอยู่ค่ะ พอเห็นคนพายเรือมา ปลาจะว่ายตาม คงมีคนเคยให้อาหาร มันเลยจำแล้วตามค่ะ แต่ยังไงที่นี่ก็ห้ามให้อาหารปลานะคะ อย่าใจอ่อน
แถมในสวนมีแมวจรเชื่องๆ(ที่ญี่ปุ่นหาแมวเชื่องๆยากนะคะ)ด้วยนะคะ ถ้าใครรักแมวห้ามพลาด ไปลองเดินหาดูได้ค่ะ สวนกว้างขนาดนี้ก็ต้องมีไม่มากก็น้อยแน่นอน (ภาพนี้ถ่ายฤดูฝน)
ไม่ใช่แค่ประตูทางเข้าอย่างเดียว ด้านในสวนก็มีถนนสายใบแปะก๊วยเหมือนกันค่ะ แต่ไม่รู้ทำไมด้านในสียังไม่เปลี่ยนเท่าไร และอยู่ลึก นักท่องเที่ยวเวลาน้อย ส่วนใหญ่เลยถ่ายแค่ด้านหน้าแล้วก็กลับกันเยอะค่ะ ถนนใบแปะก๊วยตรงนี้ อย่างที่เห็นที่ต่างจากปากทางเข้าคือมีเก้าอี้ให้นั่งพักค่ะ จึงมักจะเห็นคู่รักมานั่งคุยกันใต้ใบไม้เปลี่ยนสีที่ร่วงลงพื้น โรแมนติกสุดๆ
นี่ยังแค่บางส่วนนะคะ นอกจากที่แนะนำไปที่นี่ยังมี ลานกว้างให้นอนเล่น วิ่งเล่น สนามเด็กเล่น โซนบาบีคิว โซนรันนิ่ง โซนปั่นจักรยาน โซนขี่ม้าด้วยค่ะ ฯลฯ ไม่ใช่แค่สวนที่พักผ่อนหย่อนใจอย่างเดียว แต่ยังสามารถทำกิจกรรมต่างๆได้อีกด้วย แม่ๆก็มีที่ให้ลูกวิ่งเล่น ผู้ที่ต้องการออกกำลังกายก็ได้ออกจนพอใจแน่นอน
ฤดูอื่นๆก็มีเทศกาลดอกไม้ให้ดูเหมือนกันนะคะ ลองเช็กข้อมูลได้ตามเว็บไซต์ของสวนเลยค่ะ
สำหรับครั้งนี้ ภาพที่เอามาลง ถ่ายคนละวันกัน บางภาพฟ้าโปร่งบางภาพเมฆมาก อย่าคิดมากนะคะ
ถ้าโชคดีได้ไปเจอช่วงฟ้าโปร่งพอดี จะได้ถ่ายรูปสีฟ้าตัดสีเหลืองสวยแบบไม่ต้องแต่งภาพเลยล่ะค่ะ
ลองไปกันดูนะคะ
สวน Showa Kinen Park
ที่อยู่
3173 Midoricho, Tachikawa, Tokyo
วิธีเดินทาง
JR Tachikawa (นั่งรถไฟ Chuo Line จากสถานีShinjuku) ไม่ต้องต่อรถใช้เวลาประมาณ40นาที
เวลาทำการ
9.30-17.00
ราคา
-
โทรศัพท์
+81 42-528-1751