- 1.อย่าลืมซื้อเจแปนเรลล์พาสหรือ JR Pass ถ้าวางแผนเดินทางข้ามเมือง
- 2.นำเงินสดติดตัวไปให้มากพอหรือพกบัตรเดบิตไปด้วย
- 3.ทุกสิ่งหาได้ในร้านสะดวกซื้อ
- 4.ยืดอกพกถุงพลาสติกไปด้วย
- 5.อย่าลืมเช็คข้อมูลทั่วไปของที่ๆจะไปให้ดี
- 6.เช่าพ็อคเก็ตไวไฟมาจากไทย
- 7.ใส่เรื่องราวเกี่ยวกับวัฒนธรรมไว้ในแผนการเดินทางด้วย
- 8.วางแผนการเดินทางให้เช้าเข้าไว้
- 9.ดาวน์โหลดแอพ
- 10.ถ้าเวลาน้อยอย่าลืมนึกถึงเครื่องบิน
1.อย่าลืมซื้อเจแปนเรลล์พาสหรือ JR Pass ถ้าวางแผนเดินทางข้ามเมือง
นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเยือนประเทศญี่ปุ่นจากต่างประเทศโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการท่องเที่ยวด้วยสถานภาพการเข้าประเทศแบบ “การพำนักระยะสั้น” สามารถซื้อตั๋วขึ้นรถไฟแบบไม่จำกัดเที่ยวซึ่งจะใช้ได้ตามระยะเวลาที่เลือก โดยมีตั้งแต่ 7 วัน 14 วันไปจนถึง 21 วัน เจแปนเรลล์พาสมีหลายแบบ แบ่งตามขอบเขตการใช้งาน บางชนิดไม่สามารถซื้อในประเทศได้เพราะฉะนั้นถ้าจะให้ดีควรซื้อมาจากประเทศไทยเลย แล้วค่อยนำบัตรแลกตั๋วมาเปลี่ยนเป็นตั๋วเจแปนเรลล์พาสที่ญี่ปุ่นในวันที่ต้องการ การใช้เจแปนเรลล์พาสจะมีความคุ้มค่าอย่างยิ่งเมื่อเดินทางหลายๆเมือง ข้อควรระวังคือคุณต้องกำหนดวันที่จะเริ่มใช้ให้ดี เพราะเมื่อออกตั๋วแล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงวันที่บนหน้าตั๋วได้ และตั๋วหนึ่งใบจะใช้ได้สำหรับหนึ่งคนคือผู้ที่มีชื่ออยู่บนบัตรเท่านั้น
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
http://www.japanrailpass.net/th/index.html
สามารถซื้อ JR Pass ราคาถูกใน Klook
2.นำเงินสดติดตัวไปให้มากพอหรือพกบัตรเดบิตไปด้วย
หลายๆที่ในญี่ปุ่นไม่รับบัตรเครดิต หรือบางครั้งก็รับได้เฉพาะบัตรที่ออกในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น เพราะฉะนั้นเพื่อความมั่นใจขอให้พกเงินสดไปให้มากพอ และอาจจะติดบัตรเอทีเอ็มไทยที่เป็นบัตรประเภทเดบิตไปด้วยซักใบ เพราะหากเงินไม่พอขึ้นมาจริงๆ คุณสามารถใช้บัตรเดบิตไปกดเงินได้จากตู้เอทีเอ็มที่มีให้บริการในร้านสะดวกซื้อ สะดวกที่สุดคือใน 7-11 (มีภาษาไทย) และที่เอทีเอ็มของไปรษณีย์ซึ่งมีอยู่ทั่วไป
3.ทุกสิ่งหาได้ในร้านสะดวกซื้อ
ร้านสะดวกซื้อมีทุกอย่างที่คุณต้องการ อาหารที่ขายอยู่ในร้านสะดวกซื้อก็มีหลากหลายและราคาไม่แพง รวมทั้งอีกสิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยทราบคือ คุณสามารถใช้ห้องน้ำในร้านสะดวกซื้อได้โดยไม่ต้องขอใคร เพราะร้านสะดวกซื้อญี่ปุ่นมีห้องน้ำไว้บริการลูกค้าเป็นปกติ ซึ่งตำแหน่งส่วนใหญ่ก็จะอยู่ที่ด้านหลังร้านฝั่งตรงข้ามกับเคาน์เตอร์คิดเงิน
4.ยืดอกพกถุงพลาสติกไปด้วย
หลายคนเข้าใจว่าประเทศที่สะอาดอย่างญี่ปุ่นคงจะอุดมไปด้วยถังขยะทุกหัวระแหง แต่ในความเป็นจริงคือในที่สาธารณะของญี่ปุ่นแทบไม่มีถังขยะอยู่เลย หรือถึงมีก็จะเป็นถังแยกขยะซึ่งถ้าประเภทขยะไม่ตรงกับที่ระบุไว้ก็ทิ้งไม่ได้ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะมาตรการแยกขยะที่เข้มข้นขึ้น โดยทั่วไปแล้วทุกคนจะต้องนำขยะกลับไปทิ้งเองที่บ้านเพื่อที่จะได้แยกประเภทขยะตามที่มีกำหนดไว้ สำหรับนักท่องเที่ยวสามารถทิ้งขยะโดยไม่ต้องแยกได้ในห้องพัก แต่ระหว่างวันซึ่งต้องพกขยะต่างๆติดตัว ถุงพลาสติกซักใบจะช่วยขจัดความวุ่นวายได้มากถ้าคุณมีติดกระเป๋าไว้
5.อย่าลืมเช็คข้อมูลทั่วไปของที่ๆจะไปให้ดี
สถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งมีวันและเวลาเปิดบริการไม่เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่มีวันหยุด ไม่ได้เปิดบริการตลอดทุกวันเหมือนสถานที่ท่องเที่ยวในไทย หลายแห่งซึ่งเป็นที่ท่องเที่ยวตามฤดูกาลอาจจะปิดเป็นเวลานานๆในบางช่วง วางแผนจะไปเที่ยวที่ไหนอย่าลืมเช็คเรื่องนี้ด้วยจะได้ไม่ไปเก้อ
6.เช่าพ็อคเก็ตไวไฟมาจากไทย
ญี่ปุ่นมีไวไฟสาธารณะให้บริการในหลายๆพื้นที่ รวมทั้งตามร้านสะดวกซื้อก็จริง แต่คุณภาพของการเชื่อมต่ออาจไม่ดีเสมอไปในกรณีที่มีผู้ใช้งานเยอะ หรือเมื่อคุณออกจากเมื่อใหญ่ การหาจุดบริการไวไฟฟรีจะกลายเป็นเรื่องยาก และเพื่อให้คุณมีอินเทอร์เน็ตเป็นตัวช่วยเสมอในเวลาที่สื่อสารไม่ได้หรือหลงทาง เราแนะนำให้คุณเตรียมอินเทอร์เน็ตมาด้วย จะซื้อเป็นซิมมาก็ได้ แต่พ็อคเก็ตไวไฟก็สะดวกในกรณีที่ใช้งานด้วยกันในกลุ่ม
สามารถเช่าพ็อคเก็ตไวไฟราคาถูกใน Klook
7.ใส่เรื่องราวเกี่ยวกับวัฒนธรรมไว้ในแผนการเดินทางด้วย
ญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร และมีความโดดเด่นจนเป็นที่ชื่นชมไปทั่วโลก ไหนๆจะมาเที่ยวทั้งที เราแนะนำว่าคุณไม่ควรพลาดกิจกรรมที่จะทำให้คุณได้สัมผัสความเป็นญี่ปุ่นมากขึ้น เดี๋ยวนี้บริการแนวกิจกรรม เช่นหัดทำขนมญี่ปุ่น หรือเข้าร่วมพิธีชงชามีให้เลือกมากมาย หรือจะลองไปเช่าชุดกิโมโนใส่เดินเที่ยวถ่ายรูป นั่งรถลากที่มีให้บริการอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยวดังๆหลายแห่ง ก็จะช่วยให้ภาพความทรงจำมีสีสันขึ้นไปอีกระดับ
8.วางแผนการเดินทางให้เช้าเข้าไว้
ที่ท่องเที่ยวหลายแห่งเป็นที่นิยมทั้งในหมู่คนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจึงแน่นขนัดตลอดเวลา ถ้าอยากจะให้การท่องเที่ยวของคุณราบรื่นขึ้นอีกนิด เราขอแนะนำให้คุณไปแต่เช้าในช่วงที่คนยังไม่เยอะมาก โดยเฉพาะถ้าคุณขับรถเที่ยว การไปช้าบางทีอาจหมายถึงการที่คุณต้องเอารถไปจอดไกลมากเพราะที่จอดรถใกล้ๆเต็มหมด หรือบางครั้งคุณอาจจะต้องเข้าแถวต่อคิวยาวมากเพื่อเข้าชม หรือเพื่อซื้อขนมดังๆซักอย่างที่คุณอยากลอง
9.ดาวน์โหลดแอพ
แอพ 5 ตัวที่เราขอแนะนำคือ
1. Google Maps
แอพแผนที่ที่ทุกคนคงรู้จักกันดีอยู่แล้ว
2. Google Translate
แอพแปลภาษาซึ่งมีฟังก์ชันที่สะดวกมากคือสามารถแปลภาษาผ่านกล้องได้ คุณสมบัติข้อนี้จะช่วยคุณได้มากในยามที่ต้องการอ่านป้ายต่างๆ
3. NAVITIME for Japan Travel
แอพนี้จะช่วยให้คุณหาวิธีการเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งได้อย่างง่ายดาย โดยบอกข้อมูลให้อย่างละเอียด ทั้งสายรถไฟ สถานีที่ต้องเปลี่ยนรถ ชานชลาและค่าตั๋วโดยสาร
4. Japan ATM Navigation By Seven Bank, Ltd.
ตู้เอทีเอ็มใน 7-11 ให้บริการได้ในภาษาไทย ทั้งข้อความที่หน้าจอและเสียงแนะนำ รวมทั้งสาขาของ 7-11 ก็มีมากมายถึงราว 19,000 แห่งทั่วประเทศ แอพนี้จะช่วยบอกตำแหน่งของ 7-11 เหล่านั้น
5. GURUNAVI-Japan Restaurant Guide
แอพสำหรับหาร้านอาหารโดยเงื่อนที่กำหนดได้ในการเลือกมีทั้งทำเล ประเภทอาหาร เวลาเปิดบริการและราคา
10.ถ้าเวลาน้อยอย่าลืมนึกถึงเครื่องบิน
เดี๋ยวนี้เครื่องบินโลว์คอสท์ในญี่ปุ่นมีบริการหลายเจ้า ถ้าเวลาน้อยและอยากไปให้ทั่ว อย่าลืมพิจารณาตัวเลือกนี้ด้วยเพราะสำหรับที่ไกลอย่างฮอกไกโดหรือโอกินาว่า เครื่องบินจะช่วยประหยัดเวลาของคุณได้มาก ที่เราแนะนำมีดังนี้
1. Skymark Airlines
Skymark Airlines เป็นสายการบินโลว์คอสท์ที่มีเส้นทางบินให้เลือกค่อนข้างมากครอบคลุมภูมิภาคสำคัญๆตั้งแต่ฮอกไกโดไปจนถึงคาโกชิม่าในคิวชู ข้อดีของสายการบินนี้คือให้น้ำหนักถึง 20 กก.
2. สายการบิน Peach
เริ่มเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2012 เส้นทางบินมีทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ มีความโดดเด่นเรื่องราคาตั๋วที่ถูกอย่างไม่น่าเชื่อเวลาที่ออกโปรโมชัน อย่างเช่นโปรช่วงนี้กำลังลดราคาตั๋วจากโอซาก้าไปคุชิโระในฮอกไกโด ที่เริ่มต้นตั้งแต่ราคา 2,990 เยนเท่านั้น ที่สุดยอดสำหรับคนไทยอีกอย่างคือสายการบินนี้มีเว็บไซต์ที่เป็นภาษาไทยด้วย โดยตั๋วแบบที่ถูกที่สุดไม่รวมค่าโหลดกระเป๋า แต่สามารถถือกระเป๋าขึ้นเครื่องได้ 1 ใบน้ำหนักไม่เกิน 10 กก.
https://www.flypeach.com/pc/th
3. สายการบิน Jetstar
อีกสายการบินหนึ่งที่น่าจะคุ้นชื่อกันดีเพราะมีบริการทั้งในและระหว่างประเทศ มีบินในหลายเส้นทาง เรื่องกระเป๋าคล้ายกับ Peach คือถ้าจะโหลดต้องซื้อน้ำหนักเพิ่ม ส่วนกระเป๋าถือขึ้นเครื่องให้ได้ 7 กก.
https://www.jetstar.com/jp/en/home
4. Air Do
เป็นสายการบินโลวคอสท์อีกสายหนึ่งที่น่าสนใจ โดยเฉพาะคนที่อยากเที่ยวฮอกไกโด เพราะที่นี่มีตัวเลือกเมืองปลายทางในฮอกไกโดให้มากกว่าสายการบินอื่นในราคาไม่แรง และน้ำหนักสัมภาระที่โหลดได้ฟรีถึง 20 กก. ถือขึ้นเครื่องได้อีก 10 กก.